อาหารสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์เป็นสิ่งที่ควรใส่ใจ และให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากสารอาหารมีส่วนช่วยบำรุงระบบต่าง ๆ ภายในสมองและร่างกายของลูกน้อยที่ยังพัฒนาได้ไม่เต็มที่ให้เจริญเติบโตและเเข็งแรงอย่างเหมาะสม ดังนั้น คุณแม่จึงควรรับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ในระหว่างการตั้งครรภ์
เพราะทุกเมนูที่คุณแม่ทานเข้าไปนั้น คืออาหารที่ลูกน้อยในครรภ์ได้รับด้วยเช่นกัน หากคุณแม่ทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพและมีประโยชน์ต่อร่างกาย ก็จะช่วยส่งเสริมพัฒนาการของลูกน้อยตั้งแต่อยู่ในครรภ์ของคุณแม่ให้ดียิ่งขึ้นนั่นเอง
วันนี้ Parents One จึงมี “12 อาหารบำรุงครรภ์ สำหรับคุณแม่ที่กำลังมีเจ้าตัวเล็ก” มาแนะนำแม่ ๆ กัน รับรองได้เลยว่าดีต่อสุขภาพทั้งคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์แน่นอน ไปดูกันเลยว่า “อาหารบำรุงครรภ์สำหรับคุณแม่” จะมีอะไรบ้าง?
1. ไข่
ไข่ถือเป็นอาหารบำรุงครรภ์หลักที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรรับประทาน และควรมีติดบ้านเอาไว้มาก ๆ เพราะเป็นแหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีน วิตามิน แร่ธาตุสำคัญอย่างโคลีน ที่มีส่วนช่วยในการสร้างและกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์สมอง รวมถึงไขสันหลังของลูกได้เป็นดี
ยิ่งเป็นไข่ต้ม หรือไข่ตุ๋น ก็ยิ่งดีและถือว่าเป็นอาหารบำรุงครรภ์ที่ดีต่อสุขภาพของคุณแม่ตั้งครรภ์ด้วยนั่นเอง ถ้าจะให้ดีคุณแม่ควรทานไข่วันละ 1 ฟองนะคะ
2. เนื้อปลา
อาหารบำรุงครรภ์ อย่างปลาทะเล มักจะมีสารอาหารที่ช่วยบำรุงและช่วยพัฒนาระบบต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี เช่น ระบบประสาทและสมองของลูกน้อยในครรภ์ เพราะมีสารอาหารเด่น นั่นก็คือ กรดไขมันโอเมก้า 3 ที่ช่วยให้ทารกมีพัฒนาการด้านสมอง จอประสาทตา แถมยังเป็นอาหารบำรุงครรภ์ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพความจำให้ดียิ่งขึ้น และยังมีโปรตีนที่ช่วยสร้างมวลกล้ามเนื้อของลูกให้แข็งแรงขึ้นอีกด้วย
จากผลการวิจัยพบว่า ยิ่งคุณแม่ตั้งครรภ์ทานอาหารบำรุงครรภ์ อย่าง ปลามากขึ้นในช่วง 2 ไตรมาสแรก (6 เดือน) ทารกในครรภ์ก็จะยิ่งมีพัฒนาการด้านสติปัญญาสูงมากขึ้น สำหรับข้อควรระวัง คุณแม่ควรระวังเรื่องสารปรอทที่อาจปนเปื้อนอยู่ในปลาบางชนิดด้วยนะคะ
3. เนื้อวัว
คุณแม่หลายคนอาจจะไม่เคยรู้ว่า อาหารบำรุงครรภ์อย่างเนื้อวัวแดงที่มีไขมันน้อย จะสามารถช่วยให้คุณแม่ไม่เป็นภาวะโลหิตจางได้ด้วยนะ เพราะเนื้อวัวอุดมไปด้วยโปรตีน ธาตุเหล็ก วิตามินบี 12 ซึ่งมีส่วนช่วยในการทำงานตามปกติของระบบประสาทและสมอง
นอกจากนี้ ยังช่วยให้ภายในร่างกายลูกมีการไหลเวียนของเลือดได้เป็นปกติอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นอาหารบำรุงครรภ์ชั้นดีเลยล่ะ
4. ปลาแซลม่อน
อาหารบำรุงครรภ์อย่างปลาแซลม่อน คุณแม่ควรทานแบบปรุงสุก เพื่อหลีกเลี่ยงพยาธิต่าง ๆ ในของดิบ ที่อาจทำให้ร่างกายของคุณแม่ไม่แข็งแรงได้ นอกจากจะอร่อยและเป็นอาหารบำรุงครรภ์ที่มีประโยชน์แล้ว ยังอุดมไปด้วยโอเมก้า 3 ที่ช่วยบำรุงระบบประสาทและสมอง เพิ่มประสิทธิภาพในการกระตุ้นความจำ และพัฒนาจอประสาทตาได้อีกด้วย ปลาแซลม่อนจึงเป็นอาหารบำรุงครรภ์ชั้นดีและเหมาะสำหรับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ในช่วงไตรมาสที่ 2-3 หรือประมาณ 4-9 เดือน เนื่องจากช่วงนั้นเป็นการเติบโตของเซลล์สมองของลูกน้อยภายในครรภ์
5. ตับ
คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์และต้องการอาหารบำรุงครรภ์ควรได้รับธาตุเหล็กเพิ่มเป็น 2 เท่า เพราะว่าธาตุเหล็กถือเป็นสารอาหารที่สำคัญมากในการช่วยสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง เพื่อทำหน้าที่นำออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงภายในสมองของทารกในครรภ์อย่างเพียงพอ
แน่นอนว่า ถ้าหากคุณแม่ทานธาตุเหล็กหรืออาหารบำรุงครรภ์ไม่เพียงพอ ก็อาจจะส่งผลให้ทารกมีพัฒนาการที่ล่าช้าอีกด้วย
6. อาหารทะเล
สำหรับคุณแม่ที่เตรียมตั้งครรภ์หรือกำลังตั้งครรภ์อยู่ ไม่ใช่แค่เพียงเนื้อปลาทะเลที่เป็นอาหารบำรุงครรภ์ ที่ดีต่อสุขภาพของคุณแม่เท่านั้น แต่สัตว์ทะเลจำพวก กุ้ง ปู ปลาหมึก หอย และสาหร่ายทะเล ก็ช่วยให้คุณแม่และลูกในครรภ์แข็งแรงได้เช่นกัน เพราะมีไอโอดีน ซึ่งถือเป็นสารอาหารที่จำเป็นและเป็นอาหารบำรุงครรภ์ที่ดีต่อการพัฒนาระบบสมองและประสาทของลูกน้อย นอกจากนี้ ยังช่วยไม่ให้ลูกมีภาวะตัวเล็ก แคระแกร็น น้ำหนักตัวน้อย และมีสติปัญญาต่ำ หรือเป็นโรคคอหอยพอก
7. ผักใบเขียว
ผักใบสีเขียว คืออาหารบำรุงครรภ์ที่อุดมไปด้วยวิตามินหลากหลาย โดยเฉพาะกรดโฟลิกและแคลเซียมอยู่มาก ซึ่งมีประโยชน์ต่อพัฒนาการของเด็กทารกและทำให้เด็กมีการเจริญเติบโตที่ดี ช่วยสร้างเซลล์สมอง ไขสันหลัง รวมทั้งกระดูกสันหลังของทารกในครรภ์
แถมยังช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดความผิดปกติแต่กำเนิดได้อีกด้วย ดังนั้น คุณแม่ที่ตั้งครรภ์จึงควรทานผักเยอะและอาหารบำรุงครรภ์ที่หลากหลายและมีประโยชน์ เช่น บรอกโคลี ผักโขม ผักคะน้า และถั่วลันเตา เป็นต้น
8. ผักและผลไม้สีส้ม
ผักสีส้ม นอกจากจะเป็นอาหารบำรุงครรภ์ที่มีวิตามินต่าง ๆ ที่มีประโยชน์ต่อคุณแม่และลูกในครรภ์แล้ว ยังมีสารเบต้าแคโรทีน ซึ่งช่วยให้ผิวหนังและกระดูกของเด็กในครรภ์มีการเจริญเติบโต ช่วยลดความเสื่อมของเซลล์ประสาทตา แถมยังช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานได้ดีอีกด้วย
ซึ่งเบต้าแคโรทีน จะพบมากในผักและผลไม้ที่มีสีส้ม เหลืองหรือแดง เช่น แครอท ฟักทอง หน่อไม้ฝรั่ง ข้าวโพดอ่อน แตงโม แคนตาลูป มะละกอสุก เป็นต้น
9. โยเกิร์ตไขมันต่ำ
มาถึงอาหารบำรุงครรภ์ที่ทานง่าย อร่อย ดีและมีประโยชน์ อย่างโยเกิร์ตไขมันต่ำ หากคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ทานโยเกิร์ตเป็นประจำ นอกจากจะช่วยให้มีระบบขับถ่ายมีการดูดซึมดีขึ้นแล้ว ยังมีแคลเซียมสูง ช่วยให้กระดูกและฟันของคุณแม่และเจ้าตัวเล็กในครรภ์แข็งแรงขึ้นด้วยนะ เป็นอาหารบำรุงครรภ์ที่สามารถสร้างเซลล์ประสาทที่แข็งแรง และพัฒนาสติปัญญาของลูกน้อยได้อีกด้วย
10. ธัญพืชต่าง ๆ
อาหารบำรุงครรภ์คุณแม่มือใหม่ อย่าง ธัญพืช และถั่วหลากหลายชนิด เช่น ข้าวโอ๊ต อัลมอนด์ นั้นอุดมไปด้วยไฟเบอร์ คาร์โบไฮเดรต และไขมันดี จึงทำให้คุณแม่มีระบบขับถ่ายที่ดีเยี่ยมระหว่างการตั้งครรภ์ ท้องไม่ผูก นอกจากนี้ อาหารบำรุงครรภ์ อย่างธัญพืชและถั่วต่าง ๆ ยังให้พลังงานแก่ร่างกายของคุณแม่ และยังมีกรดโฟลิกที่มีประโยชน์ ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตให้ลูกในครรภ์ได้อีกด้วย
11. แคนตาลูป
แคนตาลูป หนึ่งในผลไม้หรืออาหารบำรุงครรภ์ 10 อันดับแรกที่มีวิตามินเอและเบต้าแคโรทีนสูง จึงมีฤทธิ์ช่วยต้านสารอนุมูลอิสระ ดีต่อสุขภาพและผิวพรรณของคุณแม่และลูกน้อย
นอกจากนี้ ในแคนตาลูปหรืออาหารบำรุงครรภ์สำหรับคุณแม่ ยังมีวิตามินบี 6 อยู่มาก จึงช่วยในการเผาผลาญอาหาร และสร้างพลังงานได้ดี แถมยังมีโฟเลตที่ช่วยผลิตเม็ดเลือด สร้างเซลล์สมอง ระบบประสาทและไขสันหลัง จึงทำให้ทารกในครรภ์มีพัฒนาการที่ดีขึ้นนั่นเอง
12. น้ำสะอาด
สำหรับอาหารบำรุงครรภ์ข้อสุดท้ายที่มีประโยชน์กับคุณแม่มากที่สุด คือการดื่มน้ำสะอาดวันละ 2 ลิตร หรือให้ได้ประมาณ 10 แก้ว เพราะเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก ๆ สำหรับร่างกาย เนื่องจากร่างกายจะมีกระบวนการในการขับของเสียออกมา การดื่มน้ำเยอะ ๆ จึงเป็นการป้องกันการเกิดภาวะน้ำคั่ง และช่วยลดอาการท้องผูกสำหรับคุณแม่อีกด้วย น้ำเปล่านี่แหละ คืออาหารบำรุงครรภ์ที่ดีที่สุด
How to ทานอาหารบำรุงครรภ์อย่างไร? ช่วยเพิ่มน้ำหนัก และบำรุงสมองของลูกน้อยให้ดีเยี่ยม
- ปลา ทานมื้อละ 4 ช้อนโต๊ะ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง
- ตับ ทานมื้อละ 4 ช้อนโต๊ะ สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง
- ไข่ ทานวันละ 1 ฟอง
- ผัก ทานมื้อละ 2 ทัพพี
- ผลไม้ ทานมื้อละ 2 ส่วน
- ดื่มนมสด รสจืดทุกวัน วันละ 2-3 แก้ว (แก้วขนาด 200 ซีซี)
หากคุณแม่ท่านใดที่กำลังลังเลว่า เมนูอาหารบำรุงครรภ์ที่ทานเข้าไปนั้นมีประโยชน์ และมีโภชนาการที่เหมาะกับลูกในครรภ์หรือไม่? สามารถเช็กได้ง่าย ๆ ในแอปพลิเคชัน “ALive Powered by AIA” ได้เลยค่ะ
กินอะไรดีนะ? วิเคราะห์โภชนาการเมนูอาหารบำรุงครรภ์ได้ทันใจด้วยฟีเจอร์ Food Journey
หลายครั้งที่คุณแม่อย่างเราอยากทานอาหารบำรุงครรภ์ที่อร่อย ๆ กับเขาบ้าง แต่ก็กังวลว่าเจ้าตัวเล็กในครรภ์จะกินอาหารแบบเดียวกับเรารึเปล่านะ? และที่สำคัญ ยิ่งกลายเป็นคุณแม่ตั้งครรภ์ด้วยแล้ว ยิ่งต้องหันมาใส่ใจดูแลเรื่องการทานอาหารบำรุงครรภ์อย่างหนักหน่วงเลยล่ะค่ะ เพราะไม่ใช่เราเท่านั้นที่จะได้รับสารอาหารทั้งที่มีประโยชน์ และไม่มีประโยชน์ แต่ลูกของเราก็ได้เหมือนกันด้วยนั่นเอง
วันนี้ Parents one จึงอยากมาแนะนำฟีเจอร์ดี ๆ ที่เหมาะกับการคำนวณอาหารบำรุงครรภ์ในแอปพลิเคชัน “ALive Powered by AIA” ให้แม่ ๆ ได้รู้กันค่ะ นั่นก็คือ ฟีเจอร์ Food journey ผู้ช่วยส่วนตัวที่จะมาคอยวิเคราะห์โภชนาการเมนูอาหารต่าง ๆ ที่คุณแม่ตั้งครรภ์ทานเข้าไปว่าดีต่อสุขภาพหรือไม่ เพียง “คลิก” เดียวเท่านั้น
คุณพ่อคุณแม่สามารถบันทึกเมนูอาหารที่ทานในแต่ละมื้อได้ง่าย ๆ เพียงแค่ถ่ายรูปเมนูอาหารบำรุงครรภ์หรือกดเลือกรูปจากอัลบั้ม ลงในแอป ตรงฟีเจอร์ “Food journey” จากนั้น AI ก็จะเริ่มทำการประเมินอาหารบำรุงครรภ์หรืออาหารที่คุณแม่เลือกทานให้เลยว่า อาหารมื้อนั้นมีคุณประโยชน์อยู่ในอันดับที่เท่าไหร่ ซึ่งมีอยู่ 5 อันดับ นั่นก็คือ
อันดับเลข 1 : สีแดง : ไม่ดีต่อสุขภาพ คุณแม่ตั้งครรภ์ไม่ควรทานบ่อย
อันดับเลข 2 : สีส้ม : ไม่ค่อยดีต่อสุขภาพ
อันดับเลข 3 : สีเหลือง : ปานกลาง
อันดับเลข 4 : สีเขียวอ่อน : ค่อนข้างดีต่อสุขภาพ
อันดับเลข 5 : สีเขียวเข้ม : ดีต่อสุขภาพ
พร้อมคำแนะนำเบื้องต้นเกี่ยวกับเมนูอาหารบำรุงครรภ์ต่าง ๆ ที่คุณแม่ตั้งครรภ์รับประทาน เพื่อสุขภาพที่ดีของคุณแม่และเจ้าตัวเล็กในครรภ์ค่ะ
อาหารบำรุงครรภ์ชนิดใดบ้าง? ที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยง
นอกจากอาหารบำรุงครรภ์ที่มีประโยชน์ต่อคุณแม่และเจ้าตัวเล็กแล้ว ก็ยังมีอาหารบางประเภทที่คุณแม่ควรหลีกเลี่ยงเพราะอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพของทั้งคุณแม่และคุณลูกได้ เช่น อาหารที่อาจทำให้คุณแม่ท้องเสีย และท้องอืดแบบไม่รู้ตัว อาหารที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยงนั้นหลัก ๆ มีอยู่ 4 ประเภท ดังนี้
1. อาหารกึ่งสำเร็จรูป
หากคุณแม่กำลังมองหาอาหารบำรุงครรภ์สำหรับลูกน้อยอยู่ หนึ่งในอาหารที่คุณแม่ตั้งครรภ์ไม่ควรทานเลย ก็คือ อาหารกึ่งสำเร็จรูปต่าง ๆ
เนื่องจากมีส่วนผสมของผงชูรส และสารกันบูดสูงเกินกว่าร่างกายควรได้รับ เพราะอาจส่งผลข้างเคียงต่อร่างกายของคุณแม่ได้ และอาจส่งผลกระทบต่อลูกในครรภ์ได้เช่นกัน ยิ่งในน้ำจิ้ม คุณแม่ยิ่งต้องหลีกเลี่ยงการทานไปก่อน
2. ไข่ดิบ
อาหารบำรุงครรภ์อีกหนึ่งอย่างที่คุณแม่ควรเลี่ยงเลย คือ ไข่ลวก ไข่ดิบ และไข่ยางมะตูม เพราะในไข่ดิบมีสารอะวิดิน ซึ่งจะทำให้ร่างกายของคุณแม่มีอาการย่อยยาก และกระเพาะทำงานหนักขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้ ในไข่ดิบยังมีการปนเปื้อนเชื้อซัลโมเนลลา ซึ่งอาจทำให้คุณแม่ตั้งครรภ์เป็นไข้ ปวดท้อง อาเจียน และอาจท้องเสียขึ้นได้
หากคุณแม่อยากทานจริง ๆ แนะนำให้อดเปรี้ยวไว้กินหวานตอนที่คลอดลูกเสร็จแล้วค่ะ หรือถ้าคุณแม่คนไหนอยากให้ลูกได้รับโปรตีนอย่างเพียงพอ หากอยากทานอาหารบำรุงครรภ์ที่มีประโยชน์จริง ๆ คุณแม่ควรทานไข่ที่ต้มสุกแล้วเท่านั้นถึงจะปลอดภัยต่อสุขภาพของคุณแม่และลูก
3. อาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ
ไม่ว่าจะเป็นเมนูใดก็ตาม คุณแม่ตั้งครรภ์ควรรับประทานอาหารที่ถูกปรุงสุกมาแล้ว เนื่องจากจะปราศจากเชื้อโรค และเชื้อแบคทีเรียที่อาจทำให้คุณแม่เกิดโรคต่าง ๆ ขึ้นได้ระหว่างตั้งครรภ์
ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงที่ไม่คุ้มอย่างมาก หากลูกจะต้องมาติดเชื้อไปด้วย โดยเฉพาะเนื้อสเต๊ก ที่นอกจากร่างกายจะย่อยยากแล้ว ยังทำให้คุณแม่เสี่ยงต่ออาการท้องเสียท้องอืดได้ด้วยนะ
4. เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
อาหารบำรุงครรภ์หรือเครื่องดื่มบำรุงครรภ์ ที่คุณแม่ไม่ควรดื่มเลย คือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะจะส่งผลให้สมองและอวัยวะต่าง ๆ ของเด็กในครรภ์เจริญเติบโตได้ไม่เต็มที่ และอาจมีพัฒนาการในด้านการเรียนรู้ที่ช้ากว่าเด็กคนอื่น ๆ
รวมไปถึงประสิทธิภาพในด้านต่าง ๆ เช่น สมาธิ ภาษา การสื่อสาร และอาจส่งผลเสียต่อการทำงานของกล้ามเนื้อ ที่แย่ไปกว่านั้น อาจส่งผลต่อความผิดปกติของลักษณะใบหน้า และสติปัญญาของลูกในระยะยาวอีกด้วย
ALive Powered by AIA แอปสำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ ที่จะมาช่วยดูแลทุกเรื่องใน “ครอบครัว”
เห็นไหมล่ะคะว่า โภชนาการด้านอาหารมีความสำคัญสำหรับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์อย่างเรา ๆ มากเลย ดังนั้น คุณแม่ควรทานอาหารบำรุงครรภ์ให้ครบ 5 หมู่ เพื่อให้ได้รับสารอาหารตามโภชนาการที่ครบถ้วน และดีต่อสุขภาพครรภ์ของคุณแม่และลูกในท้องด้วยนะคะ
นอกจากการรับประทานอาหารบำรุงครรภ์ที่มีประโยชน์และมีสารอาหารครบถ้วนจะช่วยบำรุงครรภ์ของคุณแม่ได้แล้ว ยังมีส่วนช่วยให้ลูกน้อยสมองดี และมีพัฒนาการที่ดีตั้งแต่ในครรภ์อีกด้วยค่ะ ทั้งนี้ คุณแม่ควรหมั่นออกกำลังกายบ่อย ๆ และดูแลสุขภาพของตัวเอง ที่สำคัญ ไม่ควรเครียดเกินไป เพราะสุขภาพกายและใจของคุณแม่จะมีผลต่อพัฒนาการของลูกน้อยในครรภ์โดยตรงด้วย
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่อยากได้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการดูแลครรภ์ในแต่ละไตรมาส สามารถเข้าไปอ่านบทความเฉพาะทางจากผู้เชี่ยวชาญ และบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับการทานอาหารบำรุงครรภ์ในแต่ละมื้อของคุณแม่ ได้ที่แอปพลิเคชัน “ALive Powered by AIA” รับรองว่าได้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลลูกน้อยอีกเพียบ
นอกจากนี้ คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ ยังสามารถขอคำปรึกษาจากแพทย์และพยาบาลผู้เชี่ยวชาญในการเตรียมตั้งครรภ์ วิธีดูแลลูก การเจริญเติบโต รวมไปถึงสุขภาพของคนในครอบครัว และใกล้ชิดกับคุณหมอแบบง่าย ๆ กันไปเลย
คุณพ่อคุณแม่ท่านใดที่สนใจ อยากโหลดแอป “ALive Powered by AIA” เข้ามาช่วยจัดการและเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของครอบครัวคุณ สามารถดาวน์โหลดได้ที่นี่เลย App store & Google play store
แหล่งอ้างอิง :
อาหาร “บำรุงครรภ์” ของคุณแม่ เตรียมพร้อมตั้งแต่เริ่มตั้งท้อง
14 อาหารบํารุงสมองลูกในครรภ์…ฉลาดตั้งแต่อยู่ในท้อง!!
“10 อาหารบำรุงครรภ์” ที่เหล่าว่าที่คุณแม่ไม่ควรพลาด
8 อาหารบำรุงครรภ์ ที่คุณแม่ควรกินเพื่อให้ลูกแข็งแรง
ลูกสมองดี เริ่มตั้งแต่อาหารบำรุงครรภ์ สำหรับคนท้อง
คนท้องห้ามกินอะไรบ้าง ?
9 อาหารที่คนท้องห้ามกิน เสี่ยงกับพัฒนาการและชีวิตลูกในท้อง
ประเภทอาหารที่คนท้องควรหลีกเลี่ยง