Parents One

5 กิจกรรมน่าสนใจ ทดแทนการเล่นมือถือสำหรับเด็กๆ

เชื่อได้เลยว่าสมัยนี้ใครๆ ก็มีมือถือใช้กันใช่ไหมล่ะคะ เพราะด้วยสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป และโซเชียลมีเดียก็เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันไปเสียแล้ว แม้กระทั่งลูกๆ หลานๆ ตัวเล็กตัวน้อยเองก็ยังมีกันคนละเครื่องเลย

แต่สิ่งที่ตามมาของการที่เด็กๆ มีมือถือเป็นของตัวเอง นั้นก็คือ การติดอยู่กับหน้าจอเล็กๆ มากจนเกินไป ทำให้เกิดผลเสียต่างๆ ตามมามากมาย ทั้งพัฒนาการ สุขภาพกายและใจ ความคิด พฤติกรรมของเด็ก วันนี้ Parents One จึงมี 5 กิจกรรมที่น่าสนใจมานำเสนอคุณพ่อคุณแม่ เพื่อเป็นแนวทางในการป้องกันการติดมือถือของเด็กๆ  นั่นเอง จะมีอะไรกันบ้าง ตามไปดูกันเลย

5 กิจกรรมน่าสนใจ ทนแทนการเล่นมือถือสำหรับเด็กๆ

เกมออฟไลน์ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงเกมที่อยู่ในมือถือแล้วไม่ได้เชื่อมอินเทอร์เน็ตนะคะ แต่เป็นเกมอย่างเช่น บอร์ดเกมสำหรับเด็ก หมากรุก หมากฮอส เกมกระดานต่างๆ ซึ่งเกมพวกนี้นอกจากที่จะทำให้ลูกติดจอน้อยลงแล้ว ยังช่วยเสริมสร้างพัฒนาการต่างๆ อย่างการสังเกต การคิด ไหวพริบ และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีให้กับครอบครัวได้อีกด้วย

 

เปลี่ยนจอหน้าจอมือถือ มาเป็นการวาดรูประบายสี หรือแม้แต่กระทั่งการเล่นดนตรี กิจกรรมพวกนี้จะทำให้เด็กๆ มีความคิดสร้างสรรค์ และสามารถเรียนรู้ในการแสดงออกทางความรู้สึกได้อีกด้วย การที่คุณพ่อคุณแม่พาเด็กๆ ไปทำกิจกรรมนี้ยังเป็นการเปิดโลกกว้างเขาได้อย่างมากเลยนะคะ ยังไงก็ลองพาเด็กๆ ไปสุนทรีย์กับโลกดนตรีและศิลปะกันดู

 

กิจกรรมนี้คุณพ่อคุณแม่สามารถชวนลูกมาประดิษฐ์ของต่างๆ กันได้ทั้งครอบครัวเลยนะคะ ของเล่นที่ดีไม่จำเป็นต้องเป็นของเล่นที่มีราคาแพงก็ได้จริงไหมคะ การที่ชวนลูกทำกิจกรรมนี้ จะช่วยส่งเสริมพัฒนาการให้ลูกได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างเต็มที่ มีไอเดียอะไรลูกสามารถนำมาประดิษฐ์เป็นของเล่นได้อย่างง่ายดาย แถมยังเป็นการสอนเรื่องการใช้แล้วใช้ซ้ำนำกลับมาใช้ใหม่ให้ลูกได้อีกด้วย

 

กิจกรรมบทบาทสมมติ เป็นกิจกรรมที่เด็กๆ สามารถเล่นกับจินตนาการ เรียกได้ว่า เป็นกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้ใช้จินตนาการได้อย่างเต็มที่เลยก็ว่าได้ คุณพ่อคุณแม่อาจจะเล่นที่บ้าน ให้ลูกได้ลองเลือกว่าอยากจะเล่นอะไร และเขาอยากให้เราเป็นอะไร เช่น พ่อแม่พาเด็กๆ เล่นแล้วสมมติว่ากำลังขึ้นเรือแล้วเจอกับพายุ ฝนตก คุณพ่อคุณแม่ก็ต้องจำลองสถานการณ์ อาจจะหาอะไรสักอย่างมาเป็นเรือ เมื่อเจอเหตุการณ์ไม่คาดคิด เด็กๆ จะได้จินตนาการในบทบาทนั้นว่าจะเอาตัวรอดได้อย่างไร ซึ่งมันเป็นการกระตุ้นความคิด ของเด็กๆ ได้ดีทีเดียวเลยค่ะ และยังสามารถเป็นแรงบันดาลใจเกี่ยวกับอาชีพในฝันของเด็กๆ ได้อีกด้วย

 

คุณพ่อคุณแม่อาจจะหาเวลาพาลูกไปเที่ยวสัมผัสธรรมชาติ อาจจะเป็นสวนหลังบ้าน หรือหาที่เที่ยวสักแห่งที่เป็นธรรมชาติ ซึ่งศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐอเมริกา แนะนำว่า พ่อแม่ควรพาเด็กๆ ไปเล่นนอกบ้าน อย่างน้อยวันละ 60 นาทีนั่นเอง ซึ่งการที่เด็กได้สัมผัสกับธรรมชาติที่เป็นของจริง ที่ไม่ใช่แค่ตามหนังสือที่ได้เห็น จะทำให้เขาเข้าถึงธรรมชาติได้มากขึ้น เขาจะได้สัมผัส ขยับร่างกาย และได้ใช้กล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ได้อย่างครบถ้วน พาลูกไปเจอแสงแดดธรรมชาติ รับลมเย็นสบาย กับต้นไม้เขียวขจี สิ่งเหล่านี้จะทำให้เขามีพัฒนาในด้านต่างๆ ได้ดีขึ้นกว่าเด็กๆ ที่ไม่ได้เจอโลกภายนอกอย่างแน่นอน

เป็นยังไงบ้างคะคุณพ่อคุณแม่กับกิจกรรมต่างๆ ที่ทาง Parents One ได้นำเสนอไป ซึ่งกิจกรรมที่น่าสนใจที่จะพาลูกห่างไกลจอก็มีอีกมากมายเลยนะคะ อย่างเช่น การเล่นกีฬา แคมป์ปิ้งในช่วงซัมเมอร์ อ่านหนังสือสนุกๆ ซึ่งทั้งหมดก็ล้วนแต่มีประโยชน์ทั้งสิ้น สิ่งสำคัญที่สุดนอกจากจะพาลูกไปทำกิจกรรมต่างๆ แล้ว คุณพ่อคุณแม่ก็ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเด็กๆ อีกด้วยนะคะ เพราะสิ่งที่พ่อแม่ทำทั้งหมด เด็กๆ จะซึมซับมันเข้าไปทีละเล็กทีละน้อยนั่นเองค่ะ อยากให้ลูกเป็นแบบไหน คุณพ่อคุณแม่นั่นแหละที่จะต้องทำให้เขาเห็นแบบนั้น ยังไงก็เป็นกำลังใจให้คุณพ่อคุณแม่ที่กำลังจะพยายามสอนเด็กๆ ให้ห่างไกลจอนะคะ

 

สนับสนุนโดย : กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์