fbpx

NEWS : ไทยติดอันดับ 2 เด็กในโรงเรียนถูก "บูลลี่" ซึ่งไม่เคยได้รับการแก้ไขจากผู้ใหญ่

Writer : Mneeose
: 23 มีนาคม 2564

จากข่าวกรณีที่มีคลิปเด็กนักเรียนหญิงสาดน้ำใส่เพื่อน เพราะต้องการบูลลี่ และได้ขอให้คุณครูทำการลบคลิปนั้น เพื่อต้องการปิดข่าวได้กลายเป็นกระแสดังชั่วข้ามคืน เพราะปัญหาการบูลลี่ในประเทศไทยไม่เคยได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังจากผู้ใหญ่เสียที และในบางกรณีกลับเป็นเชื้อไฟปกปิดความผิดของเด็กนักเรียนไว้เองเสียด้วย เพียงเพราะไม่อยากให้กระทบต่อชื่อเสียงของสถาบันการศึกษา แต่คุณครูเหล่านั้นกลับไม่ได้นึกถึงจิตใจของเด็ก และหัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่ของเด็กที่ส่งเข้าเรียนเลยแม้แต่น้อย

นี่คือด้านมืดอีกด้านหนึ่งของโรงเรียน ซึ่งควรเป็นสถานที่ให้เด็กๆ ได้รับพลังด้านบวก ฝึกความรู้ และได้สร้างมิตรภาพที่ดีด้วยกัน แต่กลับมีเด็กบางกลุ่มตั้งตนเป็นหัวโจกคอยกลั่นแกล้งเพื่อนๆ เพื่อให้ตัวเองรู้สึกดี และมีอำนาจ

งานวิจัยของกรมสุขภาพจิตพบว่าการใช้ความรุนแรง  การข่มเหงรังแกกันหรือการบูลลี่ในประเทศไทยติดอันดับ 2 ของโลกรองจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งหมายความว่าการบูลลี่ในไทยมีระดับความถี่ที่รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และอายุของเด็กที่โดนรังแกก็จะมีอายุน้อยลงด้วยเช่นกัน

จากงานวิจัยยังพบอีกว่าเด็กที่รังแกคนอื่น มีพื้นฐานในการขาดอำนาจบางอย่างในวัยเด็ก ถูกการเลี้ยงดูเชิงลบ รวมถึงพันธุกรรมทางสมอง จนนำไปสู่การรังแกกลั่นแกล้งคนอื่นในวัยที่โตขึ้น ซึ่งพฤติกรรมนี้จะเพิ่มขึ้นจนกลายเป็นความเคยชิน ทำได้แนบเนียนและรุนแรงขึ้น ส่วนเด็กที่ถูกบูลลี่ จะมีอาการซึมเศร้า ไม่อยากไปโรงเรียน ในบางรายอาจถึงขึ้นคิดสั้นก็มีมาแล้ว ซึ่งการรังแกก็ไม่ได้เกิดขึ้นในโรงเรียนเสมอไป เพราะสามารถเกิดได้ทุกที่ โดยเฉพาะในโลกโซเชียล ซึ่งมักถูกเรียกว่า Cyberbullying นั่นเอง

เพราะฉะนั้น สถาบันครอบครัวจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของเด็กๆ เป็นอย่างมาก เพราะสามารถช่วยแก้ไขปัญหาระหว่างเด็กที่ถูกบูลลี่และเด็กที่บูลลี่คนอื่นได้ คุณพ่อคุณแม่จึงควรหมั่นสังเกตพฤติกรรมของลูกๆ เมื่อกลับมาจากโรงเรียน คอยถามไถ่ลูกว่าเป็นอย่างไรบ้าง เพื่อลดปัญหาการกลั่นแกล้งในโรงเรียน และสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ทันเวลานั่นเองค่ะ

ขอบคุณแหล่งอ้างอิงจาก : https://mgronline.com
https://www.bangkokbiznews.com

Writer Profile : Mneeose

💙💙💙

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save