fbpx

ไขข้อสงสัย เด็กทารกจามบ่อย ลูกเป็นภูมิแพ้หรือแค่เป็นหวัด?

Writer : Mneeose
: 28 ธันวาคม 2565

อาการเด็กทารกจามบ่อยของลูก ที่จู่ๆ พ่อแม่อย่างเราก็สังเกตเห็นถึงความผิดปกตินี้ได้ เจ้าทารกจามถี่ จามแบบต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศเริ่มเปลี่ยนแปลง

เคยสงสัยไหมคะ ว่าทำไมเด็กทารกถึงจามบ่อยแบบนี้ ลูกน้อยแค่เป็นหวัดไม่สบายเฉยๆ จามเพราะฝุ่นในบ้าน หรือแท้จริงแล้วลูกน้อยเสี่ยงเป็นโรคภูมิแพ้จนต้องไปหาคุณหมอกันแน่นะ? ไปร่วมค้นหาสาเหตุ ที่ทำให้เด็กทารกจามบ่อย พร้อมรู้วิธีรับมือเมื่อลูกจามบ่อยแบบฉบับคุณพ่อคุณแม่ตัวจริงกันได้เลยจ้า

เด็กทารกจามบ่อย ผิดปกติไหมนะ?

ต้องขอบอกก่อนว่าการที่ทารกจามบ่อย อาจเป็นอาการปกติของเด็กทารกแรกคลอดได้ค่ะ ซึ่งการจามของทารกก็ไม่ได้เป็นตัวบ่งบอกว่าเจ้าลูกน้อยจะไม่สบาย เจ็บป่วย หรือเป็นภูมิแพ้เสมอไปนะคะ โดยแนวคิดนี้อาจจะสวนทางกับความรู้สึกของพ่อแม่อย่างเราที่มักจะคิดเสมอว่า ทำไมลูกเราถึงจามบ่อยจังนะ? หรือลูกเราจะไม่สบายรึเปล่า? เราจึงต้องปรับความเข้าใจกันก่อนนะคะคุณพ่อคุณแม่

โดยปกติ การจามในเด็กทารก สามารถเกิดขึ้นได้เมื่อทารกไม่สามารถขจัดสิ่งแปลกปลอมที่ติดอยู่ในจมูกของตัวเองออกได้ เช่น ฝุ่นละออง เศษผงต่างๆ หรือน้ำมูก จึงทำให้ทารกเกิดการจามขึ้น เพื่อกำจัดสิ่งแปลกปลอมออกไป ให้จมูกหายใจสะดวกขึ้นนั่นเองค่ะ

 

สาเหตุที่ทำให้ “ทารกจามบ่อย” เกิดจากอะไรบ้าง?

1. โพรงจมูกทารกยังมีขนาดเล็ก

สาเหตุแรกเลยที่ทำให้ทารกจามบ่อย คือการที่ทารกมีโพรงจมูกที่เล็กและแคบ ทำให้เมื่อมีเศษฝุ่นละอองแปลกปลอมเข้าไปในโพรงจมูก ร่างกายของลูกน้อยจึงมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อฝุ่นด้วยการจาม เพื่อกำจัดสิ่งแปลกปลอมเหล่านั้นออกจากบริเวณโพรงจมูกค่ะ

2. ทารกอยู่ในช่วงปรับตัวหลังคลอด

ทารกจามบ่อย เนื่องจากเด็กทารกยังไม่ชินกับการหายใจทางจมูก จึงอาจทำให้เกิดการจามขึ้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการปรับตัว เพื่อให้ทารกหายใจทางจมูกได้ดีขึ้น

3. ทารกจามบ่อย เพื่อเปิดรูจมูกให้โล่ง

ที่ทารกจามบ่อยอีกเหตุผลหนึ่งคือ เพื่อให้รูจมูกของเจ้าลูกน้อยเปิด และหายใจโล่ง หายใจสะดวกเป็นปกติ

ทั้ง 3 ข้อนี้ เป็นสาเหตุการจามที่ถือว่าปกติสำหรับทารกแรกเกิด และไม่มีอันตรายใดๆค่ะ เพียงแค่คุณพ่อคุณแม่ต้องเข้าใจเรื่องการจามบ่อยของลูกน้อยอย่างถูกต้องก่อนนะคะ

 

สาเหตุที่ทำให้ทารกจามบ่อย ที่คุณพ่อคุณแม่ควรใส่ใจมากเป็นพิเศษ

แล้วสาเหตุการจามของทารกแบบไหนบ้างที่คุณพ่อคุณแม่ควรใส่ใจมากเป็นพิเศษ เราไปดูกันเลย

1. เจออากาศแห้ง หรือเย็นเกินไป

ทารกจามบ่อย อาจเป็นเพราะอากาศแห้งและลมหนาวในช่วงเข้าฤดูหนาว รวมทั้งการเปิดแอร์ในอุณหภูมิที่ต่ำเกินไป เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผิวหนังและโพรงจมูกของลูกน้อยแห้งและอาจเกิดการระคายเคือง จึงอาจทำให้ลูกจามบ่อยขึ้นได้นั่นเอง

2. ปะทะมลภาวะที่เป็นพิษ เศษฝุ่น และน้ำมูก

ทารกจามบ่อย เพราะสภาพสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบๆตัวลูกน้อย เป็นเรื่องที่สำคัญมากสำหรับเจ้าตัวเล็กที่เพิ่งลืมตาดูโลก เพราะถ้าหากเด็กอยู่ในอากาศที่ดี ไม่มีมลพิษ ก็จะทำให้เด็กหายใจสะดวก ร่างกายแข็งแรง

แต่ถ้าหากทารกอยู่ในมลภาวะที่รอบกายเต็มไปด้วยฝุ่นละอองที่มองไม่เห็นจำนวนมาก พวกเศษฝุ่นละอองก็จะเข้าสู่โพรงจมูกของทารกได้ง่าย และทำให้เกิดการระคายเคือง จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เด็กทารกจามบ่อยนั่นเอง

3. ควันบุหรี่

ทารกจามบ่อยเพราะควันบุหรี่ ใครๆ ก็รู้ว่าควันบุหรี่เป็นวายร้ายของเด็กทารก เพราะในควันบุหรี่มีสารพิษหลายชนิด ที่สามารถเข้าไปทำลายโพรงจมูก และปอดของทารก (รวมถึงผู้ใหญ่) ทำให้เกิดการระคายเคืองในระบบทางเดินหายใจ หายใจติดขัด และสามารถนำไปสู่โรคที่ร้ายแรงยิ่งขึ้นได้หลายโรค เห็นไหมล่ะว่า ควันบุหรี่มือสองนั้นอันตรายขนาดไหน

ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่จึงไม่ควรสูบบุหรี่ในที่ที่มีเด็กเล็ก บริเวณภายในบ้าน หรือหากเลิกได้ยิ่งดีเลยค่ะ เพื่อชีวิตที่ดีกว่าของคนในครอบครัวและป้องกันอาการทารกจามบ่อยด้วยนะคะ

4. ทารกจามบ่อย สัญญาณโรคภูมิแพ้จมูก

โรคภูมิแพ้มีอยู่หลายแบบมากเลยค่ะ ทั้งแพ้อากาศ แพ้ขนสัตว์ แพ้เกสรดอกไม้ แพ้อาหาร และแพ้อื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งหนึ่งในอาการแพ้ที่พบได้บ่อยในทารก ก็คือ โรคภูมิแพ้จมูก (Allergic Rhinitis) นั่นเอง

อาการของเด็กที่เป็นโรคภูมิแพ้จมูก ส่วนใหญ่จะคัดจมูก น้ำมูกไหล จามบ่อย คันในจมูก บางรายอาจมีอาการคันตา ขยี้ตา และมีเสมหะไหลลงคอร่วมด้วย ซึ่งอาการเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดปี หรือแค่เพียงบางฤดูกาล โดยเฉพาะช่วงฤดูฝนหรือฤดูหนาว หรืออาจมีีอาการเฉพาะบางเวลา เช่น ตอนเช้าหรือกลางคืน ซึ่งรวมไปถึงเด็กในวัยใกล้ 2 ปี

 

ทารกจามบ่อย หายใจไม่คล่อง สรุปเป็นหวัดหรือโรคภูมิแพ้กันนะ?

แล้วคุณพ่อคุณแม่จะรู้ได้อย่างไรว่าอาการที่ลูกจามบ่อย เกิดจากลูกเราเป็นหวัด หรือเป็นโรคภูมิแพ้ เพราะอาการของทั้ง 2 โรคนี้ มักจะคล้ายคลึงกันมากนั่นเอง งั้นเราไปดูความแตกต่างระหว่าง 2 โรคนี้กันเลยค่ะ

อาการของผู้ป่วยโรคภูมิแพ้มักจะเกิดตามอวัยวะที่มีการอักเสบจากการกระตุ้นของสารก่อภูมิแพ้ ซึ่งสามารถเป็นโรคเรื้อรัง และเป็นๆ หายๆ ที่สำคัญ คือ แต่ละบุคคลมีอาการที่แตกต่างกันไปตามสภาพร่างกาย เช่น

  • จาม
  • น้ำตาไหล
  • คันตา
  • คัน/คัดจมูก
  • อาจมีน้ำมูกใสไหล
  • บางคนอาจมีอาการคันตา หอบ แน่นหน้าอก หายใจไม่คล่อง รวมอยู่ด้วย
  • ไม่มีไข้ อาจมีอาการไอเรื้อรังด้วย เนื่องจากมีเสมหะไหลลงคอ
  • บางรายมีประวัติการเป็นโรคภูมิแพ้จมูกของคนในครอบครัว

ส่วนโรคไข้หวัด เกิดจากการติดเชื้อไวรัสซึ่งมีหลายสายพันธุ์ เเละลูกน้อยสามารถป่วยได้บ่อยๆ โดยเฉพาะช่วงที่มีอากาศเปลี่ยนแปลงค่ะ แต่สามารถหายเองได้

ซึ่งช่องทางการติดเชื้อนั้น จะติดโดยการหายใจเอาเชื้อที่กระจายจากการไอ จามของผู้ป่วย หรือจากมือที่เปื้อนเชื้อโรคที่มาสัมผัสจมูกหรือตา โดยอาการของคนที่เป็นโรคไข้หวัด จะเป็นดังนี้

  • คัดจมูก
  • มีนำ้มูกไอมีเสมหะ
  • จาม
  • เจ็บคอ
  • อาจมีไข้ต่ำๆ และอาจปวดเมื่อยตามร่างกาย

หากคุณพ่อคุณแม่อยากเช็กว่าอาการลูกจามบ่อย เป็นเพราะลูกน้อยมีความเสี่ยงเป็นโรคภูมิแพ้หรือไม่? ก่อนไปพบแพทย์สามารถเข้ามาทำแบบประเมินเบื้องต้น  เพื่อเช็กสาเหตุของการเกิดโรคภูมิแพ้ในเด็กได้เลยค่ะ เพราะถ้าหากเรารู้ก่อนแพ้ คุณพ่อคุณแม่ก็สามารถช่วยป้องกันและดูแลลูกน้อยให้ห่างไกลจากโรคภูมิแพ้จมูกได้ค่ะ

 

How to ป้องกันอย่างไร? ไม่ให้ลูกน้อยเป็น “โรคภูมิแพ้จมูก”

เมื่อเด็กทารกจามบ่อย และเสี่ยงเป็นโรคภูมิแพ้จมูก เราจะมีวิธีป้องกันและดูแลเบื้องต้นได้ดังนี้

  • คุณแม่ควรเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพียงอย่างเดียวอย่างน้อย 6 เดือน หรือนานที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ เพราะนมแม่เป็นนมที่มีคุณสมบัติ Hypo-Allergenic (H.A.) ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภูมิแพ้ในเด็กได้ เพราะนอกจากนมแม่จะมีสารอาหารมากกว่า 200 ชนิดแล้ว โปรตีนในนมแม่บางส่วนยังถูกย่อยจากเอนไซม์ตามธรรมชาติในนมแม่ ทำให้มีขนาดเล็กลง เป็นโปรตีนที่ผ่านการย่อยบางส่วน (Partially hydrolyzed protein- PHP)  รวมทั้งมีจุลินทรีย์ดี หรือ โพรไบโอติกหลายชนิด เช่น Bifidus BL ซึ่งเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่มีส่วนช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและลดความเสี่ยงของการเกิดภูมิแพ้ โดยสังเกตได้จากทารกที่ได้รับนมแม่อย่างเหมาะสมจะมีการเกิดภูมิแพ้น้อยกว่า และมีภูมิคุ้มกันที่ดีกว่า
  • เสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย จากการทานอาหารให้ครบ 5 หมู่และออกกำลังกายสม่ำเสมอ
  • สอนลูกน้อยล้างมือบ่อยๆ และพยามไม่เอามือไปสัมผัสบริเวณใบหน้า
  • หากลูกเป็นโรคภูมิแพ้หนัก เลี่ยงการเลี้ยงสัตว์ในบ้าน เพราะอาจเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคได้เป็นอย่างดี รวมถึงขนสัตว์อาจเป็นสิ่งกระตุ้นภูมิแพ้แก่ลูก
  • ทำความสะอาดห้องบ่อยๆ

หากคุณพ่อคุณแม่มีความกังวลใจเกี่ยวกับสุขภาพของลูกน้อย โดยเฉพาะโรคภูมิแพ้ในเด็ก หรือทารกเริ่มมีอาการแพ้ และต้องการคำแนะนำในการดูแลป้องกันเพิ่มเติม ทั้งคุณแมมือเก่าและมือใหม่สามารถเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งกับเราได้ที่ N Sensitive Club คลับที่คุณแม่ไว้ใจ ศูนย์รวมความรู้เรื่องของอาการแพ้ในเด็กกันเลยค่ะ


แหล่งอ้างอิง :

Writer Profile : Mneeose

💙💙💙

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



Update
Banner Banner
Live Action เรื่องล่าสุดจาก Disney ที่หลายๆคนรอคอยไม่ว่าจะเป็นคุณพ่อคุณแม่ที่เคยรับชมการ์ตูนในวัยหวานหรือแม้แต่คุณน้องคุณหนูที่หลงรักโลกใต้ท้องทะเลก็ตาม ใช่แล้วล่ะค่ะ เรากำลังพูดถึง “The Little Mermaid” หรือ “เงือกน้อยผจญภัย” ที่หยิบยกกลับมาทำใหม่ในเวอร์ชันคนแสดงในปีนี้ โดยมีนักร้องสาว “ฮัลลี เบลลีย์” รับบทนางเงือกน้อย “แอเรียล” พร้อมเป็นตัวแทนส่งเสียงบอกกับเด็กหญิงชายทั่วโลกว่า “ใครก็เป็นเจ้าหญิงได้”  หยิบกลับมาทำใหม่ ตีความใหม่ในรูปแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนแบบนี้ ใครๆ ก็ต้องตื่นเต้นอยู่แล้ว ซึ่งเรื่องราวจะเป็นอย่างไร มีจุดเด่นจุดด้อย ข้อดีข้อเสียอย่างไร เหมาะสำหรับเด็กๆ หรือไม่ ลองไปดูกันเลย! เรื่องราวของนางเงือกน้อยแสนซน “แอเรียล” ธิดาคนสุดท้องของราชาไตรตันเจ้าแห่งโลกใต้สมุทรเธอมีความหลงใหลในโลกมนุษย์และใฝ่ฝันว่าอยากจะเดินเหินอย่างผู้คนบนดินแม้พ่อจะพยายามกีดกันเธอเท่าไรก็ตาม วันหนึ่งเธอบังเอิญได้พบกับ “เจ้าชายอีริค” และตกหลุมรักเขาเข้าอย่างจัง เธอจึงได้ทำข้อตกลงกับแม่มดทะเล “เออซูลาร์” เพื่อแลกเสียงอันไพเราะกับขาอย่างมนุษย์โดยมีข้อแม้ว่าเธอจะต้องได้รับจุมพิตจากเจ้าชายไม่เช่นนั้นเธอจะกลับมาเป็นเงือกและกลายเป็นทาสของเออซูลาร์ตลอดไปการออกเดินทางทำตามเสียงเรียกร้องของหัวใจเพื่อใช้ชีวิตอย่างที่ฝันจึงได้เริ่มต้นขึ้น เติมเต็มหัวใจที่ยังเปี่ยมไปด้วยความทรงจำของวัยเยาว์ ส่งต่อความกล้าหาญให้หนูน้อยเชื่อมั่นในตัวเอง และสิ่งที่ฝัน จูงมือลูกรักไปดู “The Little Mermaid” ได้แล้ววันนี้ ในโรงภาพยนตร์! ชมตัวอย่าง : https://www.youtube.com/watch?v=AS0vop2rgFo การ์ตูนเรื่องนี้เหมาะกับเด็กอายุ 8 ขวบขึ้นไป แม้จะมีเค้าโครงเรื่องหลักๆ มาจากการ์ตูนเงือกน้อยแอเรียลแบบต้นฉบับทั้งหมด แต่พอมาอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงก็ทวีคูณความจริงจังให้มากยิ่งขึ้นไปกว่าเดิม นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มเติมพื้นเพตัวละคร เสริมเนื้อเรื่องเพิ่มประเด็นให้มีความซับซ้อนยิ่งกว่าเดิม จึงบอกได้ว่าเป็นเวอร์ชันที่ไม่ค่อยเหมาะกับเด็กเล็กๆ เท่าไร ถึงอย่างนั้นเด็กๆก็ยังสามารถสนุกสนานกับกลิ่นอายของเทพนิยายชวนฝันเพลิดเพลินกับภาพบรรยากาศโลกใต้ท้องทะเลที่สวยงามสุดแสนจะแฟนตาซี รับประกันว่ากระตุ้นจินตนาการเรียกความตื่นตาตื่นใจจากเจ้าตัวน้อยแน่นอน เรื่องที่ต้องระวัง มีความรุนแรงและฉากน่ากลัว อย่างที่บอกไปว่า Live Action เวอร์ชันนี้ มีความดาร์ก ความสมจริงเพิ่มเข้ามา เรื่องความรุนแรงต่างๆ ฉากต่อสู้ ฉากปะทะ หรือหน้าตาของเหล่าสัตว์ร้ายใต้ทะเล อาจทำให้เด็กๆ ไม่สบายใจ หรือตื่นกลัวได้ แถมยังมีจังหวะตกใจ (Jump…
25 พฤษภาคม 2566

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save