Parents One

NEWS: จิตแพทย์แนะ พ่อแม่สั่งลูก “Time Out” จะช่วยให้ลูกจัดการอารมณ์ได้ดีขึ้น

เมื่อลูกทำพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม การฝึกให้ลูกปรับพฤติกรรมด้วยการ Time Out (การให้ลูกอยู่นิ่งๆ หันหน้าเข้ามุมโดยมีพ่อแม่คอยดู) ถือเป็นวิธีที่ทำให้ลูกสามารถควบคุม จัดการอารมณ์ตนเองได้ดีขึ้น แต่การ Time Out จะไม่ได้ผลหากพ่อแม่ไม่มีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับลูก

นพ.ปานเนตร ปางพุฒิพงศ์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า Time Out ไม่ใช่การลงโทษแต่เป็นการปรับพฤติกรรม คือ เมื่อเด็กทำพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม พ่อแม่หรือผู้ใหญ่ห้ามแล้ว เบี่ยงเบนความสนใจก็แล้วแต่ก็ยังไม่ยอมฟัง ก็อาจจะใช้การ Time Out ด้วยการแยกเด็กออกจากสถานการณ์นั้นๆ เพื่อไปสงบสติอารมณ์ เป็นการฝึกให้เด็กรู้จักจัดการอารมณ์ของตนเอง

นอกจากนี้ผศ.(พิเศษ) พญ.ปราณี เมืองน้อย จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (รพ.เด็ก) ยังกล่าวอีกว่า Time out จะได้ผลดี ก็ต่อเมื่อพ่อแม่มีการ Time in กับลูกอย่างสม่ำเสมอ คือ ใช้เวลาทำกิจกรรมร่วมกับลูกอย่างมีคุณภาพ มีความสัมพันธ์ที่ดีกับลูก ให้แรงเสริมทางบวก กล่าวชมเมื่อลูกทำดี หมั่นสังเกตเห็นสิ่งดีๆ ที่ลูกทำ ไม่ใช่เห็นแต่สิ่งผิด เอาแต่ตำหนิและสั่งให้ลูกไป Time out

เพราะหากเป็นเช่นนี้ ลูกก็จะยิ่งทำแต่พฤติกรรมที่ไม่ดี เพราะทำแล้วพ่อแม่สนใจ ถึงแม้จะเป็นคำตำหนิ แต่ลูกก็จะรู้สึกว่าเรียกร้องความสนใจได้สำเร็จ ซึ่งไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง ดังนั้นหากไม่มีการ Time In กับลูกเลย การ Time Out เป็นร้อยเป็นพันครั้งก็ยากที่จะทำให้ลูกปรับพฤติกรรมได้

สำหรับวิธีการใช้ Time Out ในเด็กแต่ละวัยนั้นจะแตกต่างกัน ถ้าเป็นเด็กอายุ 2-3 ปี ควรจะใช้คำสั่งที่สั้น กระชับ เข้าใจง่าย เพราะการอธิบายเหตุผลยาวๆ กับเด็กวัยนี้อาจจะไม่ได้ผลนัก เช่น “หยุด ไปนั่งพัก ไม่ตีน้อง น้องเจ็บ” เมื่อลูกสงบลงแล้วก็ค่อยชวนให้ลูกกลับมาทำกิจกรรมต่อตามปกติ

ส่วนในเด็กวัย 4-5 ปีขึ้นไป นอกจากการ Time Out แล้ว พ่อแม่อาจใช้วิธีพูดคุยกับลูก ให้ลูกลองคิดไตร่ตรองในสิ่งที่ทำ เพื่อทำให้ลูกฝึกคิดและเข้าใจว่าตัวเองทำพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมลงไป

อ้างอิงจาก

mgronline.com