Parents One

COVID-19 ป้องกันได้! Guildline สำหรับโรงเรียนและพ่อแม่ในการดูแลเด็กๆ

COVID-19 เป็นเชื้อไวรัสที่มีคนกล่าวถึงมากที่สุดในขณะนี้ ซึ่งถือเป็นเชื้อที่แพร่กระจายไปได้อย่างรวดเร็ว หากไม่มีการดูแลหรือป้องกันที่ดีพอ ส่วนมากเรามักจะเป็นกังวลเมื่อต้องไปอยู่ในสถานที่ที่มีรวมกันเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในโรงเรียนที่พ่อแม่ค่อนข้างกังวลเป็นพิเศษ

องค์กรยูนิเซฟ (UNICEF) องค์การอนามัยโลก (WHO และ IFRC ได้เผยแพร่แนวทางการดูแลและป้องกัน COVID-19 ในเด็กสำหรับโรงเรียนและพ่อแม่ ซึ่งมีเนื้อหาที่น่าสนใจและสามารถนำไปปรับใช้ให้เหมาะกับแต่ละโรงเรียนและครอบครัว วันนี้ Parents One จึงนำข้อมูลที่มีประโยชน์มาฝากทุกคนค่ะ

ข้อแนะนำสำหรับโรงเรียน

โรงเรียนเป็นสถานที่ที่มีคนรวมตัวกันเป็นจำนวนมากทั้งเด็ก คุณครู และในบางครั้งก็ยังมีพ่อแม่อีกด้วย ซึ่งในหลายๆ ประเทศที่มีการระบาดอย่างรุนแรงก็ได้มีการประกาศปิดโรงเรียน เพื่อเป็นมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาด แต่ก็ยังคงต้องมีการให้ความรู้เด็กต่อไป จึงได้มีการเรียนออนไลน์หรือการเรียนรู้ทางไกลเกิดขึ้น และทางโรงเรียนเองก็ต้องมีการทำความสะอาด เพื่อที่จะสามารถเปิดโรงเรียนใหม่อีกครั้งอย่างปลออดภัย

สำหรับในประเทศไทยหากยังไม่พบว่ามีบุคลากรในโรงเรียนติดเชื้อ การปิดโรงเรียนเลยก็ดูจะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่  ดังนั้นโรงเรียนจึงต้องเป็นส่วนสำคัญในการป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดขึ้น โดยทุกคนในโรงเรียนก็ควรมีส่วนร่วมในการป้องกันนี้ ไม่ว่าจะเป็นคุณครู เจ้าหน้าที่ เด็กๆ รวมไปถึงผู้ปกครองทุกคน

 

ข้อแนะนำสำหรับพ่อแม่

พ่อแม่ก็คือบุคคลสำคัญที่ใกล้ชิดกับลูกมากที่สุด และแน่นอนว่าคงต้องมีความกังวลไม่ใช่น้อยว่าลูกจะมีโอกาสติดเชื้อ COVID-19 หรือไม่ แต่จากการเก็บข้อมูลของผู้ที่ติดเชื้อและเสียชีวิตจากทั่วโลกนั้น พบว่าเด็กที่ติดเชื้อมีจำนวนน้อยมากเมื่อเทียบสัดส่วนกับผู้ใหญ่หรือผู้สูงอายุ ยิ่งอัตราการเสียชีวิตด้วยแล้วในเด็กที่อายุ 0-10 ปี ไม่มีการเสียชีวิตเลย ส่วนในเด็กที่อายุ 10-19 ปี มีอัตราการเสียชีวิตอยู่เพียง 0.2% เท่านั้น

ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่อย่าเป็นกังวลเกินไปนัก เพราะเราสามารถควบคุมสถานการณ์และป้องกันลูกของเราจากเชื้อ COVID-19 ได้ หากทำตามข้อแนะนำเหล่านี้

ที่สำคัญคือปลูกฝังทัศนคติที่ดีให้เด็ก

ในขณะที่มีโรคระบาดเกิดขึ้น ทุกคนก็ย่อมใส่ใจตัวเองและคนในครอบครัวเป็นหลัก ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ในบางครั้งเราก็อาจเป็นกังวลมากจนเผลอไปจับผิดคนอื่น ซึ่งจริงๆ แล้วหากเราพบเจอคนที่ไม่ได้ป้องกันอย่างถูกวิธีเราก็สามารถเตือนกันด้วยถ้อยคำดีๆ ดีกว่ามานั่งจับผิดและใช้คำพูดในแง่ร้ายที่บั่นทอนทั้งคนพูดและคนฟัง

ดังนั้นในช่วงนี้เราก็สามารถพลิกวิกฤตให้กลายเป็นโอกาสในการสอนสิ่งที่ลูกควรจะได้รู้ อย่างการดูแลตัวเอง เพื่อสร้างจิตสำนึกที่ดีต่อสังคม โดยเด็กมีแนวโน้มที่จะทำตามจากการเห็นแบบอย่างที่ดีมากกว่าการสอนหรือแนะนำโดยคำพูด เพราะเมื่อเขาสามารถดูแลตัวเองได้ ก็ย่อมลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายเชื้อไปยังคนอื่น

นอกจากนี้การสร้างสังคมที่มีความเอื้ออาทรต่อกัน ใส่ใจกันก็เป็นสิ่งที่พ่อแม่สามารถสอนเขาได้ ในสถานการณ์แบบนี้เรายิ่งต้องมีความเอื้ออาทรกันมากขึ้น โดยพ่อแม่สามารถเป็นแบบอย่างในการช่วยเหลือคนอื่น ไม่รังเกียจผู้เจ็บป่วยหรือผู้ที่เกี่ยวข้อง ไม่ต่อว่าผู้อื่นรุนแรง หยิบยื่นน้ำใจให้กับคนรอบตัว อย่างที่เห็นได้ชัดคือการกักตุนหน้ากากอนามัยหรือเจลล้างมือ ที่บางคนก็กักไว้เกินความต้องการ จนทำให้สิ่งของเหล่านั้นขาดแคลน หากเราสอนให้ลูกรู้จักแบ่งปัน เก็บไว้ใช้แต่พอดี ก็ย่อมเกิดสังคมที่ดีตามมา

ข้อมูลอ้างอิงจาก