fbpx

5 เหตุผลที่อยากชวนคุณพ่อคุณแม่มาเยี่ยมชม "โรงเรียนอนุบาลนานาชาติฮัมมิ่งเบิร์ด" ก่อนตัดสินใจเลือกโรงเรียนให้ลูกน้อย

Writer : Mneeose
: 19 เมษายน 2565

เพราะ “วัยเด็ก” คือช่วงเวลาสำคัญที่สุดในการวางพื้นฐาน ทั้งทางร่างกาย ความคิด และจิตใจ การเลือกโรงเรียนให้เหมาะกับลูกน้อยจึงเป็นเรื่องสำคัญกับเด็กๆ ที่อยู่ในวัยแห่งการเริ่มต้นเรียนรู้ และพัฒนาทักษะสำคัญในทุกด้านของชีวิต

วันนี้เราขอแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่ได้รู้จักกับ “โรงเรียนอนุบาลนานาชาติฮัมมิ่งเบิร์ด” โรงเรียนอนุบาลนานาชาติขนาดน่ารักย่านฝั่งธน ที่มีแนวคิดและวิธีการเรียนการสอนที่น่าสนใจ รวมถึงใส่ใจการออกแบบสิ่งแวดล้อมทางการเรียนรู้ที่เอื้อต่อการพัฒนาศักยภาพทั้งทางร่างกาย และทางจิตใจของเด็กเป็นสำคัญ

โดยมุ่งเน้นการพัฒนาตัวตนและศักยภาพทางความคิด พร้อมเสริมสร้างพื้นฐานทางอารมณ์ที่มั่นคงให้กับเด็ก จึงขอเชิญชวนคุณพ่อคุณแม่ให้ไปเยี่ยมชมโรงเรียนด้วย 5 เหตุผล ต่อไปนี้

1. “EYFS + EF + วินัยเชิงบวก” ลักสูตรที่พัฒนามาเพื่อเด็กเล็กที่ฮัมมิ่งเบิร์ดโดยเฉพาะ

คุณพ่อคุณแม่อาจจะเคยเห็นโรงเรียนอนุบาลหลายๆ ที่ใช้หลักสูตร EYFS จากประเทศอังกฤษ ซึ่งให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ผ่านการเล่น (Play-based learning)

แต่ความพิเศษของ “โรงเรียนอนุบาลนานาชาติฮัมมิ่งเบิร์ด” ที่ทำให้โรงเรียนแห่งนี้แตกต่างจากที่อื่น ก็คือ การผสมผสานระหว่างการพัฒนาสมอง EF หรือ Executive Functions กับการสร้างวิธีคิด และทัศนคติด้วยวินัยเชิงบวกเข้าด้วยกัน โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้าน EF และวินัยเชิงบวกมาให้คำปรึกษา และช่วยออกแบบหลักสูตร

เพราะเด็กในช่วงวัย 0-7 ปี หรือ Golden Period สมองส่วน EF จะเป็นช่วงที่มีการพัฒนามากที่สุด การได้เรียนรู้ผ่านการเล่น ซึ่งเป็นวิธีการเรียนที่เหมาะสมกับเด็กวัยนี้มากที่สุด พร้อมทั้งการฝึกให้คิดอย่างสร้างสรรค์ และมีเหตุมีผลด้วยเทคนิควินัยเชิงบวก (Positive discipline) จะทำให้เด็กที่เรียนที่นี่รู้จักการรับผิดชอบ ช่วยเหลือตัวเองเป็น มีพื้นฐานทางความคิดและอารมณ์ที่มั่นคง

 

2. พื้นที่ Safe Zone ของเด็กๆ ในโรงเรียนที่มีขนาดเหมาะสม

เพราะการเรียนไม่จำเป็นต้องอยู่ในห้องเรียนเสมอไป โรงเรียนอนุบาลนานาชาติฮัมมิ่งเบิร์ดจึงสร้างสรรค์ทุกพื้นที่ให้กลายเป็นแหล่งเรียนรู้ของเด็กๆ ไม่ว่าจะเป็นทั้งในและนอกห้องเรียน ก็มีของเล่นเสริมพัฒนาการรออยู่มากมาย แถมยังมีขนาดที่เหมาะสมกับเด็กเล็ก ที่อยู่ในช่วงวัย 1.5-6 ปี ทำให้คุณครูมีการดูแลเด็กๆ ได้อย่างทั่วถึง

ซึ่งมีการออกแบบโดยยึดเด็กเป็นศูนย์กลาง ไม่ว่าจะเป็น

  • ธงบอกค่าฝุ่นละออง 

เตรียมพร้อมให้เด็กๆ รู้จักใส่หน้ากากอนามัย เมื่อเริ่มเห็นธงเปลี่ยนเป็นสีเหลืองผ่านเครื่องวัดค่าฝุ่น

  • ติดตั้งเครื่องฟอกอากาศ PM 2.5 ทุกห้องเรียน

ทางโรงเรียนได้ติดตั้งเครื่องฟอกอากาศที่สามารถกรองฝุ่น PM 2.5 และเชื้อโรค รวมถึงป้องกันเชื้อไวรัส COVID-19 ได้ทั่วโรงเรียน เพื่อสภาพแวดล้อมที่สะอาด และปลอดภัยต่อการสร้างประสบการณ์ในการเรียนรู้ของเด็กๆ ซึ่งทางโรงเรียนได้ให้ความสำคัญเรื่องสุขภาพของเด็กมาเป็นอันดับ 1 แน่นอน

  • Splash Zone

ซุ้มวงกลมที่สามารถพ่นละอองน้ำออกมาได้ นอกจากสร้างความสนุกสนานให้เด็กๆ ได้วิ่งเล่นกันแล้ว ยังมีความพิเศษมากมาย เช่น ช่วยลดฝุ่นจาก PM 2.5, ลดการรบกวนของแมลง และลดความร้อน ด้วยการทำให้อากาศมีการเคลื่อนไหวถ่ายเท เป็นการสร้างลมนั่นเองค่ะ

นอกจากนี้ เด็กๆ ยังได้วิ่งเล่นสัมผัสละอองน้ำได้อย่างปลอดภัยและเป็นมิตร เล่นสนุกทุกวันไม่มีเบื่อ

  • พื้น EPDM ลดแรงกระแทก

พื้นทางเดินของโรงเรียนทำจากวัสดุ EPDM ซึ่งเป็นเกรดเดียวกับที่ใช้ในสนามกีฬา ให้ผิวสัมผัสที่ให้ความนุ่ม เพื่อป้องกัน และช่วยลดอุบัติเหตุจากการวิ่งเล่นของเด็กๆ ที่สำคัญ คือ ช่วยลดการบาดเจ็บ เมื่อเด็กๆ ล้มได้เยอะมาก ถึงจะล้มแต่ก็เจ็บไม่มากนั่นเอง ปลอดภัยกับเด็กๆ มากค่ะ

  • ระบบล็อกรั้ว

ระบบล็อกรั้ว กันเด็กๆ ไม่ให้เข้า – ออกประตูโรงเรียนได้ตามใจชอบ เพื่อความปลอดภัย ซึ่งสำหรับเด็กๆ แล้ว ประตูยังเป็นเสมือนสัญลักษณ์ให้เด็กๆ ได้เตรียมตัวในการแยกออกจากผู้ปกครองที่ตัวคุ้นเคย และพร้อมที่จะเข้าไปในห้องเรียนของตนค่ะ

  • เสานุ่มนิ่ม

การออกแบบเสาที่คำนึงถึงความปลอดภัยของเด็กเป็นหลัก จะวิ่งชน หรือเผลอหกล้มชนขอบเสาก็ปลอดภัย ไม่เจ็บตัว เพราะรอบเสาถูกคลุมด้วยเบาะที่นุ่มนิ่ม สีเหลืองสดใส

  • พืชผักสวนครัวที่กินได้

ภายในโรงเรียนจะมีพื้นที่สีเขียวไว้ปลูกพืชผักสวนครัวที่ปลูกแบบออร์แกนิก ปลอดสารเคมี เพื่อให้เด็กได้จับและสัมผัสโดยปลอดภัย ไร้สารเคมี

  • สนามเด็กเล่นเสริมพัฒนาการ

ขนาดของเครื่องมือเครื่องใช้ รวมทั้งของเล่นของเด็กๆ ในทุกพื้นที่ ถูกคิดขึ้นมาเพื่อเสริมสร้างพัฒนาการ และสร้างการเรียนรู้เพื่อเจ้าตัวน้อยโดยเฉพาะ เช่น สนามเด็กเล่นและอุปกรณ์เครื่องเล่นที่เสริมสร้างทั้งกล้ามเนื้อมัดเล็ก และกล้ามเนื้อมัดใหญ่

 

3. ใส่ใจทุกรายละเอียด จากผู้เชี่ยวชาญเรื่องเด็กเล็ก

“ครูใหม่ ปิยวลี ธนเศรษฐกร” ที่ปรึกษาของโรงเรียนอนุบาลนานาชาติฮัมมิ่งเบิร์ด ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน EF และผู้ก่อตั้ง 101s รวมทั้งยังเป็นผู้ริเริ่มการนำวินัยเชิงบวกแบบ 101 เข้ามาใช้ในประเทศไทย

ดังนั้น คุณครูของโรงเรียนนี้ นอกจากจะเป็น Native Speaker หรือเจ้าของภาษาแล้ว ยังคัดเลือกจากผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ หรือผ่านการอบรมเกี่ยวกับเด็กเล็ก

พร้อมทั้งทางโรงเรียนยังมีการจัดอบรมเวิร์คช็อปเรื่อง EF และการใช้วินัยเชิงบวกอย่างสม่ำเสมอให้กับคุณครูและบุคลากรในโรงเรียน เสริมด้วยคุณครูพิเศษที่เป็นผู้มีความรู้ความสามารถทางพัฒนาการด้านต่างๆ ในเด็กเล็ก

ยิ่งในส่วนมื้ออาหารของเด็กๆ ก็ยิ่งได้รับการดูแลจากนักโภชนาการ เพื่อให้ได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนและเหมาะสม จัดแต่งจานให้น่ารักน่าทาน ช่วยส่งเสริมพัฒนาการตามช่วงวัยของเด็กๆ ให้เจริญเติบโตได้ดียิ่งขึ้น

และที่ขาดไม่ได้ ก็คือ การเน้นเรื่องความสะอาด โดยเชฟจะสวมถุงมือ ใส่หมวก Face Shield ผ้ากันเปื้อน และสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่อยู่ในครัวนั่นเองค่ะ

 

4. ไม่ใช่แค่โรงเรียน แต่เป็น​ Community ที่เชื่อมบ้านกับโรงเรียนเข้าด้วยกัน

เพราะเด็กเล็กเป็นวัยที่ต้องเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา ทั้งที่บ้านและโรงเรียน โรงเรียนนี้เขาเลยมีสมุดพกกายใจ (Caring Diary)” ที่เอาไว้บันทึกสุขภาพกาย รวมทั้งสุขภาพใจของเด็กๆ เหมือนประตูวิเศษในการเชื่อมต่อระหว่างโรงเรียนกับที่บ้าน เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ทราบถึงกิจวัตรประจำวันในทุกวันที่มาโรงเรียนของลูกน้อย โดยกิจวัตรประจำวันของที่นี่ คือ

  • ช่วงเช้า : คุณครูจะพูดคุยกับคุณพ่อคุณแม่ให้รับทราบความพร้อมของเด็กแต่ละคน เพื่อเตรียมรับมือและปรับความพร้อมของเด็กก่อนเข้าเรียน
  • ระหว่างวัน : จะมีการบันทึกกิจวัตรประจำวันของเด็กแต่ละคน ว่าวันนี้เด็กๆ ทานข้าวกับอะไร? ทานหมดไหม? วันนี้เรียนอะไรบ้าง? สภาพอารมณ์เป็นอย่างไร? ลงในเจ้าสมุดพกกายใจ
  • เมื่อตอนเลิกเรียน คุณครูประจำชั้นจะมาพูดคุยกับคุณพ่อคุณแม่อีกครั้ง เพื่อเล่าเรื่องของเด็กในวันนั้นๆ

นอกจากนี้ ยังมีการจัดเวิร์คช็อประหว่างคุณครูและผู้ปกครองเป็นประจำ เพื่อให้ผู้ปกครองได้ทราบถึงพัฒนาการ และการเรียนรู้ของเด็กให้เป็นไปอย่างต่อเนื่องแบบไร้รอยต่อระหว่างบ้านและโรงเรียนนั่นเองค่ะ

 

5. การดูแลความปลอดภัยและสุขภาพของเด็กที่มากกว่ามาตรฐาน

แน่นอนว่า ในสถานการณ์ยุคปัจจุบัน “ความปลอดภัยด้านสุขภาพของเด็ก” ถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก โรงเรียนอนุบาลนานาชาติฮัมมิ่งเบิร์ดจึงให้ความสำคัญในเรื่องนี้อย่างมากเช่นกัน

เพราะทางฮัมมิ่งเบิร์ดเราได้รับอนุมัติเรื่องความปลอดภัยจากหน่วยงานภาครัฐ คุณครูและบุคลากรทุกคนได้รับการฉีดวัคซีนเข็มบูสเตอร์ 100%, ตรวจสอบซ้ำด้วยชุดตรวจ ATK เป็นประจำทั้งบุคลากรและคุณครู รวมทั้งครอบครัวของนักเรียนที่มาส่งเด็กด้วยเช่นกัน

  • นอกจากนี้ ในโรงเรียนยังมีเครื่องวัดคุณภาพอากาศ เพื่อคอยตรวจวัดและแจ้งเตือนคุณภาพอากาศในแต่ละวัน
  • และในทุกห้องเรียนก็มีการใช้เครื่องฟอกอากาศที่สามารถดักจับฝุ่น กรองฝุ่น PM 2.5 และฆ่าเชื้อไวรัส COVID-19 ได้ในเครื่องเดียว ซึ่งการดูแลเอาใจใส่ถึงสุขภาพของเด็กนักเรียนเป็นเรื่องที่ทางโรงเรียนได้ให้ความสำคัญมาเป็นอันดับ 1 ตั้งแต่ตอนก่อนสร้างโรงเรียนอีกด้วย เพื่อให้แน่ใจว่าเด็กทุกคนจะได้รับประสบการณ์การเรียนรู้และมีพัฒนาการที่ดี พร้อมได้รับความปลอดภัยทางสุขภาพร่างกายนั่นเองค่ะ
  • อีกหนึ่งความพิเศษในความใส่ใจในรายละเอียดภายในห้องเรียน เช่น การใช้สี Low VOC เพราะทางโรงเรียนได้คำนึงถึงคุณภาพอากาศภายในห้องเรียน รวมถึงพื้นที่ลดการสะสมของแบคทีเรีย
  • มีเครื่องตรวจจับค่าคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) และความชื้นที่เชื่อมต่อกับระบบระบายอากาศ เพื่อทำให้อากาศ และบรรยากาศภายในห้องเรียน สะอาด ปลอดภัย เป็นมิตรกับเด็กๆ และยังช่วยเสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองนั่นเองค่ะ

  • ภายในห้องเรียนจะมีหน้าต่างที่เป็นกระจกใสอยู่รอบๆ ห้องเรียน เพื่อช่วยให้เด็กๆ ลดความเครียดทางสายตา จากการมองเห็นบรรยากาศที่ร่มรื่นด้านนอก และได้รับแสงธรรมชาติจากหน้าต่างทั้ง 2 ฝั่งของห้องเรียน

 

โรงเรียนอนุบาลนานาชาติฮัมมิ่งเบิร์ด เป็นโรงเรียนอนุบาลนานาชาติที่เราเห็นถึงความใส่ใจในทุกรายละเอียด ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้เด็กๆ มีพัฒนาการและการเติบโตที่ดียิ่งขึ้น

สำหรับคุณพ่อคุณแม่ย่านฝั่งธนที่กำลังมองหาโรงเรียนให้ลูกน้อย Parents One อยากขอแนะนำให้ลองไปเยี่ยมชมและพูดคุยกับทางโรงเรียนก่อน หรือถ้าสนใจแต่ยังลังเล ทางโรงเรียนก็มีเปิด Playgroup ให้คุณพ่อคุณแม่พาน้องๆ ไปลองเรียนดูก่อนได้เลยนะคะ

ตอนนี้ทางโรงเรียนอนุบาลนานาชาติฮัมมิ่งเบิร์ด กำลังเปิดรับสมัครนักเรียนประจำปีการศึกษา 2565 – 2566 สำหรับลูกน้อยในช่วงอายุ 18 เดือน ถึง 5 ปี สามารถนัดหมายเยี่ยมชมโรงเรียนได้ที่

Writer Profile : Mneeose

💙💙💙

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Update
ไลฟ์สไตล์ ไลฟ์สไตล์
เคยกลับบ้านมาแล้วกรี๊ดลั่นบ้านเพราะเจ้าตัวแสบไปวิ่งเล่นเลอะเทอะกันไหมคะ ? หรือแต่งตัวลูกอย่างดีไปทานข้าวนอกบ้าน แต่คุณลูกก็ทำซอสหกใส่ ไอติมหล่นไปเป็นก้อน เละทั้งตัว วันนี้ ParentsOne มีเสื้อเด็กที่เจ๋งมากๆ จาก GQ : the good day lab™ มาลองรีวิวให้ได้ชมกันค่ะ 🛒 ช้อปเลยที่ -> https://gqsize.link/bZT7Sx แกะกล่อง GQ : the good day lab™ เสื้อเด็ก ฟีเจอร์เพียบ คุณภาพ GQ ขึ้นชื่อว่า GQ ก็มั่นใจได้เรื่องคุณภาพค่ะ ผ้านุ่ม เบาบาง เหมาะกับอากาศเมืองไทย ใส่วิ่งสบายๆ ที่แปลกตาคือเป็นเสื้อที่ไม่มีป้ายแท็กค่ะ ทั้งด้านหลังคอเสื้อ หรือข้างใน ไม่ต้องห่วงว่าจะเคืองหรือคันเลย กระดุมแข็งแรงเอามากๆ ใช้แรงผู้ใหญ่ดึงแรงๆ ก็ไม่มีปัญหาเลย ไฮไลท์สำคัญที่คุณแม่แทบกรี๊ด คือเป็นไม่เปื้อนค่าาาา เทน้ำ เทนมใส่เสื้อ ไม่เปียกเลย สะบัดสองที หายปกติ ซึ่งถ้าใครเคยเห็นโฆษณา GQ ที่เสื้อเชิ้ตขาวไปทำงานคุณพ่อ โดนกาแฟหกใส่ แต่ผ้าไม่เปื้อนเลย เทคโนโลยีผ้าสะท้อนน้ำ ตอนนี้มาอยู่ในเสื้อเด็กแล้ววววว ทีมงานทดสอบเทน้ำสีผสมอาหาร นม หรือแม้แต่ซอสมะเขือเทศลงบนเสื้อ ก็ไม่เปื้อนค่ะ ไม่น่าเชื่อมากๆ ข้อดีที่สุดของผ้าแบบนี้ คือทำให้ชีวิตคุณแม่สบายขึ้นมาก พาลูกไปเที่ยว วิ่งเล่นสนามหญ้า พาไปทานก๋วยเตี๋ยว หรือให้ทานอะไร ก็ไม่ต้องกลัวเสื้อสวยๆ เลอะ แถมประหยัดเวลาซักผ้าด้วย ไม่ต้องมาคอยแช่ผ้าให้คราบมันออกแบบสมัยก่อน สำหรับเสื้อเด็ก the good day lab™…
8 ธันวาคม 2566

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save