Parents One

7 เทคนิคฝึกให้ลูกทำทุกวัน เรียนเก่ง ความจำเป็นเลิศ

พ่อแม่คือส่วนสำคัญในการพัฒนาสมอง หรือความสนใจในการเรียนของลูก การสร้างวินัยและการวางแผนที่ดีจากคุณพ่อคุณแม่ จะทำให้ลูกเรียนดีและมีความสุขได้ วึ่ง 8 ข้อนี้ที่คุณพ่อคุณแม่และลูกควรทำทุกวัน จะทำให้ลูกรักเรียนเก่ง เรียนดีนั้นมีอะไรบ้างไปดูกันเลยค่ะ

1. ฝึกสมาธิให้ลูก

การฝึกสมาธิให้กับลูก คุณพ่อคุณแม่ต้องทำเป็นตัวอย่างด้วย เพราะการที่ลูกจดจ่อกับสิ่งทำ ส่งผลให้สามารถทำสิ่งต่างๆ ได้สำเร็จ ซึ่งฝึกได้โดยให้ลูกทำกิจกรรมทีละอย่าง เช่น ลองให้ลูกทำกิจกรรมหรือสิ่งที่ชอบโดยทำทีละอย่างอย่างตั้งใจ หรือเวลาทำการบ้านก็ควรปิดทีวี เวลาทานอาหารไม่เล่นโทรศัพท์มือถือ เป็นต้น

2. สอนให้ลูกรู้จักการค้นคว้า 

พ่อแม่อาจจะตั้งคำถามแล้วให้กับลูก แล้วช่วยกันค้นคว้าหาคำตอบ เวลามีสิ่งไม่เข้าใจในบทเรียน ลูกจะได้รู้จักการค้นคว้าเพื่อหาคำตอบ อีกทั้งลูกยังสามารถค้นหาสิ่งใหม่ๆ สิ่งที่ลูกชอบได้จากการค้นคว้า ช่วยให้ลูกกล้าคิดกล้าทำกิจกรรมต่างๆ นอกเหนือบทเรียนได้ประสบการณ์ใหม่เพิ่มอีกด้วย

3. ฝึกให้ลูกรู้จักซักถาม

 

เด็กไทยส่วนใหญ่ไม่กล้าที่จะถามคุณครูเวลาไม่เข้าใจ ทำให้เกิดข้อสงสัยในเรื่องที่เรียนจนกลายเป็นความไม่ชอบเรียนหนังสือ การที่คุณพ่อคุณแม่ฝึกให้ลูกรู้จักซักถาม จะทำให้ลูกเข้าใจบทเรียนมากขึ้น โดยคุณพ่อคุณแม่ควรให้โอกาสลูกถาม ตอบคำถามลูกเสมอ และไม่ควรปล่อยผ่านคำถามของลูก

4. ฝึกลูกให้เข้านอนเป็นเวลา 

ซึ่งเด็กควรเข้านอนไม่เกิน 3 ทุ่ม เพื่อให้ฮอร์โมนในการเติบโต (Growth Hormone) ทำงานได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งยังทำให้ลูก ไม่ง่วงนอนระหว่างวันทำให้เรียนหนังสือได้อย่างดี มีประสิทธิภาพ

5. ฝึกระเบียบวินัย

พ่อแม่ควรสอนให้ลูกรู้ว่าควรทำอะไร อะไรถูกอะไรผิด อะไรทำให้ได้และอะไรทำให้ไม่ได้ โดยการกำหนดเวลา เป็นการฝึกระเบียบวินัยในการใช้เวลาและให้ลูกได้เข้าใจ ในการลำดับความสำคัญก่อนหลัง เวลาเรียน ทำการบ้าน อ่านหนังสือสอบ ลูกก็จะติดเป็นนิสัย รู้จักลำดับความสำคัญว่าควรทำอะไรก่อน เช่น ทำการบ้านก่อนไปเล่น อ่านหนังสือเรื่องนี้ก่อนเพื่อให้สอบได้คะแนนดี เป็นต้น

6. ฝึกนิสัยรักการอ่าน 

โดยเริ่มที่พ่อแม่ควรอ่านไปพร้อมๆ กับลูก และช่วยกันทำแบบฝึกหัด จะช่วยให้ลูกเข้าใจในสิ่งที่อ่านมากขึ้น ที่สำคัญอย่าบังคับให้ลูกอ่านหนังสือ ควรหาหนังสือนิทานที่ลูกชอบก่อน ฝึกนิสัยรักการอ่านตั้งแต่ยังเล็ก ให้ลูกคุ้นเคยกับการอ่านโดยการเล่านิทานให้ลูกฟังก่อนนอน หรือพาลูกไปร้านหนังสือบ่อยๆ พูดคุยกับลูกเกี่ยวกับหนังสือเล่มใหม่ที่คุณพ่อคุณแม่กำลังสนใจ เป็นต้น

7. ร่วมกันวางแผน

คุณพ่อคุณแม่แบ่งหน้าที่ช่วยเหลือกันในการดูแลลูกด้านต่างๆ เช่น การตรวจดูการบ้าน การพบปะคุณครูของลูก การพาลูกไปออกกำลังกาย พูดคุยกับลูก

สิ่งสำคัญที่ควรคำนึงถึงคือ คุณพ่อคุณแม่ต้องทำเป็นตัวอย่างให้ลูกเห็น ทำจนเป็นนิสัย อีกทั้งต้องยอมรับและเข้าใจในสิ่งที่เด็กเป็นทั้งข้อดีและข้อด้อย ซึ่งการให้ความเข้าใจเป็นความรักอย่างหนี่งที่พ่อแม่ควรให้ลูกอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ลูกรู้สึกผ่อนคลาย ไม่รู้สึกกดดัน และมีความสุขกับการพัฒนาตนเอง ทำเป็นนิสัยจนประสบความสำเร็จทั้งการเรียนและการงานในอนาคตค่ะ

ที่มา :