Parents One

Checklist! ว่าเราเป็นพ่อแม่ที่ทำให้ลูกเกิดปมด้อยขาดความอบอุ่น หรือไม่?

” ไม่ชอบผู้หญิงนิสัยเหมือนแม่ ”

” ไม่อยากมีแฟนเหมือนพ่อ ”

” อยากอยู่กับแม่มากกว่าอยู่กับพ่อ/ อยากอยู่กับพ่อมากกว่าอยู่กับแม่​ ”

บางครั้งตัวเราเองก็ไม่อาจรู้ได้ว่า คำของลูกนั้นมีสาเหตุมาจากอะไร และทำไมจึงได้พูดออกมาเช่นนั้นซึ่งเป็นไปได้ว่า บุตรหรือหลานในบ้านของเรากำลังมีภาวะเกิดปมด้อยหรือมีศัพท์เฉพาะว่าอาการ Daddy/ Mommy issue หรือที่เรียกว่าภาวะการขาดความอบอุ่นจากครอบครัวจนส่งผลไปถึงพัฒนาการทางด้านความคิดและการกระทำในตอนโต ซึ่งภาวะนี้ส่งผลต่อพัฒนาการของเด็กอย่างมากในทางที่ไม่ดี และภาวะนี้สามารถเกิดขึ้นได้จากการเลี้ยงดูและพฤติกรรมของคนเป็นผู้ปกครอง ซึ่งภาวะนี้คืออะไรและเราเข้าข่ายที่จะเป็นพ่อแม่แบบ Daddy issue หรือ mommy issue หรือไม่

 

 

ชอบตะคอก, โวยวายเสียงดัง : ลูกรู้สึกกลัวคนที่เสียงดัง ตื่นตระหนกง่าย หรืออาจกลายเป็นคนชอบโวยวายเหมือนกัน

บางครั้งทำไมถึงรู้สึกว่าลูกเราไม่ค่อยสู้คน ดูหวาดกลัวและตื่นกับเสียงดังๆ หรือในทางตรงกันข้าม กลับเป็นเด็กที่ขี้โวยวาย ตะโกนเสียงดัง ไม่ได้ดั่งใจก็จะตะคอกหรือแสดงความฉุนเฉียวผ่านการใช้เสียงดังๆซึ่งนั่นก็อาจเป็นเพราะ มีผู้ปกครองซักคนหรืออาจทั้งคู่ที่ชอบใช้เสียงดังในการพูดคุย และทะเลาะให้เขาเห็น บางครั้งอาจตั้งใจ หรืออาจไม่ต้งใจ แต่ภาพจำนั้นก็อาจฝังอยู่ในความรู้สึกและการเรียนรู้ของลูกจนทำให้เกิดการพัฒนาการที่ไม่เหมาะสมและกลายเป็นปมด้อย อาทิ

ชอบทุบตี, แสดงความุรนแรงให้เห็น : ลูกจะรู้สึกโหยหาความเมตตาหรือความอ่อนโยนจากผู้อื่น , ติดนิสัยชอบทำร้ายไปใช้กับผู้อื่น

ความรุนแรงนั้นไม่ว่าอย่างไรก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำต่อหน้าลูก ยิ่งหากทะเลาะกับคนรักและถึงขั้นทำร้ายร่างกายเองนั้น ย่อมส่งผลไม่ดีต่อตัวเด็กที่เข้ามารับรู้เหตุการณ์อย่างแน่นอน โดยเฉพาะการที่เห็นพ่อและแม่ทำร้ายกันเอง, ทำลายของที่สำคัญต่อความรู้สึก, ทำร้ายบุคคลอื่นอย่างทารุณ ไม่ว่าจะเป็นในทางไหนก็สามารถส่งผลอบ่างแน่นอนซึ่งอาการหลักๆ ของปมด้อยที่เกิดจากการจดจำพฤติกรรมนี้คือ

ชอบสัมผัสเกินเลยโดยที่ไม่ได้ขออนุญาต : ลูกจะรู้สึกระแวงการถูกสัมผัสจากคนอื่นไม่ว่าจะเป็นใคร, เสพติดการถูกลูบจับจนปล่อยตัว หรืออาจติดนิสัยไปทำกับผู้อื่น

เพราะเป็นพ่อเป็นแม่เราจึงมักคิดว่ามีสิทธิ์ในร่างกายของลูกทุกอย่าง ทั้งที่ในความเป็นจริงนั้น ลูกมีสิทธิ์ที่จะไม่ให้เราแตะต้องหรือสัมผัสมากเกินไปหากเขาไม่ยินยอม เช่นชอบลูบจับในจุดที่ไม่สมควรอย่างช่วงขาอ่อน, อวัยวะเพศ, หน้าอก บั้นท้าย บางครั้งในมุมพ่อแม่เองอาจคิดว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน ทำไปก็ไม่เสียหายและไม่ผิดเพราะลูกยังเล็กหรือแม้จะโตแล้วแต่ก็ยังจับได้เพราะมีสิทธิ์ในตัวลูก แต่ในความจริง หากลูกรู้สึกถูกคุกคามจากการกระทำเช่นนี้โดยครอบครัวของคน ก็จะก่อให้เกิดปมด้อยกับเขาได้ซึ่งสามารถเกิดได้ดังนี้

 

ชอบใช้อำนาจ เอาความเป็นพ่อแม่มาข่ม : ลูกจะรู้สึกถูกกดทับอยู่ตลอดเวลา, ไม่มีความมั่นใจในตัวเองและไร้ค่า, ลูกอาจแสวงหาที่ที่ตนได้มีพื้นที่และตัวตนจนทำให้ไม่ต้องการอยู่กับครอบครัว

พอขึ้นชื่อว่าพ่อแม่สิ่งที่เรามักพบเห็นได้ประจำคือการใช้อำนาจความเป้นผู้ใหญ่ในการคอยจัดการและดูแลทุกอย่าง แน่นอนว่ารวมไปถึงการควบคุมชีวิตของลูกให้ไปในทิศทางที่ต้องการด้วยแต่ทว่าการใช้อำนาจนี้เหมือนดาบสองคม ถ้าใช้อย่างพอดี มีอิสระหรือช่วงเวลาที่ให้คนในครอบครัวได้มีพื้นที่แสดงความเห็นหรือสิทธิ์ในการคิดเองบ้างคงไม่เป็นไร แต่หากมีคนใดคนนึงตั้งตนเป็นคนที่มีอำนาจสูงสุด ก็อาจทำให้เกิดความอึดอัดและรู้สึกไม่สบายใจจนสุดท้ายบ้านที่แสนอบอุ่นและปลอดภัยก็จะไม่เกิดขึ้นเพราะเกิดผลกระทบเหล่านี้

 

ชอบใช้คำพูดทำร้ายจิตใจ, ลดทอนคุณค่าของลูก : ลูกจะเป็นคนเชื่อมั่นใจตัวเองต่ำ, ไม่มีความกล้าแสดงออกที่เหมาะสมต่อวัย

บางครั้งผู้ใหญ่มักชอบคิดว่าเด็กจำไม่ได้หรอกกับสิ่งที่ถูกเลยคิดว่าการพูดอะไรเชิงลบ เขาจะจำไม่ได้และไม่ใส่ใจเพราะเป็นเด็กซึ่งในความจริงมันไม่ใช่แบบนั้นเลย ความจำของลูกนั้นดีเป็นเลิศ หากโดนพ่อแม่ล้อว่า อ้วนหรือดำ หรือชอบพูดเพื่อลดทอนคุณค่าอย่างโง่, ไม่สวย, ทำไมซื่อบื้อ ตำหนิทีุกข้อผิดพลาดและคอยนำกลับมาขยี้ซ้ำๆเพื่อเยาะเย้ย เขาสามารถจดจำได้ไปจนถึงตอนโตเลยทีเดียว และเมื่อมีคำนั้นฝังอยู่ในใจก็จะทำให้ลูกกลายเป็นคน

 

สิ่งที่ควรทำให้ลูกคือการเอาใจใส่และกำลังใจ ไม่ใช่การสร้างปมด้อย

หากลองดูแล้วเรามีสักข้อใดข้อหนึ่งในการกระทำก็เป็นไปได้ว่าเรากำลังสร้างปมด้อยและทำให้ลูกอยู่ในภาวะขาดความอบอุ่น ฉะนั้นเมื่อไม่อยากทำร้ายคนที่เรารักและห่วงเขาที่สุดในชีวิต จึงจำเป็นที่จะต้องปรับตัวและใส่ใจกับความรู้สึกของลูกและคนในครอบครัวให้มากกว่าที่เป็นซึ่งสิ่งเหล่านี้เริ่มต้นได้ที่ตัวเราเอง โดยการปฏิบัติตนเพียงไม่ข้อเท่านั้น

เมื่อคนเป็นพ่อแม่ได้เลือกแล้วว่าจะดูแลลูกให้ดีที่สุด ต้องไม่จบเพียงการได้กินอาหารดีๆ อยู่ในที่ที่สบายแต่เราต้องเลี้ยงจิตใจของลูกเราเองด้วยให้สามารถเติบโตไปเป็นคนที่มีทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจที่ดี

ที่มา wikipedia , thefamilyinthai