Parents One

พ่อแม่ต้องรู้!! 7 เหตุการณ์การถูกรังแกในโรงเรียนที่เกิดขึ้นจริง

การกลั่นแกล้งในโรงเรียนเป็นปัญหาหนึ่งที่มีมาอย่างยาวนาน ซึ่งผู้ใหญ่มักจะมองว่าเป็นเพียงการเล่นกัน หยอกกันระหว่างเด็ก จึงไม่ได้ให้ความสนใจที่จะช่วยเหลือหรือแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ต้องรอให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงถึงจะเริ่มลงมือทำอะไรบางอย่าง ทั้งที่จริงๆ แล้วการกลั่นแกล้งเป็นเรื่องร้ายแรงและส่งผลกระทบต่อจิตใจของผู้ถูกกระทำเป็นอย่างมาก

วันนี้เราจึงยกเหตุการณ์การกลั่นแกล้งในโรงเรียนที่เกิดขึ้นจริงจากหลายสิบเรื่อง เพื่อมาเป็นอุทาหรณ์ให้แก่พ่อแม่ทุกคน อ่านแล้วก็รู้สึกหดหู่ว่าทำไมเด็กคนหนึ่งถึงต้องเจอเหตุการณ์ร้ายๆ แบบนี้ แต่นี่คือเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ ในสังคมของเราค่ะ

เหตุการณ์ที่ 1

เด็กวัยรุ่นหญิงไทย ชั้นมัธยมปลาย อายุประมาณ 16 ปี ถูกเพื่อนร่วมห้องรังแกมา 2 ปีครึ่ง เพราะเรียนเก่งเกินไป พอไปบอกครู ครูกลับบอกว่า “อย่าตั้งใจเรียนมากไป จะได้ไม่เด่นจนเพื่อนไม่ชอบ” สิ่งที่เธอโดนเริ่มจากสิ่งเล็กๆ อย่างคำนินทา โพสต์เฟซบุ๊กด่าเสียๆ หายๆ ใช้คำพูดรุนแรงอย่าง ‘ไปฆ่าตัวตายซะ’ พร้อมส่งรูปภาพมีดมาให้เธอ จนไปถึงการทำร้ายร่างกาย เมื่อถูกถ้อยคำเหล่านี้กัดกร่อนใจ นานวันไปเธอก็รู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าขึ้นมาจริงๆ จนเริ่มใช้มีดกรีดตัวเองเพราะทำแล้วรู้สึกผ่อนคลาย จากนั้นไม่นานเธอตัดสินใจที่จะไม่มีชีวิตอยู่…

แต่โชคดีที่เธอสามารถดึงสติกลับมาได้ และตัดสินใจที่จะเผชิญหน้ากับเรื่องเลวร้ายจนเรียนจบ

เหตุการณ์ที่ 2

เด็กผู้ชายอายุ 12 ปี จากสหรัฐอเมริกา เขาเป็นเด็กที่สนุกสนานและรู้จักเห็นอกเห็นใจผู้อื่น สนใจในการเป็นเชียร์ลีดเดอร์ จนทำให้ถูกเพื่อนในห้องรุมแกล้งล้อและเหยียดหยามว่าเป็น เชียร์ลีดเดอร์ตุ๊ด เมื่อการล้อเริ่มรุนแรงขึ้น เขาจึงตัดสินใจที่จะจบชีวิตลงในวัยเพียง 12 ปี

เหตุการณ์ที่ 3

เด็กชายวัย 13 ปี จากสหรัฐอเมริกา ถูกเพื่อนรังแกมาตลอดปี ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรเลย แต่กลับถูกหาเรื่องอยู่ตลอดเวลา เขาพยายามบอกเรื่องนี้กับคุณครูหลายคน แต่ครูเหล่านี้ไม่เคยทำอะไรเลย ไม่เคยแก้ปัญหา ไม่เคยลงโทษคนที่ทำผิด จนสุดท้ายแล้ว เด็กชายได้เขียนจดหมายที่แสดงถึงความอัดอั้นตันใจและตัดสินใจปลิดชีวิตตัวเองลง

เหตุการณ์ที่ 4

เด็กผู้หญิงอายุ 12 ปี เป็นคนเรียนเก่งและเป็นเชียร์ลีดเดอร์ของโรงเรียน ฟังดูเหมือนจะเป็นชีวิตที่ดี แต่เธอถูกเพื่อนๆ กลั่นแกล้งผ่านอินเทอร์เน็ต (Cyber Bullying) โดยโพสต์ด่าเธอว่า ‘ยัยขี้แพ้’ รวมถึงส่งข้อความมาว่า ‘ทำไมไม่ฆ่าตัวตายไปซะ’ การรังแกเริ่มลามออกมาสู่โลกภายนอก เธอถูกแบน ไม่มีใครคุยกับเธอ เมื่อพ่อแม่ของเธอพยายามบอกให้โรงเรียนจัดการ แต่โรงเรียนก็มองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย เธอเริ่มไม่อยากไปโรงเรียน เงียบขรึมและในที่สุดเธอก็จบชีวิตตัวเอง

เหตุการณ์ที่ 5

เด็กชายชาวอเมริกันวัย 11 ปี ผู้ที่เป็นเด็กร่าเริง น่ารัก ยิ้มเก่ง สุภาพและเป็นเด็กดีของทุกคน ถูกกลั่นแกล้งที่โรงเรียนด้วยการดูถูก เหยียดหยาม ซึ่งเขาเป็นคนที่อ่อนไหวมากอยู่แล้ว ยังต้องมาเผชิญกับคำกระทบกระเทือนจิตใจ มากไปกว่านั้น เขายังถูกบังคับให้ขายยาเสพติิดอีกด้วย นั่นทำให้เขาตัดสินใจจบชีวิตตัวเองลงด้วยเชือกหนึ่งเส้นในตู้เสื้อผ้าของเขาเอง

เหตุการณ์ที่ 6

เด็กชายชาวญี่ปุ่นอายุ 13 ปี ถูกรังแกทุกวันเป็นเวลา 4 เดือน สิ่งที่เขาถูกกระทำคือ โดนชกต่อย ดึงแว่นตา นำกระเป๋าเขาไปทิ้งขยะและทาสีบนโต๊ะเรียน ซึ่งการกระทำของเพื่อนเขาทั้งหมดไม่เคยได้รับการตักเตือน และไม่มีการแจ้งให้ผู้ปกครองทราบแต่อย่างใด เด็กชายจึงตัดสินใจอำลาโลกนี้ไปและเหลือจดหมายทิ้งไว้ 1 ฉบับ โดยในนั้นมีข้อความว่า “HELP”

เหตุการณ์ที่ 7

เด็กหญิงชาวญี่ปุ่นอายุ 15 ปี ถูกรังแกครั้งแรกตอนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 และถูกรังแกเรื่อยๆ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จนถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เธอถูกพูดใส่ว่า “ขยะ” และ “ไปตายซะ” อีกทั้งยังมีการเขียนข้าวของ  โต๊ะ เก้าอี้ อุปกรณ์การเรียนของเธอด้วยปากกาเมจิก นอกจากนี้ยังถูกวางหมุดไว้บนเก้าอี้อีกด้วย จากการที่เธอถูกกระทำทั้งหมดนั้นส่งผลให้เธอพยายามฆ่าตัวตายด้วยการกรีดข้อมือ 2 ครั้งตั้งแต่ชั้นประถม และสุดท้ายเธอได้จากโลกนี้ไปด้วยการแขวนคอและทิ้งโน้ตไว้ว่า “จะไม่มีวันยกโทษให้เด็ดขาด และจะแก้แค้น”

จากเหตุการณ์ที่ยกมา จะเห็นว่ามีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถก้าวข้ามความเกลียดชังของคนที่กลั่นแกล้งมาได้ แต่ไม่มีใครรู้ว่าภายในจิตใจของเธอจะเป็นอย่างไร นอกจากนี้จะเห็นได้ว่าคุณครู คนที่ต้องใกล้ชิดนักเรียนที่สุดกลับมองว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย และเลือกที่จะมองข้ามจนเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ที่น่าเศร้าเหล่านี้

สำหรับคุณพ่อคุณแม่ สิ่งที่ต้องทำเพื่อเป็นการป้องกันเรื่องนี้ คือการสร้างภูมิคุ้มกันใจที่ดีให้กับลูก สิ่งที่สำคัญคือความสัมพันธ์ของเราและลูกจะต้องเหนียวแน่นมากพอที่ให้ลูกสามารถพูดทุกเรื่องกับเราได้ เพราะเมื่อลูกของเราเกิดถูกกลั่นแกล้ง เราจะได้เป็นคนแรกที่รับรู้และก้าวผ่านปัญหาไปพร้อมกับลูกได้ค่ะ

ข้อมูลอ้างอิงจาก