Parents One

นี่ๆ มาอ่านหน่อย แม่มีเรื่องจะเล่า

ในยุคนี้ ไม่ว่าบ้านไหนก็คงมีสิ่งที่เรียกว่าโทรศัพท์มือถือกัน และเราก็ดูคลิปสนุกๆ หรือสาระได้ทางทุกช่อง ไม่ว่าจะดูยูทูป, เฟสบุ๊ก และก็คงไม่พ้นแอปยอดนิยมอย่าง tiktok แม่เองก็มีเล่นบ้างตามประสาคนอยากหาอะไรคลายเครียด และพอเราได้เห็นคนอื่นเขาลงวิดิโอเยอะแยะ เราก็คิดว่า ถ้าเราลองลงบ้างน่าจะดีนะ เผื่อจะได้มีคนเข้ามาคุยมาอะไรกัน และสิ่งที่คุณแม่แบบเราอยากจะถ่ายทอดออกไป ก็คือความน่ารักของลูกเรา

เราเริ่มถ่ายรูปลูกลง ไม่ก็วิดิโอชีวิตประจำวัน ส่วนหนึ่งก็คิดว่า มันคงจะดีถ้าเราได้บันทึกทุกช่วงเวลาที่เขาเติบโตเอาไว้ด้วย

เก็บทั้งบรรยากาศ เสียงหัวเราะ และรอยยิ้มของลูก

จนคนอื่นๆ เขาก็มาสะดุดเห็นความน่ารักของลูกเรา เขาก็เริ่มเข้ามากดหัวใจให้ แรกๆ ก็มีอยู่ไม่กี่ไลก์ แต่ไม่นาน ลูกของเราก็เป็นที่รู้จักไปทั่ว ทุกคนเรียกชื่อลูกของเราได้ รู้ว่าลูกเราชอบกินอะไร เล่นอะไร และมีที่ไหนบ้างที่ลูกเราชอบไปเล่นมากๆ เช่น ทะเล เวลาไปทะเล เราจะเตรียมชุดตัวสวยให้ลูกได้คอยเปลี่ยนตลอด เพราะอยากได้รูปสวยๆ ไปเที่ยวทั้งที

พอเราโพสรูปของลูกเราลงไปในชุดกระโปรงวันพีซ คนที่ติดตามก็เข้ามากดไลก์ และเม้นชมแบบทุกครั้ง เราก็ไม่คิดอะไรมาก ก็รู้สึกดีใจที่ใครๆ ก็บอกว่าลูกของเราน่ารักจัง โดยเฉพาะแอคที่มีรูปโปรไฟล์เป็นรูปเด็กทารก เขามาชมทุกรูปที่เราลงเลยว่า

” ลูกเราน่ารักที่สุด ”

” อยากเจอน้องตัวจริงจัง ”

” ชอบน้องมากเลย อยากจับแก้ม ”

เล่ามาถึงตรงนี้ เป็นจุดที่เราอยากให้อ่านมากที่สุด….

ด้วยความอยากรู้ ว่าเป็นใครกัน เพราะคอยมากดหัวใจ และคอยชมลูกเราตลอด เขาอาจจะเป็นคุณแม่เหมือนกันที่กำลังมีลูกวัยน่ารัก หรืออาจเป็นคนที่รักใคร่ เอ็นดูเด็กมากๆ เลยก็ได้ สุดท้ายเราเลยลองคลิกเข้าไปดูหน้าโปรไฟล์เฟสของเขา เผื่อจะได้ทำความรู้จัก และลองเม้นหรือกดถูกใจใหเขาบ้าง แต่สิ่งที่เราเจอในทามไลน์ของเขา

มันเต็มไปด้วยภาพโป๊ของเด็ก วัยประมาณลูกของเรา และโตกว่าลูกของเราอีกนิดหน่อย ดูแล้วคงไม่เกิน 7-8 ขวบ

แต่ละภาพที่เขาโพสถึง จะเขียนไว้ว่า

” ขาวมาก ”

” เห็นแล้วรู้สึกอยากจับ ”

” ถ้าได้มาเลี้ยง จะให้กินนมจนอิ่มเลย ”

เราตกใจจนนิ้วของเราที่กดอยู่บนจอสั่นไปหมด…..ยิ่งไล่ดูมากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้รู้สึกใจหล่นใจร่วง ภาวนาแต่ว่าอย่าให้มีรูปของลูกเราปะปนอยู่ในนี้…แต่ก็ไม่ไหว เรารีบบล็อกเขาออกจากช่องทางที่จะติดตามลูกเราได้ และกดรีพอร์ตเพื่อให้แอคนี้หายไป เพราะไม่รู้ได้เลยว่า ยังมีแอคคุณแม่หรือครอบครัวอื่นๆ อีกรึเปล่า ที่ถูกคนๆ นี้ติดตามและมองลูกของเราเป็นวัตถุทางเพศ

สิ่งที่เราคิดว่าปกติมาตลอด มันไม่ได้ปกติอย่างที่เราคิด

หลังจากนั้น เราแทบไม่กล้าลงรูปลูกของเราอีกเลย ยิ่งคิดมากไปถึงว่าอาจไม่ใช่แค่คนๆ นี้ที่คิดไม่ดีกับลูก มองลูกเราด้วยสายตาที่ผิดแผกไปจากปกติ เรายิ่งรู้สึกผิดว่าในตอนนั้นทำไมไม่เฉลียวใจ ทำไมไม่ระวังให้มากกว่านี้ สงสารลูก ถ้าเขาโตขึ้นมาแล้วรู้เรื่องนี้ เขาจะเสียใจแค่ไหน…อยากให้เป็นอุทาหรณ์ของคุณพ่อคุณแม่บ้านอื่นๆ นะ ว่าการลงรูปของลูกเราต้องคิดให้มาก เพราะนอกจากเรื่องที่เขากำลังพูดถึงเกี่ยวกับการยินยอมของลูกแล้ว ก็มีเรื่องนี้นี่ล่ะที่หากพลาดไปแล้ว หัวอกคนเป็นพ่อแม่แบบเราคงเโทษตัวเองไปทั้งชีวิต เพราะเราไม่สามารถปกป้องลูกของเราได้เลย และยังเป็นสาเหตุที่ทำใหเขาต้องมาเจออะไรแบบนี้อีก

จาก คุณแม่ท่านหนึ่ง