Parents One

พ่อแม่ต้องผ่อนคลาย! รีวิว Pain Relieve Program คลายอาการออฟฟิศซินโดรมจาก Work From home

ในช่วงนี้คุณพ่อคุณแม่เป็นกันไหมคะ มีอาการปวดหลัง โดยเฉพาะช่วงคอ บ่า ไหล่ ยิ่งในช่วง Work from home อาการก็ยิ่งหนักขึ้น เป็นเพราะโต๊ะหรือเก้าอี้ที่ทำงาน ไม่ได้รับกับสรีระเวลาที่เรานั่งนานๆ รวมไปถึงไม่ค่อยได้ขยับร่างกาย ก็ทำให้กล้ามเนื้อเกิดการตึง หรือที่เรียกว่า ออฟฟิศซินโดรม ซึ่งอาการนี้จะสร้างความทรมานไม่ใช่น้อยเลย เพราะเราจะปวดตรงบริเวณนั้นตลอดเวลา นอกจากคนที่นั่งทำงานแล้ว คุณแม่ที่อุ้มลูกเล็กก็คงมีอาการเหล่านี้เช่นกัน

วันนี้เราจึงจะมารีวิว Pain Relieve Program คลายอาการออฟฟิศซินโดรม ที่เราไปเจอโปรโมชั่นดีๆใน Ever Healthcare Thailand ลดราคาจาก 1,890 บาท เหลือเพียงแค่ 1,350 บาท บอกเลยว่าคุ้มมากก และเราจะมารีวิวกันแบบละเอียดยิบเลยล่ะค่ะ

สำหรับ Pain Relieve Program ที่เราจะเข้ารับบริการในวันนี้ คือ BeHap Wellness Clinic ซึ่งเป็นคลินิกที่มีการรักษาอาการออฟฟิศซินโดรมโดยทีมแพทย์เฉพาะทางกระดูกและข้อ ร่วมกับทีมนักกายภาพบำบัดให้การบำบัดรักษาและฟื้นฟูให้ผู้ที่มีอาการต่างๆ สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามสมรรถนะของตนเองอย่างมีคุณภาพที่สุด ซึ่งไม่ได้รักษาอาการเพียงแค่ออฟฟิศซินโดรมเท่านั้นนะคะ ถ้ามีอาการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระดูกและข้อ ก็สามารถเข้ามาปรึกษาคุณหมอที่นี่ได้เลยค่ะ

อย่างคุณแม่ตั้งครรภ์ที่มีอาการปวดหลังหรือเข่า เพราะต้องแบกรับน้ำหนักครรภ์ที่มาก หรือคุณแม่ลูกอ่อนที่ต้องอุ้มลูกอยู่เสมอ ก็อาจจะมีปัญหาเอ็นข้อศอก หรือปวดข้อมือ โดย BeHap Wellness Clinic ตั้งอยู่ที่โรงแรมนานาไฮโซ ซอยสุขุมวิท 3 นะคะ

เมื่อเราเปิดประตูเข้ามาก็จะพบว่าที่คลินิกนี้ให้บรรยากาศที่สบายๆ ผ่อนคลาย มีเพลงเปิดคลอๆ ให้ความรู้สึกเหมือนมาสปามากกว่ามาหาคุณหมอ ทำให้เรารู้สึกสบายใจและไม่เกร็งหรือกังวล ในส่วนของห้องนวดก็มีความเป็นส่วนตัว และดูสะอาดสะอ้านมากๆ ค่ะ และเครื่องมือต่างๆ ที่ใช้ก็เป็นเครื่องมือระดับเดียวกับโรงพยาบาลเลย

พอเราเข้ามาถึงคลินิกแล้ว ทางร้านก็จะมีน้ำดื่มมาต้อนรับ และให้เราดูรายละเอียดที่ทางร้านมีให้บริการ ซึ่งมีด้วยกัน 3 หมวดใหญ่ๆ คือ

จองผ่าน Ever Healthcare Thailand

ในวันนี้เราเลือกที่จะคลายอาการออฟฟิศซินโดรมที่สะสมมานานด้วยโปรแกรม Pain Relieve ซึ่งเราได้มีการปรึกษาในเรื่องอาการเบื้องต้นกับคุณหมอ และจองผ่าน Ever Healthcare Thailand พร้อมได้รับส่วนลดพิเศษมาเป็นที่เรียบร้อยยย บอกเลยว่าสะดวกมากๆ เพียงแค่ยื่น e-voucher ให้กับพนักงานที่เคาท์เตอร์เท่านั้นเองค่า

ลงทะเบียนกรอกประวัติ

หลังจากแจ้งพนักงานว่าวันนี้เราจะมาทำอะไร เขาก็จะมีใบให้กรอกประวัติ OPD เพราะเรามาเป็นครั้งแรก เพื่อเก็บข้อมูลพื้นฐานของเราเอาไว้ ครั้งหน้าตอนที่มาก็ไม่ต้องกรอกประวัติแล้วค่ะ

ปรึกษาคุณหมอ

โดยในขั้นตอนแรกก็จะมีการพูดคุย ปรึกษาคุณหมอเกี่ยวกับอาการที่เราเป็น รวมไปถึงคุณหมอได้มีการแนะนำวิธีการจัดสรีระของเราให้ถูกต้องด้วย เพราะปกติการเกิดออฟฟิศซินโดรมจะเกิดขึ้นเพราะเราใช้งานกล้ามเนื้อและข้อต่อที่ไม่ถูกต้อง นั่งนานๆ หรือค้างอยู่ในท่าเดิมนานๆ ทำให้กล้ามเนื้อมีการเกร็งค้างสะสม เลือดจึงไหลเวียนไม่ดี โดยส่วนมากมักจะเกิดบริเวณคอ บ่า ไหล่

ซึ่งการที่เราได้พูดคุยกับคุณหมอ ทำให้เราหันมาสังเกตพฤติกรรมของเรามากขึ้น เพราะบางทีเราก็ไม่รู้ตัวว่าเรานั่งหลังค่อม หรือคอยื่นรึเปล่า พอรู้แบบนี้ก็จะช่วยให้เราปรับพฤติกรรม ที่จะส่งผลให้อาการออฟฟิศซินโดรมของเราดีขึ้นได้ด้วย ที่นี่คุณหมอจะเข้ามาคลินิกวันอังคาร – อาทิตย์ เวลา 13.00 – 20.00 น. นะคะ

พอเราพูดคุยกับคุณหมอเสร็จปุ๊บ ก็เตรียมตัวไปพบนักกายภาพต่อ แต่ก่อนอื่นเราต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดที่ทางคลินิกเตรียมไว้ให้ก่อนนะคะ โดยที่คลินิกก็จะมีห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า และตู้ล็อกเกอร์เอาไว้เก็บของมีค่าตอนที่เรากำลังไปทำกายภาพบำบัด จึงมั่นใจในความปลอดภัยได้เลยค่ะ

คุยกับนักกายภาพ

เปลี่ยนชุดเสร็จก็ถึงขั้นตอนการพูดคุยกับนักกายภาพแล้วค่ะ ไม่ใช่ว่าแค่พูดคุยกับคุณหมอแล้วจะสามารถทำกายภาพได้เลยนะคะ เพราะคุณหมอบอกว่าเราจะต้องคุยกับนักกายภาพด้วย เพื่อจะได้ออกแบบการรักษาร่วมกัน เพื่อประสิทธิภาพในการรักษาที่ดีที่สุด ซึ่งนักกายภาพก็จะถามรายละเอียดเพิ่มเติมของเราอีกครั้ง มีการตรวจประเมินโครงสร้างร่างกาย

จากนั้นก็จะเริ่มลงมือจับตำแหน่งต่างๆ เพื่อดูถึงอาการหนัก – เบา พร้อมกับให้เราลองยกมือ ยกแขนเพื่อดูความติดขัด หรือความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น จะได้ออกแบบการรักษาหรือเลือกเครื่องมือที่เหมาะกับอาการของเรานั่นเองค่ะ

ซึ่งเครื่องมือที่ทางคลินิกใช้จะมีด้วยกัน 3 แบบ ขึ้นอยู่กับความหนักเบาของอาการ คือ

แต่ละคนที่มารักษาก็จะได้เครื่องมือที่ไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับอาการเป็น Case by case ไปค่ะ

นวดด้วยคลื่น Deep Ultrasound

หลังจากพูดคุยกับนักกายภาพเสร็จ ก็มาสู่ขั้นตอนการใช้เครื่องมือในการรักษา โดยจากอาการที่เราเป็นก็จะใช้การนวดด้วยคลื่น Deep Ultrasound ซึ่งก่อนนวดก็จะมีการทาเจลเย็นๆ แล้วก็ใช้เจ้าเครื่อง Ultrasound นวดลงไปในจุดที่มีอาการ ไม่ต้องกังวลว่าจะเจ็บนะคะ เพราะเครื่องนี้ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกร้อน เย็น หรือเจ็บปวดตลอด แต่พอโดนจุดที่เราปวด มันก็จะรู้สึกจี๊ดๆ มากกว่าค่ะ โดยนักกายภาพก็จะใช้เครื่องนี้นวดวนๆ บนบ่าและไหล่ของเรา ข้างละประมาณ 8-10 นาที 

แต่มีข้อจำกัดอยู่นะคะสำหรับคนที่มีไข้ ความดันต่ำหรือสูง(ที่หนักมากๆ) รวมไปถึงมีอาการของโรคมะเร็งที่มีการทำคีโม ก็จะใช้เครื่อง Ultrasound ไม่ได้ค่ะ

สลาย Trigger Point (จุดกดเจ็บ)

พอนักกายภาพใช้เครื่อง Ultrasound กับเราเสร็จแล้ว ก็จะมาถึงการสลาย Trigger Point หรือจุดกดเจ็บ ด้วยการนวดมือค่ะ บอกเลยว่า Manual Therapy แบบนี้มีความสำคัญมาก เพราะนักกายภาพมีน้ำหนักมือที่พอเหมาะพอดี ทำให้เรารู้สึกคลายกล้ามเนื้อได้ดีมากๆ ในจุดที่ปกติแล้วถ้านวดจะรู้สึกเจ็บ แต่นักกายภาพที่นี่มือเบามากเลยทำให้ไม่รู้สึกเจ็บเลยค่ะ รู้สึกผ่อนคลาย สบายมากๆ เลย 

ฝึกท่ากายภาพได้ที่บ้าน

เมื่อนวดสลายจุดกดเจ็บแล้ว นักกายภาพก็จะสอนให้เราฝึกท่ากายภาพง่ายๆ ที่บ้านด้วยค่ะ ซึ่งแต่ละคนก็จะได้รับท่ากายภาพที่แตกต่างกัน อย่างเราที่ปวดบ่า ไหล่ ก็จะได้ท่าที่ช่วยยืดเหยียดและเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อในส่วนนั้นๆ เพราะการที่เราจะหายจากออฟฟิศซินโดรมได้ก็ต้องอาศัยความร่วมมือจากตัวเรา ในการทำกายบริหารอย่างสม่ำเสมอ เพื่อปรับสมดุลและสรีระของร่างกายค่ะ

Thermal Therapy ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ

หลังจากฝึกท่ากายภาพแล้ว ก็เข้าสู่ขั้นตอนที่ชอบและเพลินมากกก อย่างการนอนบนผ้าร้อนไฟฟ้าเพื่อเป็นการประคบร้อนนั่นเอง โดยจะเป็นการใช้ความร้อนตื้น Super Feature Heat ซึ่งในขั้นตอนนี้จะเป็นการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ และเพิ่มการไหลเวียนเลือดให้ดีมากขึ้น ความอุ่นของผ้าร้อนไฟฟ้าขึ้นอยู่กับความพอใจของเราเลยค่ะ ว่าต้องการร้อนขนาดไหน สำหรับเราก็จะเน้นที่ช่วงบ่า ไหล่ และบริเวณบั้นเอว ใช้เวลาประมาณ 15-20 นาที ตอนที่นอนก็คือสบายจนเผลอหลับไปเลยค่ะ

และนี่ก็คือขั้นตอนทั้งหมดในการเข้า Pain Relieve Program คลายอาการออฟฟิศซินโดรมที่ BeHap Wellness Clinic ใช้เวลาคร่าวๆ อยู่ที่ประมาณ 1 – 1.30 ชั่วโมงค่ะ ทางคลินิกบอกว่า ใช้เวลาในการรักษาประมาณ 6 ครั้งก็จะดีขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องใช้ความร่วมมือจากเราในการปรับสรีระ การใช้ชีวิต และออกกำลังกาย กายภาพอย่างสม่ำเสมอ

ดูแลสุขภาพง่ายๆ ผ่าน Ever Healthcare Thailand

Ever Healthcare Thailand เป็น Telehealth แพลตฟอร์มที่รวบรวมดีลหรือโปรโมชั่นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ เพื่อให้การดูแลสุขภาพเป็นเรื่องสะดวกที่ทำได้ง่ายๆ ผ่านทางออนไลน์ เราไม่ต้องเสียเวลาค้นหาหรือเปรียบเทียบข้อมูลด้านการให้บริการสุขภาพด้วยตนเอง เพราะที่ Ever Healthcare Thailand ได้รวบรวมโรงพยาบาลและคลินิกกว่า 100 แห่งทั่วโลก ได้มีการเปรียบเทียบราคา และให้เราสามารถปรึกษาแพทย์ผ่านทางออนไลน์โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

ซึ่งหลักๆ ทาง Ever Healthcare Thailand จะให้คำปรึกษาในด้าน Health Wellness และ Beauty เป็นเหมือนศูนย์รวมข้อมูลด้านสุขภาพ ถ้าเกิดต้องการปรึกษาแพทย์ก็สามารถจองได้ง่ายๆ หรือถ้าอยากให้บริการด้านสุขภาพเราสามารถเข้าไปค้นหาโปรโมชั่นดีๆ ได้ทาง Ever Healthcare Thailand อย่าง Pain Relieve Program ที่เราใช้บริการในวันนี้ ก็ได้รับโปรโมชั่นดีๆ เหลือเพียง 1,350 บาทเท่านั้น จากราคาปกติ 1,890 บาท ถือว่าคุ้มค่าคุ้มราคามากทีเดียวค่ะ

ขั้นตอนการปรึกษา

ในการเข้ารับคำปรึกษาจาก Ever Healthcare Thailand ก็มีขึ้นตอนที่ง่ายมากๆ สามารถติดต่อได้ทั้งทางเว็บไซต์ และทางไลน์เลยค่า

  1. เข้า Facebook Ever Healthcare เพื่อดูรายละเอียดการให้บริการ
  2. เพิ่มเพื่อนใน LINE @evercare
  3. เปรียบเทียบราคา ปรึกษาคุณหมอ และจองได้ทันที
  4. ได้รับ e-voucher คอนเฟิร์มการจอง

หากสนใจที่จะดูแลรักษาสุขภาพง่ายๆ แบบนี้ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่