Parents One

หยุด hate speech ใส่กันและกันก่อนที่เราจะไม่รับฟังกันอีก

” โตเป็นควายแล้วยังทำอะไรไม่เป็นอีก! ”

” โง่….เลี้ยงเสียข้าวสุก! ”

” ชอบอะไรอยู่ได้ปัญญาอ่อน ไม่โตซักที ภาระบ้านจริงๆ ”

” เป็นหัวหน้าครอบครัวมีปัญญาหาเงินได้แค่นี้เองเหรอ! ถ้าหาเลี้ยงดีกว่านี้ไม่ได้ก็ไปใส่กระโปรง ”

” อยู่บ้านเอาแต่ขี้เกียจ! เป็นแม่บ้านมันสบายจะตายไป เป็นผู้หญิงอย่าพูดมาก  ”

” ไม่น่ามาเกิดในบ้านนี้เลย! เกลียดพ่อกับแม่ที่สุด ”

ในบางครั้งความสัมพันธ์ของครอบครัวหรือคู่รักที่มีต่อกันมาด้วยดีตลอดก็อาจต้องสะบั้นลงเพราะเพียงคำพูดที่หลุดออกมาอย่างไม่ระวังไม่กี่คำ

ใครเคยพบเจอกับปัญหาแบบนี้บ้างไหม…

หากเคยพบเจอ เราคือเพื่อนกัน… เพราะเราคือหนึ่งคนที่เวลาอารมณ์นำพาไปจนถึงความโกรธขั้นสุด….เราก็สามารถพูดคำแย่ๆ ใส่ได้ทันทีกับคนที่เรารักเพราะเราคิดว่าคงไม่เป็นไร เราอยู่กันมานาน อยู่กันแบบตัดกันไม่ขาดอยู่แล้วนี่…เดี๋ยวเราก็หายโกรธกันไปเอง แต่รู้ตัวอีกที เราก็มีกำแพงอากาศให้กันเสียแล้ว ถึงไม่ได้เห็นได้ด้วยตาแต่ความใกล้ชิดหรือสนิทสนมที่เคยมี มันก็จางลงไปตามจำนวนคำที่เราพูดออกไป

การพูด hate speech ไม่ใช่เพียงเพราะเราใช้คำหยาบคายใส่ผู้ฟังหรือใช้เสียงดังตะโกนด่าทอแรงๆ …เนื้อหาต่างหากที่จะเป็นตัวบ่งบอกว่านี่คือคำที่ก่อให้เกิดความเกลียดชัง…

“คำพูด” ที่ลดทอนคุณค่าของตัวตน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดทั้งเพศ อายุ ความสามารถหรือแม้แต่ทัศนคติ

“คำพูด” ที่ทำให้คนฟังรู้สึกเจ็บปวดว่าเขาคิดกับเราแบบนี้จริงๆ งั้นหรือ….

“คำพูด” ที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนมันก็ยังคงติดอยู่ในใจและย้ำให้เจ็บปวดอยู่ซ้ำๆ…เมื่อต้องนึกถึง

รู้ไหม….ทำไมพอได้ยิน..มันถึงเจ็บปวด

นั่นก็เพราะคำเหล่านั้นมันออกมาจากปากของคนที่เรารัก จะใครว่าหรือดูถูกก็คงไม่เจ็บเท่าคนที่เราผูกพันและไว้ใจที่สุดจริงไหม…แล้วเราจะใช้คำพูดแบบนี้กับคนที่เรารักไปอีกนานแค่ไหน?

หยุดได้ ต้องหยุด

ยั้งได้ต้องรีบยั้งไว้ ไม่ให้เผลอเรอใช้วาจาทำร้ายจิตใจกันและกัน

เพราะคำที่หลุดปากออกมาเพียงไม่กี่คำ อาจถูกเก็บอยู่ในใจของคนฟังไปตลอดชีวิต และความสัมพันธ์ก็อาจเกิดรอยร้าวจนไม่อยากกลับมาเหมือนเดิมได้เช่นกัน…