เนื่องจากสถานการณ์โควิดที่เริ่มคลี่คลายและจำนวนผู้ติดเชื้อ รวมถึงผู้เสียชีวิตลดลง ปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุขจึงได้ประกาศยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ลดระดับโควิด 19 จากการเป็นโรคติดต่อร้ายแรง กำหนดให้เป็นเพียงโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมเป็นต้นไป
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า รัฐบาลมีการเตรียมพร้อมในส่วนของการเฝ้าระวัง การรักษาโรค และการบริหารจัดการวัคซีนเอาไว้เป็นที่เรียบร้อย และถึงแม้ว่าสถานการณ์จะดีขึ้น แต่วัคซีนป้องกันโควิดยังคงมีความสำคัญ โดยประชาชนอายุตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป สามารถเข้ารับบริการฉีดวัคซีนที่สถานพยาบาลได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็นวัคซีนเข็มแรกหรือวัคซีนเข็มกระตุ้นก็ตาม
นอกจากนี้ยังมีการกล่าวถึงโครงสร้างการบริหารจัดการวัคซีนในระยะที่โควิด 19 เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง ได้แก่ การให้คำแนะนำในการฉีดวัคซีน การเฝ้าระวังเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์หลังได้รับวัคซีน และการจัดการและกระจายวัคซีน สำหรับเดือนตุลาคม 2565 มีการจัดสรรวัคซีนไว้ทั้งสิ้น 7 ล้านโดสด้วยกัน
ทั้งนี้ วัคซีนไฟเซอร์ฝาสีแดงเข้มสำหรับเด็กอายุ 6 เดือนถึง 4 ปี กระทรวงสาธารณสุขจะได้รับมอบจากผู้ผลิตประมาณกลางเดือนตุลาคม จากนั้นจะประสานงานกระจายไปสู่สถานพยาบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อบริการฉีดให้กับศูนย์เด็กเล็กต่อไป
คุณพ่อคุณแม่อย่าลืมติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดและพาเด็กๆ ไปฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายนะคะ เพราะถึงจะมีการประกาศลดระดับ โควิด 19 ก็ยังเป็นโรคติดต่อที่ประมาทไม่ได้อยู่ดีค่ะ
อ้างอิงจาก https://www.thaipost.net/covid-19-news/229114/