Parents One

ทำร้ายร่างกายเด็ก กับผลกระทบที่ไม่คาดคิด และบทสรุปแนวทางแก้ไขของโรงเรียนชื่อดัง “สารสาสน์”

ไม่จบง่ายๆ กับประเด็นเด็ดที่กำลังเป็นที่จับตามองของสังคม อย่างกรณีการทำร้ายร่างกายเด็กของโรงเรียนชื่อดัง “สารสาสน์” ที่ไม่เพียงจะทำให้ร่างกาย และจิตใจของเด็กน้อย วัยอนุบาล 1 ต้องบอบช้ำ แต่ยังทำให้จิตใจของผู้ปกครองแตกสลาย และไม่ไว้ใจโรงเรียนอีกต่อไปด้วย

วันนี้ Parents One ขอสรุปเป็นเนื้อหาสั้นๆ เกี่ยวกับผลกระทบที่ไม่มีใครคาดคิดของการที่เด็กโดนทำร้ายจากคุณครู และและบทสรุปแนวทางการแก้ไขของโรงเรียนชื่อดัง “สารสาสน์” ต่อกรณีที่เกิดขึ้นดังกล่าว

ผลกระทบที่ไม่มีใครคาดคิด เมื่อเด็กโดนทำร้ายร่างกายจากคุณครู

นอกเหนือจากร่างกายของเด็กที่บอบช้ำแล้ว การที่เด็กโดนทำร้ายยังไปกระทบต่อจิตใจแบบที่เราไม่เคยรู้มาก่อนอีกด้วย นั่นเพราะเด็กเกิดพฤติกรรมการเลียนแบบจากสภาพแวดล้อมรอบตัวนั่นเอง ที่ส่งผลกระทบให้เด็กมีพฤติกรรม และบุคลิกภาพที่เปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด ดังนี้

เช่น เด็กเห็นชุดนักเรียนแล้วร้องไห้ ไม่อยากไปโรงเรียน หรือมีพฤติกรรมนอนดึกมากๆ เพื่อจะได้ไม่ต้องตื่นไปโรงเรียนตั้งแต่เช้า

เด็กไม่กล้าอยู่ในที่มืดคนเดียว และจะมีอาการผวา

เด็กไม่สามารถไปเข้าห้องน้ำคนเดียวได้ ถ้าไม่มีผู้ปกครอง หรือคนอื่นเดินไปเป็นเพื่อน ซึ่งแต่ก่อนเด็กเป็นคนเข้มแข็งมาก และเข้าห้องน้ำเองได้

เด็กไม่ค่อยยอมดื่มน้ำ หรือดื่มน้ำน้อย เพราะไม่อยากไปเข้าห้องน้ำบ่อยๆ ทำให้เด็กกลัวการเข้าห้องน้ำไปเลย

เนื่องจาก เด็กเกิดการเลียนแบบเหตุการณ์ และพฤติกรรมที่คุณครูได้ทำกับตัวเองมา ทำให้ก้าวร้าวขึ้นเมื่ออยู่กับผู้ปกครอง

เด็กเล่นแรงขึ้น จากที่เมื่อก่อนไม่เคยจิกผม หรือหยิกผิว ก็มีพฤติกรรมดังกล่าวเพิ่มขึ้นมานั่นเอง

เมื่อไม่ได้ดั่งใจ ก็จะงอแง ใจร้อน เขวี้ยงปาข้าวของ และชอบตะคอกใส่พ่อแม่ ซึ่งผู้ปกครองไม่เคยสอน หรือทำให้ลูกเห็นมาก่อน

ใช้คำพูดที่ห้วนขึ้น พูดไม่ไพเราะเหมือนแต่ก่อน

จะเห็นได้ว่าพฤติกรรมของลูกทั้งหมดที่กล่าวมา นอกจากจะเปลี่ยนแปลงไม่เหมือนเดิมแล้ว ยังได้สร้างปมรอยแผลฝังลึกไว้ในจิตใจของเด็ก และผู้ปกครองเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นเอง

 

บทสรุปแนวทางการแก้ไขของโรงเรียนชื่อดัง “สารสาสน์”

แยกเป็น 2 กรณี นั่นก็คือ

โดยมี 9 ข้อเรียกร้อง จากผู้ปกครองถึงโรงเรียน ถ้าหากอยากให้ลูกอยู่ต่อ

1. โรงเรียนต้องมีกล้องวงจรปิด แบบเรียลไทม์
2. ต้องมีนักจิตวิทยามาเยียวยาจิตใจของเด็ก
3. ผู้ปกครองต้องรู้จักคุณครูที่มาสอน เเละเห็นหน้าตา พร้อมใบประกอบวิชาชีพด้วย
4. 
ให้ผู้ปกครองสามารถสุ่มตรวจพื้นที่ของโรงเรียนได้
5. จัดประชุมผู้ปกครองทุกปีการศึกษา
6. ปรับปรุงคุณภาพอาการกลางวัน และเพิ่มเวลาทานอาหารเป็น 40 นาที
7. จัดเวลาให้คุณครูพาเด็กมาดื่มน้ำ และเข้าห้องน้ำเป็นระยะ
8. ปรับปรุงห้องน้ำให้สะอาด
9. เน้นมาตรฐานความปลอดภัยของรถโรงเรียน

 

1. ทางโรงเรียนจะคืนค่าธรรมเนียมการเรียน และค่าเทอมทั้งหมด เมื่อนำใบเสร็จมายืนยัน
2. โรงเรียนจะจ่ายคืนค่าอื่นๆ ที่ต้องจ่ายในการเรียน รวมทั้งค่าอาหารด้วย
3. 
โรงเรียนจะชดเชยค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้เด็กทั้งทางร่างกาย และจิตใจ โดยการใช้ใบรับรองแพทย์มายืนยัน
4. โรงเรียนไม่มีนโยบายในการโยกย้ายเด็กไปโรงเรียนอื่น

 

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ก็ส่งผลให้หลายโรงเรียนมีการร้องเรียนเรื่องเด็กถูกทำร้ายจากคุณครูเป็นจำนวนมาก ซึ่งทั้งหมดก็บ่งบอกได้ว่า เด็กไม่ได้รับความปลอดภัยในโลกที่แสนกว้างใหญ่แห่งนี้ได้อย่างแท้จริง หากอยู่นอกอ้อมกอดของพ่อแม่ 

เพราะฉะนั้น เราจึงต้องเร่งสร้างภูมิคุ้มกันทั้งทางด้านร่างกาย และจิตใจให้แก่เด็กๆ ได้ช่วยเหลือตัวเองให้รอดพ้น หากเจอสถานการณ์เช่นนี้นั่นเองค่ะ

ขอบคุณแหล่งอ้างอิง : Thairath , เรื่องเล่าเช้านี้