Parents One

ไม่ให้คนท้องทำนะ โบราณเขาว่า…

ห้ามหญิงมีครรภ์ทำนั่นน่ะ, ห้ามคนท้องทำนี่นะ โบราณเขาว่ามันไม่ดี

คำที่เรามักได้ยินกันมาบ่อยๆตั้งแต่ยังตอนยังเป็นเด็กจนถึงวันหนึ่งที่ต้องกลายเป็นคุณแม่หรือคุณพ่อก็ยังคงได้ยินคนเฒ่าคนแก่พูดอยู่เสมอซึ่งเราก็เลือกที่จะปฏิบัติตามกันมาโดยไม่ขัดข้องเพื่อให้ผู้ใหญ่ของบ้านสบายใจ

แต่เพราะอะไรกันล่ะ? ถึงต้องห้ามซึ่งบางอย่างก็ดูแล้วไม่น่าจะเป็นอะไร

วันนี้ทาง Parents One จะมาไขข้อข้องใจถึงคำโบราณที่พูดต่อๆกันมาตั้งแต่อดีตกันค่ะว่าเพราะอะไรถึงต้องมีคำเตือนเหล่านี้ขึ้น

ในสมัยก่อนนั้นเทคโนโลยีทางการแพทย์ยังเข้ามาไม่ถึงประเทศสยามมากเท่าที่ควรทำให้การตั้งครรภ์นั้นยังเป็นเรื่องของการดูแลกันเองภายในครอบครัว ทั้งเรื่องการทำคลอดและดูแลทารกแรกเกิดก็ยังคงเป็นเรื่องที่ปฏิบัติกันแบบความเชื่อเรื่อยมาเพราะฉะนั้นจากประสบการณ์คนที่เคยผ่านน้ำร้อนมาก่อนจึงมักจะตั้งกฏหรือข้อเตือนบางอย่างขึ้นมาเพื่อป้องกันเหล่าคุณแม่ไม่ให้ประมาทกับช่วงเวลาที่อ่อนไหวทั้งร่างกายและจิตใจ

จึงกลายเป็นข้อเตือนใจต่างๆที่อิงเข้ากับหลักความเชื่อมาใช้ซึ่งเราจะมาไขข้อเท็จจริงของแต่ละความเชื่อกันค่ะ

อย่านั่งขวางบันไดเดี๋ยวจะคลอดลูกยาก

ในความจริงแล้วการนั่งอยู่ตรงบันไดนั้นเป็นเรื่องเสี่ยง หากคุณแม่มีอาการหน้ามืดหรือพลาดพลั้งไปย่อมเป็นเรื่องอันตรายที่ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถช่วยไว้ได้ทัน ฉะนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้คนมีครรภ์อยู่อยู่ในจุดที่ล่อแหลมความเชื่อนี้จึงถูกใช้ขึ้น

ห้ามหญิงตั้งครรภ์เข้าร่วมพิธีสังฆธรรมญัตติเพราะจะทำให้พิธีเสื่อม

ในพิธีทางศาสนามักบอกว่าอย่าให้คนท้องหรือสตรีมีครรภ์เข้าร่วมกับพิธีต่างๆเพราะจะไม่เป็นผลดีกับทั้งตัวคุณแม่และส่งผลกระทบต่อความศักดิ์สิทธิ์แต่ในความจริงแล้ว การร่วมพิธีมักต้องใช้เวลานั่งอยู่กับที่เป็นเวลานานและจำต้องอยู่ในอาการสำรวมตลอดเวลา อาจส่งผลให้ตัวคนมีครรภ์เกิดความไม่สบายเนื้อสบายตัวและที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือหากมีอาการเจ็บท้องคลอดหรือเกิดภาวะน้ำคร่ำแตกขึ้นมาคงจะวุ่นวายมากแน่ๆในสถานที่ดั่งกล่าว

อย่าแหงนหน้ามองสุริยุปราคา,จันทรุปราคาหรือพระจันทร์เดี๋ยวลูกจะตาบอดหรือตาเหล่

เป็นสิ่งที่บอกต่อกันว่าเรื่องแหงนมองอะไรบนฟากฟ้าว่าไม่ควรเพราะจะทำให้บุตรที่เกิดมามีปัญหาทางสายตาหรือร้ายแรงสุดคือตาบอดไปเลยซึ่งในความจริงแล้วในสมัยก่อนการออกไปดูปรากฏการณ์หรือการชมจันทร์ยามค่ำคืนถือเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นแล้วความสุนทรีย์อย่างหนึ่งที่ใครๆต่างก็ชื่นชอบแต่กับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์นั้นนับว่ามีความเสี่ยงอยู่มากที่จะหน้ามืดหรือทำให้ไม่ระวังตัวได้เวลาที่มัวแต่เพลิดเพลินอยู่กับการทอดมองสิ่งที่อยู่ไกลออกไปจนอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุหรือทำให้ไม่ระมัดระวังตัวเท่าที่ควรได้ ทำให้ผู้ใหญ่มักเตือนและขอว่าอย่าออกมายามค่ำคืนเพื่อลูกในท้อง

คนท้องห้ามเฝ้าไข้เพราะจะทำให้คนป่วยหายช้าลง

ตามคำบอกของคนโบราณนั้นมักจะใช้อ้างถึงลางไม่ดีต่างๆรวมถึงใช้เหตุผลว่าเป็นคนท้องยังใช้เวลาคลอดก็นานเป็นเดือนถ้าไปเฝ้าไข้ใครก็คงจะหายช้าเป็นเดือนนะล่ะซึ่งในเหตุที่ไม่ให้คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์หรือตั้งท้องอยู่ไปเฝ้าก็เพราะว่าจะทำให้ได้รับเชื้อโรคหรือติดไข้หวัดกลับมาได้และแน่นอนว่าต้องส่งผลต่อลูกในท้องอย่างแน่นอน นอกจากนี้หากต้องคอยเอาใจหรือปรนนิบัติผู้อื่นในช่วงที่สภาพจิตใจอ่นไหวง่ายก็จะยิ่งทำให้เหนื่อยและอ่อนล้าง่ายอีกด้วยจึงเป็นที่มาว่าทำไมพอกำลังตั้งครรภ์จึงไม่อนุญาตให้มาเฝ้าไข้คนป่วย

อย่าไปดูคนอื่นคลอดลูกไม่งั้นจะทำให้คนที่คลอดอยู่คลอดไม่ออก

เป็นเคล็ดที่ถือตามกันมาว่าหากกำลังตั้งครรภ์อยู่แล้วมีหญิงคนอื่นกำลังคลอด อย่าได้เข้าไปดูหรือเข้าไปคอยให้กำลังใจไม่เช่นนั้นจะทำให้เด็กไม่ยอมออก คลอดยากแล้วเป็นอันตรายทั้งแม่และลูกซึ่งความจริงนั้นทางคนเฒ่าคนแก่กลัวว่าคุณแม่มือใหม่อีกคนจะเกิดความวิตกกังวลขึ้นเมื่อเห็นว่าในอนาคตตัวเองก็ต้องมานอนร้องโอดโอยทรมานไม่ต่างจากคนที่กำลังคลอดอยู่ มันอาจส่งผลต่อความรู้สึกจนทำให้จิตตกและกลัวได้กับการที่ตนจะต้องคลอดเอง ดังนั้นคนเฒ่าคนแก่จึงไม่ต้องการให้คนท้องได้ดูการคลอดของผู้อื่นจนกว่าจะถึงคิวของตนเอง

ไม่เย็บผ้าช่วงตั้งครรภ์เพราะลูกเกิดมาจะปากแหว่งเพดานโหว่

ความเชื่อมโยงของเรื่องนี้ดูจะไม่เกี่ยวข้องอะไรกันนักเพราะกับการเย็บผ้าจะทำให้ลูกออกมาไม่สมประกอบได้อย่างไรแต่มันเกีย่วกับการทำงานของว่าที่คุณแม่ต่างหากเพราะงานเย็บผ้าเป็นงานที่ต้องใช้สมาธิและหมกมุ่นอยู่กับมันเป็นเวลานานๆหรือที่เรียกว่างานหนัก ไม่สบายตัวและยังต้องใช้สายตามากๆในการทำงาน จึงทำให้งานด้านนี้ไม่เหมาะกับผู้หญิงที่กำลังท้องแก่หรือตั้งครรภ์อยู่เพราะจะทำให้รู้สึกปวดเมื่อยหรือปวดตัวได้ยามที่ต้องนั่งหลังขดหลังแข็งในการเย็บผ้า

ห้ามนอนหงายช่วงตั้งครรภ์ไม่งั้นเด็กจะหลุดออกมา

โดยปกติแล้วคุณหมอมักจะบอกคุณแม่อยู่เสมอว่าอย่านอนหงายด้วยระบบร่างกายแล้วความปลอดภัยต่างๆซึ่งคำโบราณเองก็มีบอกเช่นกันว่าอย่าให้นอนหงายเพราะลูกจะหลุดออกมา ในส่วนนี้ค่อนข้างตรงกันที่พูดถึงเรื่องอาการร่วมกันระหว่างแม่และลูกเพราะท่านอนที่ถูกต้องสบายทั้งว่าที่คุณแม่และลูกน้อยคือการเอียงตัวไปเล็กน้อยแล้วใช้หมอนประคองไว้เพื่อช่วยพยุงครรภ์ให้ตัวคุณแม่และทำให้ภายในท้องนั้นไม่ถูกกดทับจนเกินไป ถ้าหากนอนหงายจะทำให้คุณแม่รู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออกรวมไปถึงส่งผลไม่ดีต่อเด็กในครรภ์ด้วย

เป็นอย่างไรกันบ้างคะสำหรับคำโบราณเขาว่าอย่าทำเพราะจะทำให้ส่งผลต่อเด็กและตัวคุณแม่ ในแต่ละข้ออาจจะดูเป็นมูลเหตุที่ทำต่อกันมาแบบไม่มีสาระแต่ในความจริงแล้วทุกคำบอกมาล้วนเป็นคำเตือนสอนใจให้เหล่าว่าที่คุณแม่ระมัดระวังตัวอยู่เสมอในการอุ้มท้องเจ้าตัวน้อยซึ่งวิธีการปฏิบัติตามก็ไม่ใช่เรื่องไกลตัวหรือทำได้ยากอย่างที่คิด  ต้องพักผ่อนให้มาก, ไม่ทำงานที่หนักจนเกินไปหรือแม้แต่การไปในสถานที่ต่างๆที่ทำให้เราไม่สบายใจ ถ้าดูแลตัวเองให้ดีพร้อมและสมบูรณ์ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อเก่าๆหรือคำเตือนของคุณหมอใยยุคใหม่ก็ล้วนแต่เป็นประโยชน์ทั้งนั้นสำหรับตัวคุณแม่เองค่ะ

 

ที่มา : Haijai, Positive, Kapook ,CH3