fbpx

รวม 4 สิ่งที่ต้องพักก่อน เมื่อพาลูกน้อยมาเชงเม้งกันในช่วงโควิด

Writer : OttChan
: 16 มีนาคม 2564

ในครอบครัวของคนจีนจะมีช่วงหนึ่งของปีที่ต้องมีการรวมตัวของพี่น้อง, ป้าน้าอา และเครือลูกหลานหลายๆ บ้านมาพบกันในวันที่ถูกเรียกว่า วันเชงเม้งใช่ไหมคะ ซึ่งตอนนี้เองนั้น สถานการณ์ของโควิดก็ดูเหมือนจะยังไม่ดีขึ้นเท่าที่ควร ยิ่งมีเด็กเล็ก และผู้สูงอายุมาร่วมมากก็ยิ่งเสี่ยงติดได้ง่าย

ดังนั้น เราจะมาป้องกันตัวเราและลูกหลาน ในการพบเจอกันในวันเชงเม้งด้วย 4 สิ่งที่ต้องพักก่อน! หยุดไว้ก่อน อย่าพึ่งทำเมื่อเจอกันในวันเชงเม้งค่ะ

พักการหอมจูบไว้ก่อน

เป็นธรรมดาที่ผู้ใหญ่เจอเด็กๆ วัยกำลังเดิน น่ารักน่าชัง หรือกำลังอ้อแอ้สดใส ก็อยากจะเข้าไปหอม ไปกอดให้ชื่นใจ ซึ่งสิ่งนี้ต้องพักไว้ก่อน อดใจไว้ค่ะ เพราะโควิดนั้นสามารถติดกันได้จากการหอม การจุ๊บ และถึงแม้จะไม่ใช่โรคโควิด ก็ยังคงมีโรคอื่นๆ ตามมาได้จากการหอมจูบที่ไม่ได้มีการทำความสะอาดร่างกายให้สะอาด ยิ่งปากนั้นเป็นจุดที่สะสมเชื้อโรคได้มากที่สุดจากตั้งการรับประทานอาหาร, การพูดคุย หรือแม้แต่การสูบบุหรี่

ฉะนั้นหากต้องการหอมต้องการจุ๊บ อาจต้องพักไว้ก่อนเพื่อสุขภาพที่ดีของลูกหลานในบ้าน และกับผู้สูงวัยเองก็ต้องระวังเช่นกันเพราะภูมิต้านทานของคนที่มีอายุมากแล้ว ก็ไม่แข็งแรงเช่นกัน

พักการสัมผัสใกล้ชิดไว้ก่อน

บ่อยครั้งที่พอได้เจอกันกับญาติที่ไม่ได้เจอกันมานาน ต่างคนก็ต่างคิดถึงทำให้เกิดการกอด, การสัมผัสกันขึ้น ไม่ว่าจะเป็นจับมือ, คล้องคอ, โอบไหล่หรือแม้แต่การวิ่งเล่นของเด็กๆ เองที่มีการถึงเนื้อถึงตัวโดยไม่ทันได้ระวังตัวซึ่งนี่อาจจะนำไปสู่การสัมผัสโดนเชื้อโรคโดยตรงและก่อให้เกิดการติดต่อกันได้ ดังนั้น จึงควรรักษาระยะห่างต่อกันในการทักทาย รวมถึงสวมใส่หน้ากากอนามัยไว้เสมอเพื่อป้องกันละอองต่างๆ ที่อาจติดไปตามเสื้อ, หรือผิวหนังได้

พักการใช้ช้อนกลางไว้ก่อน

การรับประทานอาหารด้วกยันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เกิดงานเชงเม้งขึ้น ก็ต้องเป็นการทานข้าวกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตากัน เพราะงั้นแล้ว การทานอาหารเองก็ต้องมีระยะห่างที่เหมาะสมรวมถึงมีอุปกรณ์ในการรับประทานที่แยกจากกันโดยสิ้นเชิงดังนี้

  • ไม่ใช้ช้อนกลางในการตักกินรวมเพื่อเลี่ยงการสัมผัสในการใช้ของต่อจากกัน
  • ไม่ใช้ช้อนส่วนตัวในการตักกับข้าว แต่ให้ใช้ช้อนอีกคันในการตักกับข้าว
  • แยกแก้วน้ำคนละแก้วไม่ใช้กระติกดื่มรวมหรือใช้หลอดรวม
  • เมนูอาหารหากเลือกได้ ควรจัดแบบทานเป็นกล่องส่วนตัว มากกว่าแบบร่วมตัก

พักความเคยชินและคุ้นเคยไว้ก่อน

แน่นอนว่าการพบปะกันย่อมเกิดการสังสรรค์ที่อาจหยิบจับสิ่งของต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแก้ว ถุงขนม, หรือการหยิบจับมือถือขึ้นมาเพื่อบันทึกภาพน่ารักๆ เก็บความทรงจำดีๆ ของกันและกันไว้ด้วยความเคยชินเวลามีช่วงเวลาสัญญาแต่ถึงอย่างไรก็ต้องมีสติอยู่เสมอที่จะพักความสนุกไว้และมาดูแลรักษาความสะอาดต่างๆ อาทิ

  • ล้างมือให้สะอาดหลังทานขนม, เครื่องดื่ม
  • ก่อนหยิบจับสิ่งของต่างๆ ต้องฉีดสเปรย์ฟรือล้างเจลแอลกอฮอลล์เสมอ
  • ดูแลลูกน้อยไม่ให้หยิบจับสิ่งของแปลกปลอมเข้าปากหรือจับเล่น
Writer Profile : OttChan

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save