Parents One

สังคมดีเริ่มต้นที่ลูกของเรา!! 3 สิ่งที่ควรสอนเพื่อให้ลูกยังเป็นคนดีแม้อยู่ในสังคมที่เกเร

สังคมถือเป็นส่วนหนึ่งที่หล่อหลอมให้เด็กเติบโตขึ้นมาในเส้นทางที่ต่างกัน แล้วจะเป็นไปได้ไหม ถ้าเด็กอยู่ในสังคมที่ไม่ค่อยดีนัก รอบตัวมีแต่เพื่อนเกเร แต่ว่าเขายังคงเป็นเด็กดีและเติบโตขึ้นมาเป็นคนดีของสังคม คำตอบคือ ได้ค่ะ ซึ่งนั่นขึ้นอยู่กับการปลูกฝังและสั่งสอนลูกตั้งแต่ยังเล็ก 

และบางทีการที่เราปลูกฝังให้ลูกเป็นเด็กดี มีจิตใจที่ดีต่อคนรอบข้างก็อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆ ที่ช่วยเปลี่ยนแปลงสภาพสังคมนั้นให้ดีขึ้นได้ ซึ่งสิ่งที่เราสามารถสอนและปลูกฝังให้ลูกยังคงมั่นคงในความดีมีหลักๆ อยู่ 5 อย่าง เรามาดูกันดีกว่าค่ะว่าจะมีอะไรบ้าง   

สอนมารยาทขั้นพื้นฐานที่ควรมี

แรกเริ่มสุดที่คนทุกคนควรมีและควรสอนให้ลูกเป็นอย่างแรก คือเรื่องของมารยาทค่ะ เพราะมารยาทเป็นสิ่งที่ทำให้คนในสังคมอยู่ร่วมกันได้อย่างผาสุก ซึ่งมารยาทพื้นฐานที่ลูกควรมี เช่น การขอบคุณเมื่อได้รับสิ่งต่างๆ จากคนอื่น การขอโทษเมื่อตัวเองทำผิด รู้จักรอคอยไม่แซงคิวคนอื่น

นอกจากนี้การสอนให้ลูกฝึกนิสัยที่ไม่เบียดเบียนสังคมก็เป็นเรื่องที่จำเป็นเช่นกัน โดยสิ่งที่เบียดเบียนสังคมคือสิ่งที่ก่อให้เกิดผลกระทบในแง่ลบต่อคนอื่นๆ และสังคม เช่น การทิ้งขยะลงพื้น ยิ่งพอเราเบียดเบียนสังคมมากเท่าไหร่ คิดว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องเล็กน้อย พอทำไปมากๆ ก็จะกลายเป็นคนเห็นแก่ตัว นึกถึงแต่ตัวเอง สังคมก็จะหล่อหลอมให้รอบข้างของลูกมีแต่คนเห็นแก่ตัวเช่นกัน

แต่ในทางกลับกัน เมื่อลูกเป็นคนที่มีมารยาท รู้จักทำตามกฎกติกาของสังคม รู้จักนึกถึงส่วนร่วมมากกว่าส่วนตัว สิ่งที่ลูกแสดงออdก็ล้วนส่งผลที่ดีต่อสังคม อย่างเรื่องง่ายๆ เช่น รู้จักรอคอย ไม่แซงคิวคนอื่น และเมื่อลูกแสดงออกถึงมารยาทเหล่านั้นจนเป้นเรื่องปกติ ก็จะส่งผลให้คนรอบตัวเริ่มรับรู้ จนสังคมเกิดการเปลี่ยนแปลงทีละนิดอย่างไม่รู้ตัวค่ะ

 

สอนให้ลองมองในมุมมองคนอื่น

เราควรสอนลูกให้ลองสวมมุมมองคนอื่นดูบ้าง เพราะเวลาที่คนจะทำอะไรบางอย่าง แน่นอนว่าต้องผ่านชุดความคิดหรือสิ่งที่เขายึดถือ การลองมองในมุมคนอื่น คิดดูว่าเหตุผลที่เขาทำแบบนี้คืออะไรผ่านความคิดของเขา เขามีความจำเป็นอะไรที่ต้องทำ แน่นอนว่าสิ่งที่เขาทำอาจจะไม่ใช่เรื่องถูก แต่เมื่อเราเข้าใจเขา เราก็จะรู้เหตุผลของการกระทำ เมื่อเรารู้แบบนั้น ก็จะทำให้เราเป็นคนที่มีความเห็นอกเห็นใจคนอื่น รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา และเป็นคนที่ไม่ตัดสินใครจากการกระทำเพียงแค่ครั้งเดียว

เราควรสอนให้ลูกรู้ว่าไม่มีใครเป็นคนดีหรือเป็นคนไม่ดี 100% ซึ่งสิ่งที่จะแยกระหว่างคนดีหรือคนไม่ดีนั้นอยู่ที่จิตสำนึก และพื้นฐานของจิตใจ รวมไปถึงการยับยั้งชั่งใจ ดังนั้นคนทุกคนมีความดีอยู่ในตัวเอง หากเราแสดงออกถึงแต่สิ่งดีๆ ก็อาจจะดึงความดีที่เขามีให้เผยออกมามากยิ่งขึ้น

 

สอนให้รู้จักแบ่งปันและช่วยเหลือกัน

อย่างที่รู้กันว่าคนดีคือสิ่งที่เราทุกคนควรจะเป็น แต่ในบางครั้ง คนดีก็กลับกลายเป็นเหยื่อให้คนที่ไม่ดีเอาเปรียบได้ ดังนั้นอย่างแรกที่ควรทำคือเราต้องสอนให้ลูกรู้จักเคารพสิทธิของตัวเอง กล้าที่จะปฏิเสธในสิ่งที่คนอื่นพยายามให้เราทำโดยที่เราไม่ต้องการและรู้ว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควรทำ 

สมมติถ้ามีงานกลุ่มที่ต้องทำร่วมกัน แต่ว่าลูกกลับต้องมานั่งทำคนเดียว เพราะคนอื่นๆ เห็นแก่ตัว ไม่ยอมมาช่วยทำงาน เราควรสอนลูกให้พลิกวิกฤติเป็นโอกาส คือ แทนที่จะมานั่งทำคนเดียว ก็อาจจะกระจายงาน มอบหมายให้เพื่อนทำในแต่ละส่วน ซึ่งในส่วนนี้ เราอาจจะมีการหว่านล้อมด้วยคำพูด เช่น เรารู้ว่าเธอเก่งในเรื่องนี้มากเลย ถ้าเกิดส่วนนี้ได้เธอมาช่วย งานจะต้องออกมาดีแน่ๆ การทำแบบนี้จะทำให้เพื่อนรู้สึกว่าตัวเองมีความสำคัญในงานนั้น และลงมือทำงานนั้นไปด้วยกัน 

ดังนั้นนอกจากลูกจะเป็นคนดีแล้ว ลูกจะต้องฉลาดและทันคน เพื่อให้ตัวเองสามารถอยู่ในสังคมแห่งนี้ได้

 

การสอนในเรื่องของความดีแบบลอยๆ เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากค่ะ ถ้าลูกยังอยู่ในสังคมที่มีแต่เรื่องแบบนี้ แต่จุดสำคัญที่สุดคือสถาบันครอบครัว หรือพ่อแม่นั่นแหละค่ะ ที่เป็นคนวางรากฐานให้แก่ลูก เป็นตัวอย่างที่ดีให้เขาเห็น เช่น สอนลูกว่าอย่าทิ้งขยะลงบนพื้น แต่ตัวเองก็ยังเปิดกระจกรถแล้วทิ้งเศษทิชชู่ลงบนถนน นั่นก็คงไม่ใช่ตัวอย่างที่ดีสักเท่าไหร่ใช่ไหมคะ

ดังนั้นไม่ว่าสังคมจะเป็นยังไง แต่ถ้าลูกมีความเข้มแข็ง รู้ผิดชอบชั่วดี จุดเล็กๆ ตรงนี้ก็อาจจะเกิดแรงกระเพื่อมขึ้นมาในสังคม และค่อยๆ ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างก็เป็นได้ค่ะ

#จิตใจดีสร้างสังคมที่ดี #ความดีของลูกเปลี่ยนแปลงสังคมได้