Parents One

10 ข้อห้ามของแม่ท้องตามความเชื่อโบราณ

 

คนไทยมักมีความเชื่อในหลายๆ เรื่อง ซึ่งสำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ก็มีความเชื่อเหมือนกันค่ะ วันนี้เราจะมาหาคำตอบกันว่า ข้อห้ามตามความเชื่อโบราณเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของผู้หญิงนั้นมีอะไร แล้วทำไมถึงต้องห้ามค่ะ

1. ห้ามไปงานศพ

ความเชื่อ : คนโบราณเชื่อกันว่าหญิงตั้งครรภ์ห้ามไปงานศพ เพราะเดี๋ยวผีจะเข้าท้อง จะทำให้วิญญาณเร่ร่อนที่อยู่ในวัดตามกลับบ้านมาด้วย

ข้อเท็จจริง : เป็นกุศโลบายที่ไม่ต้องการให้คนท้องไปงานที่มีบรรยากาศหน้าหดหู่ เศร้าหมอง หรือเห็นคนรอบข้างเศร้า เพราะผู้หญิงตั้งครรภ์จะมีอารมณ์ที่อ่อนไหวง่าย เสี่ยงต่อการเกิดโรคซึมเศร้าหลังคลอดได้ ดังนั้น จึงห้ามไม่ให้คนท้องไปงานศพนั่นเอง

2. ห้ามแหงนหน้ามองพระจันทร์

ความเชื่อ : ห้ามคนท้องแหงนหน้ามองพระจันทร์เพราะจะทำให้ลูกตาเหล่ หรือทำให้ลูกพิการทางสายตาได้

ข้อเท็จจริง : การที่คุณแม่ท้องแหงนหน้า อาจจะทำให้เกิดอาการหน้ามืด ซึ่งเป็นอันตรายต่อคุณแม่และทารกในครรภ์นั่นเอง

3. ห้ามอาบน้ำตอนดึก

ความเชื่อ : คุณแม่ตั้งครรภ์ที่อาบน้ำดึกจะทำให้มีน้ำคล่ำเยอะ

ข้อเท็จจริง : เพราะกลัวจะเป็นอันตรายลื่นล้ม มองไม่เห็นเนื่องจากสมัยก่อนยังไม่มีไฟฟ้าใช้

4. ห้ามกินกล้วยน้ำว้า

ความเชื่อ : การกินกล้วยน้ำว้าทำให้คลอดยาก เพราะกินกล้วยน้ำว้าจะทำให้เด็กตัวใหญ่

ข้อเท็จจริง : กล้วยน้ำว้าเป็นกล้วยที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง สาเหตุที่คนโบราณห้าม ไม่ให้กินนั้นน่าจะมีหลายสาเหตุ เช่น กลัวเด็กจะตัวโต เพราะในสมัยก่อยังไม่มีการผ่าตัดคลอด หากเด็กในท้องอ้วนสมบูรณ์เกินไปก็จะเป็นอันตรายทั้งแม่และลูก อีกอย่างหนึ่ง ในกล้วยสุกจะหวานและมีแป้งมาก กินสองสามลูกก็จะรู้สึกอิ่มทำให้ไม่อยากกินอย่างอื่น อาจเกิดการขาดสารอาหารได้ นอกจากนี้ การกินกล้วยห่ามหรือกล้วยไม่สุก จะเกิดอาการท้องผูกได้ค่ะ

5. ห้ามเตรียมของใช้เด็กไว้ก่อน

ความเชื่อ : ที่ว่าซื้อมาแล้ว เด็กอาจจะไม่ได้เกิด เพราะมีวิญญาณที่อิจฉาแล้วมาพรากเด็กไปไม่ให้เกิด

ข้อเท็จจริง : การคลอดสมัยก่อนที่มีความเสี่ยงสูง จึงไม่อยากให้เตรียมของใช้เด็กเอาไว้มากนัก หรือพ่อแม่มักจะเห่อลูกในท้องเตรียมของใช้ไว้มากเกินความจำเป็น บางอย่างเมื่อลูกคลอดแล้ว อาจไม่ได้ใช้ การซื้อของมาทิ้งไว้นานเกินไปทำให้มีสิ่งสกปรกหรือเชื้อรา ซึ่งไม่ดีต่อสุขภาพของเด็กอ่อน

6. ห้ามกินหัวปลี

ความเชื่อ : เชื่อว่ายางจากหัวปลีจะทำให้คลอดลูกยาก ทำให้รกเปลี่ยนรูปร่างลักษณะเหมือนปลีกล้วย เกิดอาการรกบิน ซึ่งเป็นอาการที่รกไม่ออกมาตามปกติภายหลังคลอดแต่กลับตีขึ้นข้างบนแทนนั่นเอง

ข้อเท็จจริง : อาหารไม่มีทางเปลี่ยนรูปทรงของทารกได้อย่างแน่นอน การรับประทานหัวปลีจะดีต่อคุณแม่ที่พึ่งคลอดลูกใหม่ๆ เพราะหัวปลีสามารถช่วยกระตุ้นน้ำนมให้มากขึ้นดีต่อคุณแม่ลูกอ่อนค่ะ

7. ห้ามกินผักเครือ เถา

ความเชื่อ : ห้ามหญิงตั้งครรภ์กินผักเป็นเครือเป็นเถา เพราะเชื่อว่าจะทำให้หญิงตั้งครรภ์ปวดตัวปวดขามากกว่าปกติ

ข้อเท็จจริง : การรับประทานผักเป็นเครือเป็นเถา โดยเฉพาะในยอดอ่อนจะมีสาร purin สูง ซึ่งสารนี้เมื่อย่อยแล้วจะกลายเป็นกรดยูริก ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรคเก๊าส์ได้

8. ห้ามมีเพศสัมพันธ์ระหว่างตั้งครรภ์

ความเชื่อ : ห้ามมีเพศสัมพันธ์ระหว่างตั้งครรภ์เพราะจะทำให้แท้งบุตรหรืออาจคลอดก่อนกำหนดได้

ข้อเท็จจริง : ทารกที่อยู่ในครรภ์ได้รับการปกป้องอย่างดีจากถุงน้ำคร่ำ ดังนั้น การมีเพศสัมพันธ์ระหว่างตั้งครรภ์จึงไม่มีปัญหาในเรื่องการแท้งบุตรหรือคลอดก่อนกำหนด แต่อาจเกิดจากปัจจัยหลายอย่างเป็นองค์ประกอบซึ่งไม่ใช่จากการมีเพศสัมพันธ์ค่ะ

9. ห้ามกินเฉาก๊วยเพราะจะทำให้ลูกผิวดำ

ความเชื่อ : ห้ามหญิงตั้งครรภ์กินของดำไม่เฉพาะเฉาก๊วยเท่านั้นนะคะ จำพวกซีอิ๊วดำ กะละแม หรืออะไรก็ตามที่ดำ คนท้องห้ามกินทั้งนั้นเพราะจะทำให้ลูกผิวดำ 

ข้อเท็จจริง : อาหารไม่ได้มีผลกับผิวพรรณของทารกในครรภ์แต่อย่างใด เพราะสีผิวขึ้นอยู่กับเม็ดสีที่เป็นไปตามกรรมพันธุ์ ไม่เกี่ยวกับอาหารดำแต่อย่างใด

10. ห้ามเย็บปักถักร้อย

ความเชื่อ : การเย็บผ้าระหว่างตั้งครรภ์จะทำให้ลูกเกิดมาปากแหว่ง เพดานโหว่

ข้อเท็จจริง : การนั่งทำงานนาน ก้มๆ เงยๆ ทำให้หน้ามืดเวียนหัวได้ง่าย ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพของแม่ท้อง แต่เรื่องปากแหว่งเพดานโหว่ในเด็กแรกเกิด แม้จะยังไม่มีผลแน่ชัดว่าเกิดจากอะไร แต่ก็มีการศึกษาว่า บางส่วนเกิดจากพันธุกรรม การพัฒนาของตัวอ่อนในช่วง 3 เดือนแรกมีความผิดปกติและอีกงานวิจัยคือ การที่คุณแม่สูบบุหรี่จะมีผลทำให้ลูกเพดานโหว่กว่าแม่ที่ไม่สูบถึง 3 เท่า

 

ที่มา :