Parents One

ในวันที่ลูกยังอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้

มีคุณแม่หลายท่าน inbox มาปรึกษาถึงความกังวลใจที่ลูกเข้าอนุบาลแล้วยังอ่านไม่ออกและเขียนไม่ได้อยู่เลย ตุ๊กก็ขอยอมรับว่าเป็นคนหนึ่งที่เคยกังวลเรื่องนี้เช่นกัน เพราะหันไปทางไหนเด็กวัยเดียวกันกับจินก็อ่านออกเขียนได้กันเต็มไปหมด

จนมานั่งพูดคุยกับพี่เหว่งเลยเห็นตรงกันว่า โรงเรียนที่เน้นวิชาการไม่น่าจะเหมาะกับลูกของเรา เพราะในแต่ละวันที่จินกลับมาจากโรงเรียน เธอจะมีการบ้านที่ค่อนข้างยาก ยากสำหรับลูกและก็ยากสำหรับแม่ในการสอนเขาให้เข้าใจอีกด้วย เท่าที่ตุ๊กจำความได้ พ่อก็เคยพยายามสอนการบ้านเลขตุ๊กอย่างหนักหน่วง

แต่ไม่ว่าพ่อจะพยายามยังไง ตุ๊กก็ไม่มีทีท่าที่จะเข้าใจเลย ถึงจะหัวไม่ดีแต่พ่อแม่กลับไม่เคยพาตุ๊กไปเรียนกวดวิชาที่ไหนสักแห่ง สมุดแบบฝึกหัดคณิตศาสตร์ที่บ้านก็ไม่มีสักเล่ม เดาว่าพ่อคงคิดมาดีแล้วว่าลูกสาวคนนี้สมองไม่ถูกกับตัวเลข แต่จำได้ว่าทุกจุดในบ้านจะมีกระดาษวาดรูป ดินสอสี สีน้ำ สีเมจิก เต็มไปหมด และความประทับใจที่จนวันนี้ก็ยังไม่ลืมคือ พ่อเคยให้ตุ๊กวาดอะไรก็ได้บนรั้วบ้านก่อนที่จะทาสีใหม่ทับลงไป

ซึ่งตอนนั้นรู้สึกว่ารั้วบ้านใหญ่มาก มันทั้งตื่นเต้นและท้าทายกว่าระบายสีบนกระดาษเป็นไหนๆ ตุ๊กระบายสีไป ยิ้มไป หัวเราะไป และรู้สึกได้ว่าวันนั้นเป็นวันที่มีความสุขมากจริงๆ

มาวันนี้ที่มีลูกแล้ว ก็อดที่จะมองย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่เรายังเป็นเด็กไม่ได้ว่า อะไรคือความสุขและคือสิ่งที่สำคัญ สำหรับครอบครัวเรา ทั้งตุ๊กและพี่เหว่งไม่ได้เติบโตมาด้วยการพาลูกไปเรียนพิเศษหรือเคร่งเครียดกับการเตรียมสอบอะไร

ถ้าจะเคยให้เรียนก็เพื่อให้ลูกรู้จักปรับตัวและเจอคนอื่นนอกเหนือจากคนในครอบครัวมากกว่าที่จะไปเรียนเพื่อสอบให้ได้เกรดดีๆ เราไม่ได้คาดหวังว่าลูกจะต้องเรียนเก่ง ขอแค่ให้เขารู้จักช่วยเหลือตัวเองเป็น ปรับตัวได้ ไม่เครียดหรือกดดันมากเกินไป และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขตามวัยของเขาก็พอ

ถ้าจะให้จินไปเรียนกวดวิชาเพื่อให้อ่านออกเขียนได้คงไม่ใช่ทางออกที่เหมาะกับครอบครัวของเราเท่าไหร่ แต่การเลือกโรงเรียนให้เหมาะกับจินและไปในทางเดียวกันกับการเลี้ยงลูกของเรา สิ่งนั้นต่างหากที่เราคิดว่าเป็นสิ่งที่สำคัญ