Parents One

คุณแม่ต้องรู้! 6 สารอาหารสำคัญที่ลูกควรทานเพื่อพัฒนาการที่ดีของลูก

พัฒนาการของลูกคือสิ่งสำคัญที่พ่อแม่ทุกคนล้วนใส่ใจ ซึ่งสารอาหารก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่จะช่วยพัฒนาด้านต่างๆ ของลูกได้ ทั้งเรื่องของสุขภาพ พัฒนาการทางสมอง ความจำ ระบบประสาทและสายตา เราไปดูกันดีกว่าจะมีสารอาหารอะไรกันบ้างที่เราควรให้เจ้าตัวเล็กทานเพื่อพัฒนาการที่ดีของลูกค่ะ

สารอาหารที่ 1 : DHA

ดีเอชเอ (Docosahexaenoic Acid: DHA) เป็นกรดไขมันโอเมก้า 3 ชนิดหนึ่งที่จำเป็นต่อร่างกาย ซึ่งร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ เป็นส่วนประกอบของเซลล์ทุกเซลล์ โดยเฉพาะโครงสร้างในระบบประสาทและสมองของมนุษย์ ยิ่งในวัยเด็กด้วยแล้ว ยิ่งจำเป็นต่อการพัฒนาสมอง เพื่อให้สมองของลูกพัฒนาอย่างเต็มประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังช่วยเรื่องการใช้เหตุผล การเรียนรู้ การควบคุมกล้ามเนื้อ และการใช้สายตาที่สัมพันธ์กัน

เด็กที่ได้รับ DHA อย่างเพียงพอและเป็นประจำจะทำให้มีความจำที่ดี รวมทั้งเสริมสร้างทักษะในการเรียนรู้สิ่งต่างๆ และยังช่วยบำรุงสายตาของเด็กอีกด้วย ในทางตรงกันข้าม เด็กที่ไม่ได้รับ DHA มากพอจะทำให้มีปัญหาต่อการมองเห็น รวมทั้งทำให้ระดับไอคิวลดต่ำลง และเรียนรู้ได้ช้าลง

พบได้ใน : นมแม่ ปลาทะเลน้ำลึก เช่น แซลมอน ทูน่า สาหร่ายทะเลบางชนิด และปลาน้ำจืดที่มีไขมันสูง เช่น ปลายสวาย ปลาช่อน ปลาดุก

 

สารอาหารที่ 2 : โอเมก้า 3 

โอเมก้า 3 คือ กรดไขมันโอเมก้า-3 (omega-3) เป็นกรดไขมันที่มีความจำเป็นต่อร่างกาย (Essential fatter acid) แต่ร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ โดยโอเมก้า 3 เป็นโครงสร้างไขมันสำคัญในสมอง ซึ่งเกี่ยวข้องกับระบบการเรียนรู้ การรับรู้ ระบบความจำ รวมไปถึงเรื่องของจอประสาทตา และที่สำคัญคือระบบประสาทเกี่ยวกับการพัฒนาเรียนรู้ของเด็ก

เด็กที่ได้รับโอเมก้า 3 ที่เพียงพอจะทำให้ร่างกายได้รับการพัฒนาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทั้งการทำงานของสมองและจิตใจ เพิ่มสมาธิ ความจำระยะสั้นและ ทักษะในการอ่าน นอกเหนือจากนี้ ยังมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ช่วยปกป้องกระดูก ข้อ และกล้ามเนื้ออีกด้วย

พบได้ใน : ปลาและอาหารทะเล เช่น ปลาแซลมอน ปลาแมคเคอเรล ปลาทูน่า นอกจากนี้ยังมีในถั่วและธัญพืชต่างๆ เช่น เมล็ดเจีย วอลนัท รวมไปถึงน้ำมันพืช อย่างน้ำมันถั่วเหลือง และน้ำมันคาโนล่า

 

สารอาหารที่ 3 : โอเมก้า 6

โอเมก้า 6 คือ กรดไขมันโอเมก้า-6 (omega-6) เป็นกรดไขมันที่มีความจำเป็นต่อร่างกาย (Essential fatter acid) แต่ร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้เช่นเดียวกับโอเมก้า 3 โดยโอเมก้า 6 จะเป็นเหมือนตัวถ่วงดุลให้กับโอเมก้า 3 ซึ่งร่างกายเราจะใช้ประโยชน์ของทั้งคู่ จะขาดตัวใดตัวหนึ่งไปไม่ได้ ดังนั้นหากร่างกายได้รับทั้งโอเมก้า 3 และ 6 พร้อมกันก็จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้ดีขึ้น

เด็กที่ได้รับโอเมก้า 6 ในปริมาณที่เหมาะสม จะช่วยในการเจริญเติบโตของร่างกาย การทำงานของสมองและหัวใจ อีกทั้งช่วยควบคุมระดับฮอร์โมนให้อยู่ในระดับปกติ นอกจากนี้ยังช่วยให้ผิวหนังมีความชุ่มชื้น เมื่อได้รับคู่กับโอเมก้า 3 ก็จะทำใระบบหมุนเวียนโลหิตทำงานได้ดีขึ้น

พบได้ใน : น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันทานตะวัน น้ำมันอิฟนิ่งพริมโรส น้ำมันคาโนลา น้ำมันรำข้าว, จมูกข้าว และถั่วชนิดต่างๆ

 

สารอาหารที่ 4 : โอเมก้า 9 

โอเมก้า 9 คือ กรดไขมันโอเมก้า-9 (omega-9) ที่เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัว ซึ่งจะแตกต่างจากโอเมก้า 3 และ 6 ตรงที่ร่างกายสามารถผลิตขึ้นมาได้เอง ดังนั้นจึงอาจจะไม่ได้เป็นกรดไขมันที่มีความจำเป็น (Essential fatter acid) แต่ว่าก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เช่นเดียวกัน เพราะโอเมก้า 9 จะช่วยในการทำงานของโอเมก้า 3 และ 6 ในการสร้างความแข็งแรงให้กับเซลล์สมอง ซึ่งในบางทีก็อาจจะผลิตได้ไม่เพียงพอต่อความต้องการ

เด็กที่ได้รับโอเมก้า 9 จะทำให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ รวมไปถึงทำให้เซลล์สมองมีความแข็งแรงมากขึ้น ทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตในร่างกายทำงานปกติ หัวใจ สมอง ตับ ไต และอวัยวะอื่นๆ ทำงานได้ดีขึ้น

พบได้ใน : น้ำมันมะกอก น้ำมันคาโนลา อัลมอนด์ และอะโวคาโด

 

สารอาหารที่ 5 : โคลีน 

โคลีน เป็นสารประเภทวิตามินที่ละลายน้ำได้ โดยร่างกายของเราสามารถผลิตโคลีนได้เองจากตับ แต่ก็อาจจะไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ซึ่งโคลีนเป็นองค์ประกอบสำคัญในเยื่อหุ้มสมองและสารเคมีสื่อสมอง อย่าง อะเซทิลโคลีน ที่ช่วยควบคุบความจำและสติปัญญา หากได้รับน้อยจะทำให้ความสามารถในการคิดลดลง

เด็กจึงควรที่จะได้รับโคลีนอย่างเพียงพอ เพื่อที่จะช่วยในเรื่องความจำและการเรียนรู้ของสมอง ทำให้ลูกจดจำได้ดีและเรียนรู้ได้อย่างมีประสทธิภาพมากขึ้น

พบได้ใน : ไข่แดง เครื่องในสัตว์ ถั่วเหลือง กะหล่ำดอก เนื้อสัตว์ ปลา จมูกข้าวสาลี 

 

สารอาหารที่ 6 : ลูทีน 

ลูทีน เป็นสารอาหารธรรมชาติ ที่อยู่ในตระกูลของสารแคโรทีนอยด์ (carotenoids) โดยลูทีนพบมากในจอประสาทตา หรือเรตินา ซึ่งเป็นตำแหน่งที่สำคัญที่สุด เพราะเป็นจุดที่รูปภาพและแสงส่วนมากจะมาตกบริเวณนี้ และเป็นส่วนที่จอตารับภาพได้ชัดที่สุดนั่นเอง ดังนั้นลูทีนจึงทำหน้าที่บำรุงตา ทำให้จอตาไม่เสื่อมเร็ว 

เด็กที่ได้รับลูทีนในปริมาณที่เหมาะสม ก็จะช่วยให้เด็กมีสายตาที่ดีขึ้น เสริมสร้างการมองเห็นและบำรุงสุขภาพสายตา นอกจากนี้ลูทีนยังขึ้นชื่อเรื่องการบำรุงสมองและเสริมสร้างความจำอีกด้วย

พบได้ใน : ผักใบเขียว เช่น ผักปวยเล้ง บรอกโคลี (Broccoli) คะน้า และผักที่มีสีส้มและเหลือง ข้าวโพด กีวี่ องุ่น ส้ม 

จะเห็นได้ว่าสารอาหารเหล่านี้คือปัจจัยสำคัญในการเสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองและการเรียนรู้ของลูก คงจะดีไม่น้อยถ้าลูกจะได้รับสารอาหารเหล่านี้ในครั้งเดียว เหมือนกับสารอาหารที่อยู่ในนม “S-26 Gold Progress UHT”

 

S-26 Gold Progress UHT สารอาหารเพื่อการเรียนรู้

เมื่อการทานอาหารทั่วไปเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอต่อการพัฒนาการของเจ้าตัวเล็ก “S-26 Gold Progress UHT” จึงเป็นนมยูเอชทีเสริมสารอาหาร ที่น่าสนใจมากๆ ด้วยการคิดค้นสูตรและพัฒนานม UHT ให้มีสารอาหารที่ครบถ้วนมากที่สุด โดยไวเอท นิวทริชั่น ผู้ค้นค้วาและวิจัยในเรื่องสารอาหารที่เด็กต้องการ สำหรับเสริมการพัฒนาสมองมากว่า 100 ปี จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์

โดยในนม S26 UHT 1 กล่อง อุดมไปด้วยสารอาหารที่ครบถ้วนต่อการพัฒนาสมองและจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นดีเอชเอ, โอเมก้า 3,6,9 และโคลีน นอกจากนี้ยังก้าวไปอีกขั้นด้วยสารอาหารที่ช่วยบำรุงสายตาอย่างลูทีน เรียกได้ว่าเพียงแค่นมกล่องเดียวก็เติมเต็มสารอาหารที่จำเป็นให้แก่เจ้าตัวเล็กได้เช่นกัน

ที่สำคัญที่สุดสำหรับเด็กในเรื่องการดื่มนม ก็คงต้องเป็นรสชาติอร่อยและกลิ่นที่หอม บอกเลยว่านม S26 UHT กล่องนี้มีรสชาติที่ดีมากๆ แถมยังมีกลิ่นหอมที่ลูกจะต้องเลิฟจนดูดหมดกล่องแบบไม่รู้ตัวแน่นอน เพราะนมกล่องนี้เป็นนมรสจืด กลิ่นวานิลลา ที่ดื่มเมื่อไหร่ก็โดนใจเจ้าตัวเล็ก หอมอร่อย ดื่มง่ายและได้ประโยชน์เต็มๆ

หากคุณพ่อคุณแม่ท่านไหนสนใจนม “S-26 Gold Progress UHT” สำหรับเจ้าตัวเล็กก็สามารถหาซื้อได้ที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ หรือสั่งซื้อทางออนไลน์ได้ที่ Lazada http://bit.ly/s26golduht

#S26GoldUHT #เอส26โกลด์โปรเกรสยูเอชที #เอส26โกล์ดยูเอชที

ข้อมูลอ้างอิง