Parents One

สอนลูกเอาตัวรอด เมื่อติดอยู่บนรถคนเดียว

อย่ารอให้สายเกินแก้!! เมื่อลูกต้องอยู่บนรถคนเดียว ไม่ว่าจะเพราะสถานการณ์ใดก็ตาม ทั้งรถยนต์ส่วนตัว หรือรถตู้ก็สามารถเกิดเรื่องอันตรายได้ด้วยกันทั้งนั้น โดยเฉพาะกับเด็กในวัยอนุบาล ซึ่งเรามักจะเห็นข่าวออกบ่อยๆ ในเรื่องความไม่ปลอดภัยของตัวเด็กที่มักจะขาดอากาศหายใจ เพราะไม่มีใครรู้ว่าอยู่บนรถ

ถึงเวลาแล้วที่คุณพ่อคุณแม่ควรจะสอน และให้ความรู้ลูกเกี่ยวกับวิธีเอาตัวรอด เมื่อต้องติดอยู่บนรถคนเดียว โดยการสาธิตให้ลูกดูเป็นตัวอย่างก่อน แล้วค่อยสอนให้ลูกลองทำตามทีหลังค่ะ ไปดูกันเลยว่ามีวิธีไหนบ้าง

สอนลูกให้รู้จักปลดล็อกประตูรถ

เมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้น ไม่ว่าจะเป็นใครก็ต้องตกใจ จนทำอะไรไม่ถูกด้วยกันทั้งนั้น ดังนั้น สิ่งแรกที่เราควรสอนให้เจ้าตัวน้อยได้เรียนรู้ นั่นก็คือ การให้ลูกมีสติและรู้จักปุ่มปลดล็อกประตูรถว่าต้องกดปุ่มตรงไหน รถถึงจะเปิดประตูได้

เพราะว่าในปุ่มของรถยนต์มีปุ่มมากมายเหลือเกิน ผู้ปกครองจึงจำเป็นที่จะต้องค่อยๆ บอกลูกว่าปุ่มไหนคืออะไรบ้าง เพื่อไม่ให้เด็กเกิดความสับสนค่ะ แต่การปลดล็อกประตูนั้นจะทำได้ก็ต่อเมื่อมีกุญแจค้างอยู่เท่านั้นค่ะ

 

สอนลูกให้เปิด-ปิดกระจกรถยนต์เป็น

กระจกรถ เป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะถ้าในรถตู้หรือรถยนต์ไม่ได้เปิดกระจกไว้ อาจทำให้เด็กๆ มีโอกาสเสียชีวิตได้สูง เพราะขาดอากาศหายใจ คุณพ่อคุณแม่จึงต้องฝึกให้เด็กๆ หมุนเปิด-ปิดกระจกเป็น หรือกดปุ่มเปิด-ปิดกระจกได้เองนะคะ

ซึ่งการเลื่อนกระจกขึ้น-ลง จะทำได้ก็ต่อเมื่อมีกุญแจค้างอยู่เท่านั้นค่ะ ยกเว้นจะเป็นรถที่ใช้กระจกระบบแบบหมุนมือ เพื่อให้ภายในรถมีอากาศถ่ายเทสะดวก ลูกหายใจได้สบายนั่นเอง

 

เรียนรู้การบีบแตรรถให้เป็นจังหวะ

อีกสิ่งหนึ่งที่สามารถช่วยชีวิตเจ้าตัวเล็กให้ปลอดภัยได้ เมื่อต้องติดอยู่บนรถคนเดียว นั่นก็คือ การบีบแตรให้เป็นจังหวะเรื่อยๆ เพื่อให้คนที่ผ่านไปผ่านมาได้รู้ว่า “มีคนอยู่บนรถ” จะได้ให้ความช่วยเหลือได้ทันท่วงทีค่ะ

ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ควรบอกให้ลูกรู้ด้วยว่า ต้องบีบจนกว่าจะมีคนมา หรือบีบแตรให้ดัง และนานที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อแสดงถึงความผิดปกตินั่นเอง ที่สำคัญ วิธีนี้ไม่จำเป็นจะต้องมีกุญแจรถเสียบค้างอยู่ ก็สามารถบีบแตรให้ดังได้ ดีสุดๆ ไปเลย

 

เปิดไฟฉุกเฉิน ขอความช่วยเหลือ SOS

อีกวิธีที่สามารถช่วยชีวิตได้ทันท่วงที นั่นคือ การให้ลูกกดไปที่ปุ่ม “เปิดไฟฉุกเฉิน” เพื่อให้คนรู้ว่ารถคันนี้ต้องการความช่วยเหลือนั่นเองค่ะ

 

ลองสร้างสถานการณ์จำลองขึ้นมาให้เด็กได้ฝึกจริง จะได้ไม่ตื่นเต้น

เด็กๆ มักจะเรียนรู้ได้เร็ว เมื่อได้ลงมือทำ การที่คุณพ่อคุณแม่พูดเพียงปากเปล่า สอนลูกไปเรื่อยๆ ไม่สามารถทำให้เด็กเกิดการเรียนรู้ได้จริง

เพราะฉะนั้น การที่คุณพ่อคุณแม่สามารถสร้างสถานการณ์จำลองขึ้นมาให้เด็กๆ ได้ลองฝึกประสบการณ์ จึงถือเป็นเรื่องที่ดี เพื่อให้พวกเขาได้เตรียมตัว และเตรียมความพร้อมหากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นกับตัวเอง จะได้ไม่เกิดความตื่นเต้น หรือลนนั่นเองค่ะ

 

ให้ลูกมีโทรศัพท์ 1 เครื่องที่มีเบอร์พ่อ – แม่บันทึกไว้เผื่อฉุกเฉิน

การให้ลูกพกโทรศัพท์ที่สามารถโทรเข้า-โทรออกได้เท่านั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่ที่สำคัญคือ ต้องมีเบอร์โทรศัพท์ของคุณพ่อคุณแม่ด้วยนะคะ เผื่อไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน จะได้สื่อสารกันได้เข้าใจ

อ๊ะ!! แต่อย่าลืมสอนวิธีการใช้งานโทรศัพท์มือถือเบื้องต้นให้ลูกน้อยด้วยล่ะ ถ้าลูกกดโทรไปเป็นก็จบเลยค่ะ และอย่าลืมบอกลูกด้วยว่า เมื่อรู้ตัวว่าตัวเองติดอยู่บนรถคนเดียว ให้โทรหาคุณพ่อคุณแม่ทันที

 

ใช้ค้อนทุบกระจกให้แตก

วิธีนี้ คือวิธีสุดท้ายที่เราแนะนำให้ใช้ คือการที่พกค้อนไว้ในรถเลยค่ะคุณพ่อคุณแม่ เผื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันต่างๆ เช่น รถอาจจะตกน้ำ หรือระบบภายในรถช็อตเปิดประตูออกไม่ได้ จะได้ใช้ค้อนเนี่ยแหละค่ะทุบกระจกรถให้แตกไปเลย เพื่อให้ตัวเองออกมาอย่างปลอดภัย แต่ก็ระวังกระจกแตกบาดมือด้วยนะคะ

 

สุดท้ายนี้ การสอนให้เจ้าตัวเล็กมีสติในการใช้ชีวิตคือสิ่งที่สำคัญที่สุด แต่ถึงอย่างไร ก็อย่าปล่อยให้ลูกอยู่บนรถคนเดียวเลยค่ะ ถ้าจะแวะซื้ออะไร ก็พาลูกลงไปด้วยกันจะดีกว่า จะได้ไม่เกิดเหตุการณ์เสี่ยงอันตรายที่ไม่มีใครเคยคาดคิด และไม่อยากให้เกิดขึ้นนั่นเอง