Parents One

“แม่คือผู้ให้” บทบาทของแม่ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของนักกีฬารุ่นจิ๋ว

ไม่ว่าลูกจะเป็นยังไง จะเลือกเส้นทางไหน คนเป็นแม่ก็พร้อมยืนเคียงข้างในวันที่ลูกอ่อนล้าอยู่เสมอ ใช่ไหมคะ? การที่เด็กคนหนึ่งจะเติบโตขึ้นมาและยืนหยัดลงมือทำอะไรบางอย่างให้ประสบความสำเร็จ สิ่งที่เป็นแรงผลักดันให้เขากล้าที่จะทำตามความฝันคือแรงสนับสนุนจากครอบครัว โดยเฉพาะจากคุณแม่ผู้ที่เข้าใจในสิ่งที่ลูกต้องการมากที่สุด แรงสนับสนุนของแม่ก็เปรียบเสมือนลมใต้ปีกที่จะช่วยพยุงให้ลูกบินได้สูงและไปได้ไกลตามสิ่งที่เขาวาดฝันไว้

ถ้าเราบอกว่าแม่คือครูคนแรกคนลูก กีฬาก็เป็นครูอีกหนึ่งคน แล้วสองอย่างนี้มาเกี่ยวข้องกันได้อย่างไร ในโอกาสวันแม่ปีนี้เรามีเรื่องราวของคนเป็น “แม่” ที่ทุ่มเทและสนับสนุนความฝันของ “ลูก” ในด้านกีฬา แม่ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของน้องๆ ตัวแทนประเทศไทยที่ไปแข่งขันฟุตบอลรายการ “ไมโล แชมเปียนส์คัพ” ที่เป็นการเปิดประสบการณ์ของน้องๆ สู่การเอาชนะใจตัวเองในการเป็นแชมป์ในชีวิตจริง และประสบความสำเร็จจนถึงจุดนี้เพราะได้รับการสนับสนุนอย่างดีเยี่ยมจากครอบครัวมาเล่าให้ฟังค่ะ ว่ากว่าจะมีวันนี้ แม่ต้องทุ่มเทขนาดไหน

คุณแม่น้องโฮจุน

เริ่มกันที่คุณแม่ผู้ที่รักและภูมิใจในตัวลูก อีกทั้งยังเป็นผู้สนับสนุนหลักให้ลูกเดินหน้าตามความฝัน อย่างคุณแม่น้องโฮจุน เด็กชายผู้เล่นตำแหน่งกองหน้าอีกทั้งยังเป็นกัปตันทีมและได้รับรางวัล MVP จากการแข่งขันครั้งนี้ ถึงแม้ว่าคุณแม่จะไม่ได้มีเวลาไปเชียร์ลูกตามสนามแข่งขัน เพราะเป็นแม่ค้า ที่ต้องค้าขายอยู่ตลอด แต่ว่าคุณแม่ก็ได้ให้กำลังใจและสนับสนุนลูกอย่างสุดความสามารถ

ซึ่งคุณแม่ได้กล่าวเกี่ยวกับเส้นทางการเล่นฟุตบอลของน้องโฮจุนไว้ว่า “โฮจุนเหมือนเป็นเทวดาน้อยๆ ของแม่ เขาเริ่มเล่นฟุตบอลจากศูนย์พัฒนาและบริการคลองเตย ซึ่งเขาก็ชอบมาก หลังเลิกเรียนก็ต้องไปเล่นทุกวัน จนกระทั่งโค้ชใหญ่จากโรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์มาเห็นเข้า จึงทาบทามให้ไปร่วมทีม”

“พอเห็นแบบนั้นเราก็สนับสนุนและเคารพในการตัดสินใจของลูก เพราะเชื่อว่าถ้าเขาอยู่ตรงไหนแล้วเขาชอบ เขาก็จะทำได้ดี แต่ก็พยายามบอกเขาว่าให้สนใจการเรียนควบคู่กันไปด้วย ถ้ามีโอกาสที่จะติดทีมชาติ คนเป็นพ่อเป็นแม่อย่างเราก็ดีใจ อยากให้เขามีชีวิตที่ดี ไปได้ไกลๆ”

“เวลาที่โฮจุนไปแข่งแม่ไม่ค่อยได้ไปดู เพราะเราต้องค้าขาย แต่ก็บอกน้องเสมอว่าแม่เชียร์อยู่นะ เราให้กำลังใจเขาตลอด เรื่องของสุขภาพและอาหาร นอกจากอาหารหลัก 5 หมู่แล้วก็จะเน้นเรื่องของนมเป็นหลัก คือน้องเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบทานนม โค้ชก็จะพยายามให้เขาดื่มนมทุกวันควบคู่ไปกับการโหนบาร์ให้สูง”

“การเล่นกีฬายังเป็นสิ่งที่สอนความรัก ความสามัคคีและความผูกพันให้แก่เด็กๆ และยังเป็นเหมือนตัวเชื่อมสัมพันธ์ มันไม่ใช่แค่เด็กนะคะ กลายเป็นว่าผู้ปกครองที่อยู่กันคนละทิศละทาง ก็ได้มารู้จักกัน มีความรู้สึกดีๆ มีการให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ด้วยความที่เป็นคุณแม่เหมือนๆ กัน มันเป็นอะไรที่อบอุ่น”

น้องโฮจุนบอกว่า “แม่ผมต้องทำงาน ไม่ค่อยมีเวลามาดูผมแข่งแต่ก็คอยให้กำลังใจผมตลอด ผมอยากบอกแม่ว่า ผมเข้าใจแม่และจะทำหน้าที่ของผมให้ดีที่สุดเหมือนกัน ทุกครั้งก่อนลงสนามผมจะคิดถึงพ่อกับแม่ และจะทำหน้าที่กัปตันให้ดีที่สุด ไม่มีแม่ก็คงไม่มีผม ไม่มีกัปตันโฮจุนในวันนี้ ผมรักแม่”

คุณแม่น้องทีเจ

คุณแม่น้องทีเจ เด็กชายผู้ที่เป็นน้องเล็กที่สุดในทีมประเทศไทยของการแข่งขัน “ไมโล แชมเปียนส์คัพ” คุณแม่ผู้เชื่อมั่นและสนับสนุนในทุกเส้นทางที่ลูกเลือก ไม่ว่าจะยุ่งขนาดไหน แต่ก็จะตามไปเชียร์ลูกในทุกสนามเล่าว่า

“น้องชอบจะเตะบอล แม่เลยสนับสนุนเขาอย่างเต็มที่ ทั้งการหาอคาเดมี่ที่เหมาะสมกับเขา ช่วยจัดสรรเวลา มีการวางแผนให้เขาในเรื่องของการซ้อม จัดตารางเวลาให้เรื่องเรียนกับเรื่องซ้อมบอลเข้ากันได้ และการเรียนยังต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งน้องก็เลยตั้งใจเรียนควบคู่ไปกับการซ้อมบอล”

“แม่จะไปดูน้องแข่งทุกครั้ง เพราะเชื่อว่าคนเป็นแม่สามารถทำเพื่อลูกได้เสมอ แม้ว่าสิ่งนั้นจะลำบากขนาดไหน การขับรถเกือบสองชั่วโมงเพียงเพื่อให้ลูกไปแข่ง 15 นาที แม่ทำได้ แต่ขออย่างเดียว คือต้องตั้งใจและเต็มที่กับการแข่งขัน”

“เทคนิคในการเลี้ยงลูกอย่างแรกเลยคือไม่กดดัน เราจะบอกเขาเสมอว่าถ้าจะเล่นต้องเล่นให้สนุก เพราะถ้าไม่สนุกแล้วมันจะทำอะไรออกมาไม่ดี แข่งมาแพ้หรือชนะไม่เป็นไร”

“ทุกครั้งที่ไปแข่งก็จะบอกเขาว่า รู้ใช่ไหมว่าผลการแข่งมีแค่ 3 แบบ คือ แพ้ ชนะ และเสมอ เขาต้องรับให้ได้ ถ้าชนะก็ดีแต่ถ้าแพ้เราน่าจะได้อะไรมากกว่า เพราะว่าจะทำให้เราเห็นจุดด้อยและนำมาปรับปรุงการเล่นในครั้งต่อไปได้ เราอยากให้ลูกเล่นให้สนุก ให้มีความสุขแล้วก็เล่นให้เต็มที่ แต่ไม่เคยคาดหวังว่าต้องไปติดทีมชาติ เพราะถ้าโอกาสมาก็จะมาเอง และถ้าในอนาคตเขาจะเลือกไปเส้นทางอื่นที่ไม่ใช่การเล่นฟุตบอลแล้วก็ไม่เป็นไร ไม่ว่าเขาจะเลือกทางไหน สิ่งที่แม่พร้อมจะทำ คือสนับสนุนความฝันของลูก”

น้องทีเจบอกว่า “แม่ผมเป็นคนเก่งครับ เป็นทุกอย่างของผมด้วย แม่เหมือนนางฟ้า ไม่ว่าผมจะไปที่ไหน แม่ไปกับผมด้วย ทำให้ผมมั่นใจ พร้อมทำทุกอย่าง วันแม่ปีนี้ผมจะกอดแม่และบอกรักแม่ครับ”

คุณแม่น้องข้าวปั้น

ทางด้านคุณแม่ของน้องข้าวปั้น ผู้เป็นเหมือนลมใต้ปีกที่คอยสนับสนุนทุกย่างก้าวในการเลือกเส้นทางของลูก น้องข้าวปั้นจึงเป็นหนึ่งในนักกีฬาเด็กหญิงที่ได้เป็นตัวแทนไปแข่งขัน “ไมโล แชมเปียนส์คัพ” เช่นกัน โดยคุณแม่ของน้องข้าวปั้นได้เล่าว่า “ตอนเด็กๆ น้องเคยเรียนรำมาก่อนเพราะแม่พาไปเรียน ซึ่งน้องก็รำได้ดี และตอน 4 ขวบน้องก็ได้ลองเล่นฟุตบอลกับคุณพ่อ เล่นกันสนุกๆ”

“แต่พอ 6 ขวบน้องก็เริ่มจริงจังและการทำกิจกรรม 2 อย่างทั้งรำและเล่นฟุตบอล ซึ่งแม่คิดว่าคงไม่ไหว น้องจึงเลือกที่จะเล่นฟุตบอล แต่ทางบ้านมีคุยกันบ้างว่ากีฬาฟุตบอลนี้เหมาะลูกของเราจริงๆ หรือเปล่า เพราะว่าเป็นผู้หญิงซึ่งกีฬาชนิดนี้ก็ยังไม่ได้เป็นที่นิยมเท่ากับฟุตบอลชาย แต่เมื่อลูกเลือกแล้วเราก็พร้อมสนับสนุนทุกอย่าง”

“และเมื่อลูกตัดสินใจแล้วพ่อกับแม่ก็ต้องสนับสนุนเขาให้ไปถึงฝั่งฝัน โดยสิ่งที่แม่ให้ความสำคัญเป็นพิเศษคือการกินอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มนมทุกวัน และพักผ่อนให้เพียงพอ นอกจากนี้ยังปลูกฝังให้รู้จักแบ่งเวลาให้เป็น สอนให้เขาตั้งใจเรียนในห้อง แล้วรับผิดชอบหน้าที่ในห้องให้ดี”

“แม่จะสอนให้เขามีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตัวเอง อย่างเวลาเรียนก็ให้ตั้งใจเรียน เวลาซ้อมก็ซ้อมให้เต็มที่ ที่สำคัญคือต้องรู้จักเชื่อฟังคำสั่งสอนของผู้ใหญ่ พ่อแม่ ครูและโค้ช และบอกลูกอยู่เสมอว่าเรื่องแพ้หรือชนะมันเกิดขึ้นได้ตลอด ก็ตั้งความหวังไว้ได้แต่อย่ามากเกินไปเพราะมันจะกลายเป็นแรงกดดัน นอกจากนี้เราก็ยังให้กำลังใจและพร้อมส่งเสริมให้น้องไปไกลได้มากที่สุดตามที่เขาตั้งใจไว้ค่ะ”

น้องข้าวปั้นอยากบอกคุณแม่ว่า “หนูอยากขอบคุณที่แม่สนับสนุนให้หนูได้ทำในสิ่งที่หนูรัก ถ้าตอนนั้นแม่ให้หนูเลิกเล่นฟุตบอลไปเรียนรำ หนูคงไม่มีโอกาสอย่างวันนี้ วันแม่ปีนี้หนูจะเอาดอกมะลิไปกราบ และกอดแม่แน่นๆ เลยค่ะ”

คุณแม่น้องตั้งใจ

คุณแม่ของน้องตั้งใจผู้อยู่เบื้องหลังและช่วยสนับสนุนในสิ่งที่ลูกสาวทำ กล่าวถึงเส้นทางของน้องตั้งใจว่า “แรกเริ่มนั้นน้องตั้งใจเริ่มเล่นฟุตบอลจากการที่พาน้องชายไปเรียนเตะฟุตบอลเพราะอยากให้ร่างกายแข็งแรง พอพาน้องตั้งใจมาด้วยบ่อยๆ ทำให้สนใจที่จะเล่นฟุตบอลด้วย พอเห็นแบบนั้นแม่เลยสนับสนุนทุกอย่างที่น้องทำ”

“อย่างเรื่องการดูแลสุขภาพ ตั้งแต่การกินอิ่ม นอนหลับ โดยเฉพาะเรื่องอาหารที่แม่จะใส่ใจเป็นพิเศษ เพราะน้องต้องใช้พลังงานเยอะ ก็ต้องเตรียมอาหารให้ครบ 5 หมู่ รวมไปถึงนมที่มีความสำคัญอย่างมากกับเด็กทุกคน ยิ่งเล่นกีฬายิ่งจำเป็นเพราะต้องคอยฟื้นฟูกล้ามเนื้อ”

“นอกจากเรื่องสุขภาพและอาหาร แม่ว่าเด็กที่มีทัศนคติที่ดีจะไปได้ไกล แม่จึงคอยสอนน้องเสมอว่าจะทำอะไรก็ขอให้ทำด้วยความตั้งใจเหมือนกับชื่อของตัวเอง ดังนั้นน้องจะรับรู้เรื่องนี้มาโดยตลอดไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียน ความรับผิดชอบ ซึ่งเมื่อทำด้วยความตั้งใจแล้วทุกอย่างก็จะดีได้ด้วยตัวของมันเอง อีกอย่างก็บอกกับน้องว่าซ้อมให้เต็มที่ แข่งให้เต็มที่ ไม่ต้องกังวลถึงผลลัพธ์”

“และบอกเสมอว่าการเล่นกีฬาต้องรู้จัก ‘แพ้ได้ ชนะเป็น’ ถ้าแพ้ก็ไม่ได้หมายความว่าเราเล่นไม่ดี แต่ทำให้เราต้องไปทุ่มเท ฝึกซ้อมและปรับปรุงเพื่อมาแข่งใหม่ หรือถ้าชนะก็ไม่ได้หมายความว่าเราเป็นทีมที่ดีที่สุดเช่นกัน แต่แน่นอนว่าเมื่อมีการตั้งความหวังก็ย่อมมีผิดหวัง ดังนั้นเวลาที่เขาผิดหวังสิ่งที่สำคัญที่สุดคือพ่อแม่ที่ต้องดึงเขาให้ยืนขึ้นมาให้ได้ และการที่น้องได้เป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งไมโล แชมเปียนส์คัพก็เป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าหากเราตั้งใจ ก็จะสามารถเป็นแชมป์ได้ทั้งในสนามแข่งและในชีวิตจริง”

น้องตั้งใจเล่าว่า “แม่บอกหนูเสมอว่าเวลาทำอะไรให้ตั้งใจเหมือนชื่อของหนู หนูไม่เก่ง แต่หนูไม่หยุดเล่นบอล เพราะมันคือสิ่งที่หนูรักและอยากทำให้ดีที่สุด หนูไม่ได้อยากชนะ แค่ได้ลงแข่ง ได้เป็นแชมป์ในสายตาของพ่อแม่หนูก็พอใจแล้วค่ะ หนูดีใจมากที่ได้เกิดมาเป็นลูกแม่ หนูทำได้สำเร็จสมชื่อที่พ่อกับแม่ตั้งให้แล้วนะคะ”

กีฬาคือครูชีวิต

ไมโล แชมเปียนส์คัพ เป็นหนึ่งตัวอย่างที่แสดงถึงแรงสนับสนุนของแม่ที่ให้ลูกๆ  ได้เล่นกีฬาในแบบตามแบบที่ลูกชอบ ไมโล แชมเปียนส์คัพ คือทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลระดับโลกครั้งแรกของไมโล โดยมีการคัดเลือกนักเตะ 8 คนไปเป็นตัวแทนประเทศไทยในการแข่งขันกับเด็กไมโลอีก 12 ประเทศรวมทั้งเรียนรู้และฝึกทักษะฟุตบอลระดับโลกในโปรแกรมบาร์ซ่า อคาเดมี่ ณ คัมป์นู สโมสรฟุตบอลบาร์เซโลน่า ประเทศสเปน และยังเปิดโอกาสให้นักเตะเด็กผู้หญิงลงแข่งขันอีกด้วย โดยนักเตะจิ๋วของเราก็โชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมคว้าถ้วยรางวัลอันดับ 3 มาครอง

“กีฬาคือครูชีวิต” หากจะกล่าวแบบนี้ก็คงไม่ผิดนัก เพราะคำนี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของกีฬาได้อย่างชัดเจนว่า นอกจากจะช่วยให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงแล้ว กีฬายังเป็นครูชีวิตที่สามารถสร้างคน สร้างอาชีพให้แก่เด็กๆ ให้พวกเขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ ผ่านการเรียนรู้และนำมาใช้ในชีวิตจริงได้ เช่น สอนให้รู้จักการทำงานเป็นทีม, การรู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย, การทำกฎกติกาที่วางไว้ รวมไปถึงสอนให้รู้จักปรับตัวที่จะอยู่ร่วมกับคนอื่นๆ ในสังคม

ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มไมโลเห็นถึงความสำคัญของกีฬา จึงตอกย้ำเจตนารมณ์ในการส่งเสริมให้เด็กไทยเติบโตสู่ความสำเร็จด้วยกีฬา เพราะกีฬาคือครูชีวิต…

ติดตามโครงการและข่าวสารดีๆ จากทางผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มไมโลได้ที่ MILO Thailand