fbpx

ข้อดีของการสอนลูกให้เล่นบอล ! อ่านแล้วไปหยิบบอลกัน

: 22 มิถุนายน 2561

 

หยุดไม่อยู่จริงๆ กับกระแสงาน #Worldcup หรือฟุตบอลโลกนั่นเอง ฟุตบอลเป็นหนึ่งกีฬายอดนิยมของเหล่าคุณพ่อ และยังเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมยอดนิยมสำหรับคุณพ่อที่ทำร่วมกับลูกๆ เพื่อสานความสัมพันธ์ แต่นอกจากจะทำให้คุณพ่อสนิทกับลูกมากขึ้นแล้ว ยังมีประโยชน์อื่นๆ ที่คุณอาจจะยังไม่รู้อีกด้วยนะ ไปดูกันเลยดีกว่า !

พัฒนาไหวพริบ

นอกจากจะต้องมีไหวพริบในการลงเล่นในสนามแล้ว ยังต้องมีสมาธิกับการจดจ่อที่คู่ต่อสู้และลูกบอลอีกด้วย เพราะถ้าพลาดบอลไป คงน่าเสียดายน่าดูเลย

ฝึกการวางแผน

การเล่นฟุตบอลนั่นไม่ได้มีแค่เตะลูกบอลไปมาในสนามเท่านั้นยังมีการวางแผนต่างๆในเรื่องของตำแหน่งการยืนก็เป็นสิ่งที่สำคัญในสนามเช่นกัน

ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง

การเล่นฟุตบอลนั้นช่วยสร้างกล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกายให้แกร่งขึ้น ใช้ช่วงบนในการกันคู่ต่อสู้ ใช้ช่วงล่างในการเตะบอล ทั้งยังต้องวิ่ง เตะ กระโดดในสนาม เพิ่มความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อได้เป็นอย่างดี ลดความเสี่ยงจากการเป็นโรคต่างๆ ด้วยนะ

สอนให้ลูกรู้จักเคารพกฎ

กฎ กติกาของการเล่นฟุตบอลย่อมช่วยให้ลูกของเรานั่นมีศีลธรรม ความซื่อสัตย์ ความอดทนอดกลั้น ทั้งยังนำไปสู่การยอมรับผล ความยุติธรรม เรียนรู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควรทำ

เรียนรู้การทำงานเป็นทีม

ฟุตบอลเป็นกีฬาหนึ่งที่ต้องเล่นเป็นทีม จึงช่วยส่งเสริมเรื่องการเข้าสังคมใหม่ๆ ให้กับลูก ทั้งยังสอนให้ลูกได้รู้จักความสามัคคีเพื่อที่จะนำไปใช้ในการเข้าสังคมในอนาคต

คลายความเครียด

เพราะว่าหลังจากเหน็ดเหนื่อยจากการเล่นฟุตบอลเสร็จแล้ว ร่างกายคนเราก็จะหลั่งฮอร์โมนแห่งความสุข หรือที่เรียกว่าเอ็นโดรฟินออกมา ซึ่งก็ทำให้เด็กได้ระบายความเครียด และรู้สึกผ่อนคลาย

เปิดโอกาสให้ลูกได้ค้นพบตัวตน

คนที่เป็นพ่อแม่อย่างเราก็พร้อมที่จะสนับสนุนลูกน้อยให้ได้ทำสิ่งที่ตัวเองชอบเป็นกำลังสนับสนุนที่ดีที่สุดสำหรับเด็กการที่ลูกได้ค้นพบตัวเองว่าชอบอะไรตั้งแต่เด็กก็ทำให้เราได้สนับสนุนและปูทางเดินให้ลูกได้นักฟุตบอลระดับโลกบางคนก็เริ่มต้นมาจากความชอบตั้งแต่เด็กบางทีลูกของเราโตขึ้นอาจจะเป็นทีมชาติก็ได้นะ


เป็นยังไงกันบ้างคะ กับประโยชน์ของการเล่นฟุตบอล นอกเหนือจากนั้นแล้วก็ยังได้สนิทกับลูกๆ มากขึ้นด้วย สิ่งสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของการเป็นครอบครัวก็คือ การมีเวลาให้ลูกน้อยของเรา ได้ทำกิจกรรมร่วมกัน มีสานสัมพันธ์กัน คงไม่มีอะไรดีไปกว่าการใช้เวลาร่วมกับลูกแล้วล่ะ ถ้ารู้แล้วแบบนี้ ไปเล่นบอลกับลูกกันเถอะ !

Writer Profile : Teeraporn Leelasupha

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save