Parents One

ทำไมลูกถึงพูดหยาบคาย จะแก้อย่างไร

บางคำพูดของลูกบางทีก็ทำให้คนเป็นพ่อเป็นแม่ต้องเหลียวหลังว่าไปติดมาจากใคร, ทำไมถึงพูดคำแบบนี้ออกมา ยิ่งกับวัยเด็กเล็กที่อายุไม่ถึง 10 ขวบเอง ก็ยิ่งทำให้รู้สึกตกใจไปกันใหญ่ แต่ก่อนที่เราจะไปตัดสินว่าลูกเราทำไม่ดี สิ่งที่เราต้องคิดคือจะทำอย่างไรให้ลูกเราไม่พูดหยาบคายมากกว่าการตำหนิว่าทำไมลูกถึงพูด เพราะปัจจัยของการเริ่มพูดหยาบมีสาเหตุอยู่มากมายเลยซึ่งจะมีอะไรบ้างนั้น เราไปดูพร้อมๆ กันเลยนะคะ

สาเหตุที่ทำให้พูดหยาบคาย

วิธีแก้ที่ 1

เป็นแบบอย่างในการไม่พูดคำหยาบ

จุดเริ่มต้นที่ดีที่สุดคือเราต้องไม่เป็นตัวอย่างในการกระทำของลูกเรา เมื่อไม่ต้องการให้ลูกติดการพูดจาไม่น่ารักหรือคำหยาบคายเป็นไปได้เวลาที่ใช้อยู่กับลูกต้องพูดเพราะอยู่เสมอ และคอยบอกคนรอบตัวว่าเมื่อเจอลูกหรืออยู่ต่อหน้าควรใช้คำที่สุภาพน่าฟัง เวลาไม่มีลูกอยู่ด้วยแล้วจึงสามารถใช้คำที่สนิทสนมหรือผ่อนคลายได้อย่างเต็มที่ เมื่อลูกจดจำว่าพ่อแม่ของเขาไม่เคยพูดคำหยาบ เขาก็จะคุ้นชินกับการไม่ใช้คำหยาบไปเลยจนตอนโต

วิธีแก้ที่ 2

หมั่นตรวจเช็คสื่อที่ลูกดูว่าเหมาะสมต่อวัยหรือไม่

อีกหนึ่งสิ่งที่โลกของเราปัจจุบันแทบใช้เป็นพี่เลี้ยงเด็กแทนคนดูแลจริงๆ คือการให้ลูกอยู่ติดกับหน้าจอซึ่งการอยุ่กับจอนั้นมีทั้งข้อดีและข้อเสียซึ่งข้อเสียหลักๆ นอกจากทำให้เกิดภาวะสมาธิสั้น, พูดไม่เป็นคำ, ใจร้อนขี้หงุดหงิดแล้ว อาจส่งผลให้เด็กๆ ในบ้านได้รับสารที่ไม่ควรเช่น ความรุนแรง, คำหยาบคาย หากได้รับมาในวัยที่เด็กเกินไป ก็ก่อให้เกิดการเลียนแบบได้ง่าย และถ้าปล่อยไว้นานเข้าก็จะกลายเป็นนิสัยที่ติดตัวไปจนโตได้ค่ะ

ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ที่ลูกยังเล็กอยู่หรือยังไม่บรรลุนิติภาวะ จึงต้องหมั่นสังเกตสื่อที่ลูกใช้หรือให้คำแนะนำเสมอเวลาลูกมีคำถามกับสื่อที่ไม่เหมาะสมกับวัยนะคะ

วิธีแก้ที่ 3

รู้ที่มาของคำหยาบเพื่อทำความเข้าใจ

บางครั้งเวลาเห็นลูกพูดคำหยาบ หลายๆ คนอาจเป็นที่ชิงทำโทษหรือดุด่าลูกของเราก่อนจะได้รู้ว่าทำไมเขาถึงพูดเพราะคิดว่า การพูดคำหยาบนั้นถือเป็นความผิดแล้ว แต่ดุรึทำโทษให้จำก็เพียงพอว่าอย่าทำอีก ซึ่งนั่นเป็นการแก้ไขที่ปลายเหตุค่ะ เราต้องเริ่มจากต้นเหตุโดยการสอบถามให้แน่ใจถึงที่มาว่าไปได้ยินมาจากใคร, ดูสื่อหรือการ์ตูนเรื่องไหนมา, ผู้ใหญ่หรือเพื่อนกลุ่มไหนเป็นคนชวนพูด ทั้งนี้เพื่อที่เราจะได้รู้ที่มาที่ไปว่าเพราะอะไรลูกของเราจึงใช้คำหยาบ และจึงค่อยๆ ปรับหรือสอนให้ตรงประเด็นที่สุดกับปัญหาที่เกิดขึ้นค่ะ

วิธีแก้ที่ 4

อธิบายว่าทำไมจึงไม่ควรพูดคำหยาบ

อีกหนึ่งปัญหาที่คนเป็นพ่อเป็นแม่มักรั้งไว้ท้ายสุดหรือลืมนึกถึง คือการให้เหตุผลว่าเพราะอะไรถึงทำสิ่งนี้ไม่ได้, เพราะอะไรจึงไม่ควรทำแต่ส่วนมากจะเป็นการห้ามไปเลยโดยไม่ได้อธิบายว่าเพราะอะไรจึงพูดหยาบไม่ได้ ซึ่งการแก้ปัญหาที่ถูกต้อง และครบถ้วนที่สุดคือ เมื่อห้ามหรือดุแล้ว ต้องให้เหตุผลได้ว่าเพราะอะไรจึงไม่ควรทำเช่นนั้น เพื่อให้ลูกเกิดการคิดตามต่อยอด และเขาจะจำได้แน่นยำมากขึ้น และจะระวังการพูดจาไปเองค่ะ เด็กๆ นั้นเรียบรู้ได้ไวเพียงต้องสอนเขาให้ครบทุกมิติก็จะช่วยได้มากขึ้น

ตัวอย่างประโยคในการอธิบาย เช่น ” ไม่พูดคำนี้กับคนอื่นนะคะ มันทำให้คนอื่นรู้สึกไม่ดี ถ้าเราไม่อยากให้คนอื่นรู้สึกไม่ดี ไม่ควรพูดนะ “, ” คำนี้ไม่เพราะเลยค่ะ แม่ได้ยินแล้วแม่ไม่สบายใจเลย สัญญาได้มั้ยคะว่าจะไม่พูดแล้ว “, ” คำนี้ทำให้คุณพ่อรู้สึกลูกก้าวร้าวนะครับ เราพูดกันเพราะๆ ได้ไหมครับ ”

 

วิธีแก้ที่ 5

อธิบายว่าทำไมจึงไม่ควรพูดคำหยาบ

บางครั้งเด็กๆ อาจติดปาดพูดไปแล้วจนทำให้ไม่สามารถควบคุมได้ ทำให้ต้องมีกฏหรือกติกาบ้างเช่น หากคุณพ่อคุณแม่ได้ยินลูกพูดคำหยาบก็อาจจะต้องถูกดุหรือมีการทำโทษเล็กๆ เช่นลดจำนวนขนม, ลดเวลาการเล่นเพื่อให้ลูกเกิดการจดจำว่าไม่สามารถทำได้ แต่อย่างไรการทำโทษนั้นไม่ควรเป็นการใช้ความรุนแรงเช่นการตี, การดุด่าด้วยถ้อยคำแรงๆ เพราะการตั้งกฏนั้นมีไว้เพื่อสร้างระเบียบและกาลเทศะไม่ใช่ความหวาดกลัวให้เด็กๆ ค่า

วิธีแก้ที่ 6

ปล่อยบ้างตามความเหมาะสม ไม่เข้มงวดเกินจำเป็น

เพราะคำหยาบคายในบางครั้งมาในรูปแบบของการสบถ อาจไม่ได้ต้องการพูดหยาบคายจริงๆ ผู้ใหญ่ยังมีหลุดบ้างเลยในบางโอกาส คุณพ่อคุณแม่ที่ลูกเริ่มโตมาจนเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นแล้วจะเริ่มรู้สึกได้ถึงการใช้คำที่ไม่น่ารัก หรือสุภาพเท่าตอนเด็กๆ ซึ่งหากอายุและวุฒิภาวะของเขาเริ่มโตแล้วก็จำต้องปล่อยวาง หรือทำความเข้าใจธรรมชาติของวัยค่ะ ว่ามันเป็นไปตามอารมณ์ และสังคมของลูก สิ่งที่ต้องสอนก็คือขอบเขตในการใช้เช่น ใช้กับเพื่อนสนิท, คนสนิท คงไม่เป้นไรแต่ไม่ควรใช้กับคนที่โตกว่าหรือเด็กกว่าหรือกับคนในครอบครัว

หากสอนให้ลูกแยกแยะได้ว่าโอกาสไหนใช้ได้หรือไม่ได้ ก็จะไม่เกิดความอึดอัดขึ้นทั้งตัวเราและตัวลูกอย่างแน่นอนค่ะ