Parents One

เช็คให้ดีก่อนชวนลูกดู! สื่อแบบไหนที่เด็กไม่ควรดู

ปัจจุบันสื่อนั้นเข้าถึงเด็กๆ ได้ง่ายขึ้นกว่าสมัยก่อนมาก ส่งผลให้คุณแม่นั้นควรเช็คให้ดีก่อนที่จะให้ลูกดูสื่อไม่ว่าจะแบบไหนก็ตาม จะมีสื่อแบบไหนที่เด็กไม่ควรดูบ้างนั้นมาดูกันเลยค่ะ

ดราม่า รัก ริษยา

สื่อที่มีเรื่องดราม่า รัก ริษยา ชิงรักหักสวาท นอกจากจะสร้างความปวดหัวให้กับคุณแม่แล้ว ยังทำให้ลูกนั้นซึมซับกับสิ่งเหล่านี้ไปมากและมีผลกับตอนโตก็เป็นได้ค่ะ

โศกเศร้า เคล้าน้ำตา

ซีรี่ย์โศกเศร้า เคล้าน้ำตา เป็นอีกหนึ่งซีรี่ย์แนวหนึ่งที่ยอดนิยมในสมัยนี้ แต่ก็ไม่เหมาะจะให้เด็กดูเสียเท่าไหร่ ถ้าเรื่องไหนที่สะเทือนใจจนต้องเสียน้ำตาควรหลีกเลี่ยงไม่ให้ลูกน้อยดูจะดีกว่าค่ะ

คุกคามทางเพศ

สื่อที่มีเนื้อหาเกี่ยวการคุกคามทางเพศอย่างการจำลองสถานการณ์เหล่านั้น อาจทำให้เด็กนั้นมีภาพติดตากับเหล่านั้นแล้วจำไปจนโตเลยก็เป็นไปได้ ดังนั้นคุรแม่ควรหลีกเลี่ยงสื่อเหล่านั้นกับลูกจะดีกว่าค่ะ

ตื่นเต้นระทึก ต่อสู้รุนแรง

โดยมากภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับตำรวจ สงคราม นักสืบหรือพิศวาสฆาตกรรม ที่หนีไม่พ้นฉากการไล่ล่าฆ่าฟัน ภาพระเบิด หรือภาพสยดสยองซึ่งกระทบต่อเด็กตั้งแต่วัยหัดคลาน เพราะสีหน้าของตัวละครที่บูดบึ้งหรือมีกิริยาข่มขู่ตะคอกจะทำให้เด็กเริ่มใจเสีย หวาดกลัว และร้องไห้ และเมื่อเขาได้ดูบ่อยๆ ก็จะฝังอยู่ในหัวสมอง ทำให้เด็กฝังใจกับจินตนาการอันน่ากลัว ซึ่งส่งผลต่อพัฒนาการของลูกในอนาคตก็เป็นได้ค่ะ

ถ่ายภาพระยะใกล้แบบไม่น่าดู

ใบหน้าของคนที่อยู่ในทีวีมีผลกระทบต่อเด็กเช่นเดียวกัน เพราะเด็กเล็กจะชอบดูใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส แต่ถ้าได้เห็นใบหน้าถมึงทึง ตาเหลือกค้าง หรือหน้าผีเละๆ ที่แสดงออกถึงอารมณ์ไม่ปกติ ภาพเหล่านี้จะส่งผลให้เด็กกลายเป็นคนขี้กลัวโดยไม่มีเหตุผลหรืออาจเกิดความชินชาต่อความเจ็บปวด ความหายนะของผู้อื่น และขาดการเรียนรู้เรื่องความเห็นอกเห็นใจหรือการช่วยเหลือเกื้อกูลกันก็เป็นได้ค่ะ

มีเสียงประกอบดังรุนแรง

ถึงแม้ว่าบางรายการภาพจะมีเนื้อหาไม่เป็นพิษเป็นภัยกับเด็กก็จริง แต่อาจมีเสียงประกอบดังรุนแรงจนเป็นพิษก็เป็นได้ เช่น เสียงกริ่งหรือกระดิ่งนานๆ เสียงร้องโหยหวนของปีศาจ เสียงไซเรนรถ หวีดร้อง เป็นต้น เสียงเหล่านี้อาจทำให้ลูกตื่นกลัวและเกิดอารมณ์วุ่นวายสับสนได้ คุณแม่ควรหลีกเลี่ยงสื่อในลักษณะนี้ค่ะ

เพียงแค่คุรแม่ลองหลีกเลี่ยงสื่อเหล่านี้และหารายการที่สร้างสรรค์ให้ลูกดูก็จะทำให้ลูกได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่แล้วล่ะค่ะ

ที่มา – thaihealth