Parents One

NEWS : ผลวิจัยจากฮ่องกง เด็กติดโอไมครอน BA.2 รุนแรงมากกว่าติดโควิดสายพันธุ์อื่นๆ

เรียกได้ว่าเป็นช่วงสถานการณ์ที่น่ากังวลใจสำหรับคุณพ่อคุณแม่ในยุคนี้เลยก็ว่าได้ เพราะพอเจ้าโควิด-19 มา ก็ทำเอาอะไรๆ ก็เปลี่ยนไปเสียหมด โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพของลูก ที่แต่ก่อนต้องระวังอยู่แล้ว ตอนนี้ก็ยิ่งต้องเฝ้าระวังกันให้มากขึ้นกว่าเดิม

ซึ่งจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่อยู่ร่วมกับเรามาเกือบ 3 ปีแล้ว เชื้อไวรัสก็ได้มีการปรับตัวกลายพันธุ์มากมายที่สามารถติดต่อได้ง่ายมากขึ้น ส่งผลให้ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้นเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะช่วงนี้พบรายงานผู้เสียชีวิตเป็นกลุ่มเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนเพิ่มมากขึ้นด้วยนั่นเองค่ะ

ล่าสุด ผลการวิจัยจากฮ่องกงเกี่ยวกับความรุนแรงของโควิดโอไมครอน BA.2 พบว่า หากเด็กติดโควิดโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2 จะมีความรุนแรงมากกว่าเด็กที่ติดโควิดสายพันธุ์อื่น ๆ หรือเปรียบเทียบกับโรคพาราอินฟลูเอนซา และโรคไข้หวัดใหญ่ อย่างไรก็ตาม การวิจัยนับจำนวนผู้เสียชีวิตและผลลัพธ์ที่ร้ายแรงอื่นๆ ได้ในจำนวนเล็กน้อยเท่านั้น

โดยการวิจัยนี้ ได้เปรียบเทียบจำนวนเด็กที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลด้วยโควิดสายพันธุ์ BA.2 กับสายพันธุ์อื่น ๆ ก่อนหน้านี้ ข้อมูลระหว่างเดือนมกราคม 2563 – พฤศจิกายน2564) กับโรคพาราอินฟลูเอนซา (Parainfluenza) และโรคไข้หวัดใหญ่ โดยอ้างอิงข้อมูลเด็กที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลด้วยไข้หวัดใหญ่จากเวชระเบียนระหว่างเดือนมกราคม 2558 – ธันวาคม 2561

ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เป็นช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโอไมครอนใน มีเด็กติดเชื้อโอไมครอน BA.2 กว่า 1,147 รายที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และเสียชีวิต 4 ราย

สำหรับเด็กที่เสียชีวิต อายุ 11 เดือน , 3 ปี , 4 ปี และ 9 ปี โดยเด็ก 3 รายแรก มีสุขภาพดี แต่เด็กอายุ 9 ปี มีอาการกล้ามเนื้อเสื่อม (Muscular Dystrophy) และมีเด็ก 2 รายที่เสียชีวิตจากโรคไข้สมองอักเสบหรือสมองบวม ซึ่งทั้งหมดยังไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด

ขณะเดียวกัน ข้อมูลวิจัยบ่งชี้ว่า เด็กที่ติดโอไมครอน BA.2 ยังมีโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดภาวะสมองบวมได้สูงกว่าเด็กที่เป็นโรคพาราอินฟลูเอนซา แต่ใกล้เคียงกับเด็กที่เป็นโรคไข้หวัดใหญ่

เพราะฉะนั้นแล้ววิธีที่ดีที่สุดสำหรับครอบครัวในการปกป้องทารกและเด็กเล็กคือต้องแน่ใจว่าทุกคนรอบตัวพวกเขาได้รับการฉีดวัคซีน พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าวัคซีนโควิด มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ตั้งครรภ์ เนื่องจากแอนติบอดีจากวัคซีนป้องกันทั้งคุณแม่และเด็กทารกในครรภ์เป็นระยะเวลาหนึ่งหลังคลอด และการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ยังช่วยป้องกันได้เนื่องจากแอนติบอดีส่งผ่านไปยังทารกผ่านทางน้ำนมแม่

อ้างอิงจาก : https://www.isranews.org/