Parents One

สอนลูกให้กลัวผี !? เป็นสิ่งที่ไม่ควร

เขาว่าเด็กเล็กมักมาคู่กับความเชื่อเรื่องผีๆ ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อเกี่ยวกับการถูกปกป้องดูแลโดยผี, มีแม่ซื้อมาคุยเล่ยด้วยหรือสามารถมองเห็นในสิ่งลึกลับที่ผู้ใหญ่มองไม่เห็น และความเชื่อเรื่องผีๆ เองก็มีความเกี่ยวข้องมาตลอดจนถึงคำสอนที่อยู่ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็น อย่าส่องกระจกตอนกลางคืนจะเห็นผี, อย่าเล่นมีดผีจะผลักหรืออย่าออกไปไหนหรือเล่นซ่อนหาตอนกลางคืนไม่งั้นผีจะมาลักพาตัวไปซึ่งนับได้ว่าเป็นสิ่งที่ดีในการใช้เรื่องเล่าหรือความเชื่อมาช่วยให้เกิดความปลอดภัย สามารถช่วยแบ่งเบาภาระการดูแลเด็กซนในบ้านไปได้มาก

แต่ทว่า การสอนที่ทำให้กลัวมากเกินความจำเป็นหรือการปลูกฝังความคิดแบบฝังหัวลึกเกินก็อาจจะทำให้เกิดผลเสียตามมาได้โดยที่เราไม่ทันได้รู้ตัว โดยคำที่ใช้สอนอาจจะเป็น

” ระวังนะ ไม่กินข้าวเดี๋ยวผีจะมากินแทน ”

“อาบน้ำดึกๆ ระวังผีจะโผล่มาจากด้านหลังและช่วยอาบนะ ”

” นอนดึกมากๆ เดี๋ยวผีจะมานอนในผ้าห่มด้วยหรอก ”

ประโยคเหล่านี้หากไม่ใช่ตัวเราเป็นคนพูด ญาติผู้ใหญ่ในบ้านหรือพี่เลี้ยงเองก็คงมีพูดบ้างไม่มากก็น้อยใช่ไหมคะ ซึ่งในการสอนแบบนี้ถือเป็นการ ” สร้างความหวาดกลัวมากเกินไป ” อาจส่งผลกระทบความพัฒนาการของเด็กในทางลบโดยที่เราไม่ตั้งใจซึ่งการหลอกแบบนี้จะส่งผลต่อพฤติกรรมเด็กดังนี้

ดังนั้นสิ่งที่ถูกที่ควรในการทำให้ลูกกลัวอย่างพอเหมาะหรือไม่กลัวจนเกินไปนั้นคือเรื่องสำคัญเพราะคงไม่ใช่เรื่องดีที่คนเก่งของเราจะติดนิสัยกลัวที่มืด, กลัวการเข้าห้องน้ำคนเดียวหรือแม้แต่การไปพูดกับใครต่อใครว่าผีนั้นน่ากลัวเพียงไรจนดูไม่มีเหตุผล เพราะฉะนั้นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ต้องทำมีดังนี้

ทั้งนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคลซึ่งแต่ละบ้านเองนั้นก็มักมีความเชื่อที่แตกต่างกันออกไป ทั้งเชื่อว่ามีจริงและเชื่อว่าไม่มีจริง สิ่งสำคัญที่สุดจึงเป็นความพอดีที่จะถ่ายทอดหรือใช้ประโยชน์จากความเชื่อที่เป็นมาให้กับเด็กๆ ในบ้าน อาจไม่ต้องให้ไม่เชื่อทั้งหมดหรือมองว่าเป็นเรื่องงมงายแต่เราต้องสอนให้ลูกเคารพความคิดผู้อื่นและความเชื่อของตนเอง การกลัวผีหรือเชื่อว่ามีจริงไม่ใช่เรื่องผิดแต่ต้องมีขอบเขตและความเหมาะสมพอดีจนไม่กระทบชีวิตจริงจนเกินไปค่ะ

ที่มา : haijaiamarinbabyandkids