Parents One

” ลูกฉันขี้กลัว ” 8 สิ่งที่เด็กกลัว พ่อแม่ควรทำอย่างไร ?

คุณพ่อคุณแม่เองต่างก็มีความกลัวกันไปต่างๆ นานา กลัวลูกจะกินข้าวไม่อิ่มบ้าง กลัวอุบัติเหตุบ้าง และความกลัวก็ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะผู้ใหญ่ เด็กตัวเล็กๆ ก็มีความกลัวเช่นเดียวกัน บางคนกลัวมาก บางคนก็กลัวน้อยไม่เท่ากัน หรือบางครั้งเด็กๆ ก็กลัวสิ่งที่ไม่น่าจะกลัวขึ้นมาเฉยๆ

หากความกลัวนี้เพิ่มมากขึ้น จนบางครั้งคุณพ่อคุณแม่เองก็เริ่มสงสัยว่าจะมีปัญหาอะไรกับอนาคตของเด็กๆ หรือไม่ แล้วความกลัวนี้จะหายไปอย่างไร วันนี้ ParentsOne จะพาคุณพ่อคุณแม่มาทำความเข้าใจ และหาทางออกกับความกลัวนี้กันค่ะ

เป็นเรื่องธรรมชาติของเด็กทุกวัยที่จะต้องกลัว ขนาดผู้ใหญ่อย่างเราๆ ยังกลัวเลยค่ะ บางอย่างถ้าให้ย้อนไปสมัยเด็กๆ คุณพ่อคุณแม่เองก็มีความกลัว เช่นกลัวความมืด กลัวผี แต่เรื่องบางเรื่องพอโตขึ้นความกลัวเหล่านั้นมักจะหายไปเองตามวัย แล้วแต่ละวัยจะมีความกลัวแบบไหนบ้าง ไปดูกันเลย

วัยทารก : เป็นวัยที่มักจะกลัวทุกสิ่งที่อย่างที่ผิดแปลกไปจากเดิม เช่นเสียงดังๆ หรือหน้าตาของคนแปลกหน้าที่ไม่คุ้นชิน

วัย 1-3 ปี : วัยนี้จะเริ่มกลัวความมืด คุณพ่อคุณแม่จึงไม่ควรปล่อยให้ลูกอยู่ในห้องที่มืดๆ เพียงคนเดียว นอกจากความมืดแล้วเขายังกลัว กิจกรรมแปลกใหม่ที่ไม่เคยทำมาก่อนในชีวิต เช่นการปั่นจักรยานครั้งแรก การว่ายน้ำครั้งแรก เป็นต้น

วัย 3-5 ปี : วัยนี้ถือว่าเป็นวัยที่มีจินตนาการแล้ว สิ่งที่เขากลัวมักจะเป็นสิ่งที่เขาคิดว่ามีจริงๆ อยู่บนโลกใบนี้ อย่างเช่น ผี งูยักษ์กินคน แม่มด หรือเพื่อนในจินตนาการต่างๆ ที่เป็นตัวประหลาดทั้งหลายที่ทำให้เขากลัวได้ง่ายๆ นั้นเองค่ะ

วัย 6-12 ปี : วัยนี้มักจะกลัวสิ่งที่จะเป็นเรื่องจริงในชีวิตประจำวัน อย่างเช่น ไฟไหม้บ้าน เจ้าแมวตัวโปรดตาย แม่ไม่รัก พ่อตี เป็นต้น

 

สาเหตุของความกลัว

 

เด็กๆ มักจะกลัวอะไรบ้าง ?

1.กลัวความมืด : เด็กหลายๆ คนมักกลัวความมืด เพราะในเวลากลางคืนเขาจะไม่สามารมองเห็นอะไรๆ ได้เลย ทำให้เวลาเดินหรือมองอะไร ทำให้รู้สึกไม่มั่นใจ และบวกกับจินตนาการของเขาเอง ทำให้ความมืดมันน่ากลัวเข้าไปอีก แต่อย่าว่าแต่เด็กที่กลัวเลยค่ะ ผู้ใหญ่อย่างเราๆ ก็ยังกลัวความมืดเลยจริงไหมคะ

 

2.ผีใต้เตียง หรือปีศาจในตู้ : เป็นสิ่งลึกลับแถมยังเป็นที่แคบ บวกกับความมืดที่มองไม่เห็น ทำให้เด็กๆ โดยเฉพาะเด็กไทยจะกลัวผีใต้เตียงเป็นพิเศษ ยิ่งดูภาพยนตร์ ละคร หรือเรื่องเล่า เกี่ยวกับเรื่องผีต่างๆ ยิ่งทำให้เด็กกลัวเข้าไปใหญ่ค่ะ

 

3.กลัวคนแปลกหน้า : เด็กๆ หลายคนมักจะกลัว หรือไม่อยากคุยหรืออยากเล่นด้วยกับคนแปลกหน้า หรือคนที่ไม่คุ้นชินในครอบครัว เพราะเด็กกำลังอยู่ในช่วงวัยของการจำหน้าคนที่คุ้นเคย หากพบหน้าคนไม่คุ้นเคยขึ้นมาจะให้เขากลัวและไม่อยากเผชิญหน้านั้นเองค่ะ

 

4.กลัวเสียงดัง : โดยเฉพาะเด็กเล็กๆ ที่มักจะมีความไวต่อเสียง หากมีเสียงที่ดังเกินไป เช่น เสียงฟ้าร้อง เสียงเพลงที่ดังกระหึ่ม เสียงเครื่องดูดฝุ่น หรือจะเป็นเสียงเครื่องปั่นน้ำ หากดังเกินไปเขาก็จะเกิดความกลัวได้เช่นกันค่ะ

 

5.กลัวการถูกทิ้ง หรือคนไม่รัก : เด็กๆ มักชอบอยู่กับคนที่รักหรือคุ้นเคย เขาจะรู้สึกปลอดภัย หากวันไหนที่คุณพ่อคุณแม่ไม่อยู่ต้องไปทำงานนอกบ้านขึ้นมา แล้วไม่สามารถดูแลเขาได้ตลอดละก็ คุณพ่อคุณแม่ก็ต้องหาสถานที่อย่างเช่น โรงเรียน ซึ่งเด็กๆ บางคนก็ถูกผลักดันให้เข้าโรงเรียนก่อนวัยที่จะต้องเข้าเรียนเสียอีก จึงทำให้เขาเหมือนกับว่าถูกทิ้งให้อยู่ลำพัง ทำให้เด็กๆ ไม่ชอบและกลัวไปเลยค่ะ

 

6.กลัวตำรวจจับ : ความกลัวนี้สาเหตุมักจะเกิดจากผู้ใหญ่มักจะหลอกให้เด็กๆ กลัว เช่น เมื่อใดที่ลูกไม่ยอมฟัง แม่ก็มักจะพูดว่า “ถ้าดื้อแบบนี้ เดี๋ยวจะให้ตำรวจมาจับเลยนะ” เมื่อเราหลอกเด็กมาๆ จะทำให้เขากลัวและสร้างทัศนคติที่ไม่ดีต่อตำรวจทั้งๆ ที่ตำรวจก็ไม่ได้ไปทำอะไรให้เด็กเลยนั้นเอง

 

7.กลัวคุณหมอและพยาบาล : เช่นเดียวกับการกลัวตำรวจ ที่คุณพ่อคุณแม่มักจะหลอกเด็กเมื่อเขาดื้อว่า “เดี๋ยวให้หมอจับฉีดยาเลยนะ” เด็กๆ เมื่อได้ยินเช่นนี้บ่อยๆ ก็จะเกิดความกลัวขึ้นมาทันที และมีทัศนคติทางลบต่อคุณหมอและพยาบาล เมื่อเกิดเจ็บป่วยขึ้นมา งานเข้าคุณพ่อคุณแม่เลยนะคะทีนี้ เด็กๆ จะกลัวโดยอันตโนมัติเลยค่ะ ยังไงคุณพ่อคุณแม่ต้องอธิบายให้เขาฟังว่าเรามาฉีดยาเพื่อให้เราหายป่วยและกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมนั้นเองค่ะ

 

8.กลัวสัตว์ต่างๆ : ยิ่งเป็นสัตว์ที่หน้าตาน่ากลัว ๆ และมีการปลูกฝังให้กลัวอย่างเช่น แมงมุม มดแดง งู เป็นต้น เด็กบางคนกลัวสัตว์นั้น จนใช้เป็นสัญลักษณ์ของวันฮาโลวีนเลยค่ะ

 

วิธีช่วยให้ลูกเอาชนะความกลัว

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : Trueplookpanya, Babybbb , คุณหมอสุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ , Rakluke , ดร.สุพาพร