Parents One

โตมาขาไม่โก่ง ! อุ้มลูกแบบไหนถึงจะเวิร์ค

การอุ้มลูกถือว่าเป็นกิจกรรมที่คุณแม่ทำบ่อยที่สุดในตอนที่ลูกยังเดินไม่ได้ แล้วคุณแม่จะต้องอุ้มลูกแบบไหนขาลูกถึงจะไม่โก่งในอนาคต มาดูวิธีและสาเหตุของการขาโก่งไปพร้อมๆ กันเลยค่ะ

ขาโก่งปกติ Vs ขาโก่งผิดปกติ

ทดสอบลูกขาโก่ง จริงหรือไม่

วิธีการทดสอบง่ายๆ ที่คุณแม่สามารถทำได้ โดยให้คุณแม่จับลูกนอนเหยียดขาตรงๆ จับข้อเท้าให้ชิดกัน จับเข่าให้กระดูกสะบ้าหัวเข่าทั้ง 2 ข้างหันตรงไปด้านหน้า และวัดระยะระหว่างหัวเข่าด้านในของทั้งสองข้างไม่ควรเกิน 8 ซม.ถ้ามากเกินกว่านี้ และลูกน้อยอายุมากกว่า 2 ปี ควรหาสาเหตุต่อไปค่ะ

วิธีป้องกันไม่ให้ลูกขาโก่ง

ให้ลูกได้รับวิตามินดีอย่างเพียงพอ

การที่ลูกได้รับวิตามินดีอย่างเพียงพอนั้น เพื่อให้ร่างกายสามารถรักษาภาวะสมดุลของระดับแคลเซียมในเลือดและในกระดูก ถ้าขาดวิตามินดีจะทำให้เกิดโรคกระดูกอ่อน ขาจะโก่งหรือถ่างเนื่องจากไม่สามารถรับน้ำหนักตัวได้ โดยวิตามินดีจะมีอยู่ในอาหาร เช่น นม ตับสัตว์ ไข่แดง เป็นต้น และคุณแม่ควรพาลูกน้อยไปเดินเล่นนอกบ้านเพื่อรับวิตามินดีจากแสงแดดยามเช้าบ้าง ก็จะช่วยเสริมสร้างกระดูกของลูกน้อยให้แข็งแรง

จัดท่านั่งและท่านอนให้ลูก

คุณแม่ต้องคอยจัดท่านั่งและท่านอนของลูกน้อย ให้อยู่ในท่าที่ถูกต้อง เพื่อจะไม่ทำให้เกิดการโค้งงอหรือการผิดรูปของกระดูก

ยืดและนวดขาให้ลูกน้อย

การยืดและนวดขาให้ลูกน้อย คุณแม่สามารถทำได้ง่ายๆ ดังนี้

ระวังไม่ให้ลูกอ้วน

คุณแม่ต้องระวังไม่ให้ลูกอ้วน เพราะภาวะนี้จะพบมากในเด็กที่อ้วน การเฝ้าสังเกตดูอาการของลูกถ้าลูกเริ่มเดินขาโก่งแล้วรู้สึกว่ามันไม่ดีขึ้น อายุเริ่มเข้าใกล้ 2ขวบแล้ว ขายังคงโก่งมากอยู่ หรือขาโก่งไม่เท่ากันจะต้องรีบพาไปพบแพทย์ อย่างไรก็ตาม ถ้าปล่อยให้ภาวะขาโก่งนานๆ อาจมีการเจริญของขาฝั่งด้านผิดปกติทำให้กระดูกเกิดการผิดรูปและสั้นลงด้วย ทำให้ขาโก่งมากขึ้น และข้อเข่าที่ผิดรูปจะทำให้เสื่อมได้ง่ายขึ้น

ความเชื่อผิดๆ ว่าอุ้มเด็กเข้าเอวและใส่ผ้าอ้อม ทำให้ลูกขาโก่ง

ความเชื่อที่ว่าการอุ้มเด็กเข้าเอวจะทำให้เด็กขาโก่งและการใส่ผ้าอ้อมจะทำให้เด็กขาโก่ง จริงๆ เเล้วตามหลักการแพทย์แล้วเป็นความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง เพราะขาโก่งในเด็กเป็นไปตามธรรมชาติที่เด็กทุกคนต้องเป็นตั้งแต่แรกเกิดอยู่แล้ว

เห็นได้ว่ามีหลากหลายวิธีที่ช่วยให้ลูกขาไม่โก่งได้ ลองทำตามกันดูนะคะ

ที่มา