fbpx

9 ข้อคิดสอนเด็กเตรียมรับมือกับความสูญเสียจากหนังสือการ์ตูน "คุณปู่ หลังความตายเป็นอย่างไรกันนะ?"

Writer : Mneeose
: 26 พฤศจิกายน 2564

เพราะความตาย…เป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตมนุษย์

การสูญเสียคนที่รัก ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน พี่น้อง พ่อแม่ คนรัก หรือครอบครัว ไม่เว้นแม้กระทั่งสัตว์เลี้ยง ต่างก็ส่งผลกระทบต่อจิตใจอย่างแรงกล้าด้วยกันทั้งนั้น ยิ่งเป็นคนใกล้ตัวยิ่งเสียใจมาก ไม่มีใครที่จะมีชีวิตอมตะ หรือหลีกเลี่ยงความตายได้ การสูญเสียจึงเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ว่าจะมาเมื่อไหร่? ตอนไหน? เพราะฉะนั้น เราจึงต้องทำในสิ่งที่เราอยากทำให้ได้เร็วที่สุดในตอนที่ยังมีชีวิตอยู่นั่นเอง

แต่สิ่งที่สำคัญและยากกว่าการจากลาแบบไม่มีวันหวนกลับมาอีกครั้ง น่าจะเป็นการปลอบประโลมจิตใจคนที่ยังมีชีวิตอยู่มากกว่า โดยเฉพาะการอธิบายให้ลูกที่ยังเป็นเด็กเข้าใจถึงความตายและการสูญเสีย ซึ่งเป็นเรื่องที่อ่อนไหว และยากพอๆ กับการบังคับให้ลูกทานผัก

วันนี้ Parents One จึงได้ขอหยิบยกข้อคิดจากหนังสือการ์ตูน เรื่อง “คุณปู่ หลังความตายเป็นอย่างไรกันนะ?” จากผู้เขียนคุณ Pimm van Hest ที่สอดแทรกวิธีการสอนเด็กให้เตรียมรับมือกับความสูญเสียแบบไม่ใจสลายมาฝากกันค่ะ (ได้คำนำเสนอ โดย นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ด้วยนะ)

1. ความตาย…ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอย่างที่คิด

แต่มันกลับราบเรียบ นิ่งสงบ และเชื่องช้าจนน่าใจหาย ไม่ผิดที่บางคนจะกลัวความตาย เพราะเราทุกคนช่างมีความคิดที่แตกต่างกันเสมอ

จงพูดความจริงกับลูก แม้ว่ามันจะเจ็บปวดสักแค่ไหน แล้วอธิบายให้ลูกเข้าใจง่ายๆ ว่าความตาย คืออะไร? ด้วยท่าทีที่นิ่งสงบ ผ่อนคลาย และดูปกติ เช่น

“เมื่อตอนคุณปู่เสีย ร่างกายของคุณปู่ก็ไม่ทำงานอีกต่อไปแล้วนะลูก” หรืออาจจะเป็น “คุณปู่หมดเวลาจากโลกนี้แล้วนะลูก ท่านจะไม่ได้อยู่กับเราแล้ว”

เมื่อลูกเห็นเราสงบ นิ่ง มั่นคง ก็จะซึมซับและตอบสนองความสงบจากคุณพ่อคุณแม่มาได้เช่นกัน และเมื่อถึงเวลาที่พวกเขาเติบโตขึ้น แล้วเกิดเหตุการณ์ความสูญเสียครั้งใหญ่ พวกเขาจะยังคงประคองสติ นิ่งสงบ และสามารถใช้ชีวิตให้ดีต่อไปได้เรื่อยๆ นั่นเอง

 

2. การคุยเรื่องความตายกับลูก เพื่อให้เข้าใจเป็นเรื่องที่ดีมากกว่าการปิดบัง หรือเลี่ยงการพูดคุย

เมื่อมีการเสียชีวิตเกิดขึ้น และลูกจำเป็นต้องรับรู้ สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรทำ คือ การค่อยๆ เข้าหาลูก และพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องความตายอย่างเปิดเผย ไม่ปิดบัง เพื่อให้เด็กรู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่สุดที่ทุกคนจะต้องพบเจอ และไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้ นั่นก็เพราะลูกมีสิทธิ์ที่จะรู้ และทำใจได้ง่ายกว่าการโดนปิดบังเรื่องความเป็นความตาย

ซึ่งคุณพ่อคุณแม่สามารถทำได้โดยการเปิดกว้างทางความคิด หยิบยกสถานการณ์ความสูญเสียต่างๆ ซึ่งอาจจะไล่จากความเสียใจเล็กๆ ไปจนถึงความเสียใจมากตามลำดับ เช่น

พูดคุยถึงเรื่องตุ๊กตาหายหรืออวัยวะชำรุดหลุด, สัตว์เลี้ยงตัวโปรดตาย ไปจนถึงเรื่องเพื่อนหรือญาติที่ใกล้ตัวเสียชีวิต

เมื่อเด็กๆ เริ่มเกิดการรับรู้ด้วยท่าทีที่ผ่อนคลาย ไม่ตื่นตกใจ เมื่อนั้นก็แสดงว่า การพูดคุยเรื่องความสูญเสียที่ร้ายแรงขึ้นก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

 

3. ไม่มีสิ่งมีชีวิตตนใดที่สามารถปฏิเสธความตายได้

“เพราะความตายและการสูญเสียเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต สุดท้ายแล้ว สิ่งมีชีวิตทุกชนิดล้วนต้องตายเหมือนกันทั้งนั้น โดยขึ้นอยู่กับตัวแปรสำคัญอย่างกาลเวลานั่นเอง”

หนังสือนิทานเล่มนี้ได้สรุปประเด็นหลักสำคัญๆ ของ “ความตาย” มาเพื่อให้คุณพ่อคุณแม่สามารถอ่านให้เด็กๆ ที่เริ่มโตแล้วเข้าใจได้ง่ายขึ้น และมองความตายให้เป็นเรื่องปกติที่สุด ซึ่งเด็กๆ จะได้รู้จักวิธีรับมือเรื่องความสูญเสียให้คุ้นชินเป็นนิสัย ซึ่งถือว่าเป็นตัวช่วยบรรเทาอาการไม่ให้เจ็บปวด และทรมานมากเกินไป

 

4. อย่ารอให้ใกล้ถึงเวลาตาย! แล้วจึงค่อยทำเรื่องสนุกๆ

เพราะเราไม่รู้ว่าเวลานั้นของเราทุกคนจะมาถึงเมื่อไหร่? แล้วทำไมถึงต้องรอให้ถึงเวลาใกล้ตายก่อน ถึงค่อยทำเรื่องสนุกๆ ด้วยล่ะ

ในตอนที่ยังมีแรงกาย และแรงใจจึงควรทำในสิ่งที่อยากทำ พูดในสิ่งที่อยากพูด แสดงความรู้สึกออกมาให้หมด ไปเที่ยวในที่อยากไป ไม่ต้องรอให้โตเป็นผู้ใหญ่ หรือมีเงินเยอะๆ เพียงแค่เราอยากทำอะไรก็ทำได้เลย

อย่าผัดวันประกันพรุ่ง เพราะชีวิตมันสั้น การใช้ชีวิตให้มีคุณภาพที่ดีจึงกลายเป็นเรื่องสำคัญ

 

5. ถึงแม้ว่าจะอายุน้อย ก็ตายก่อนได้เหมือนกัน

เพราะเรื่องความตายไม่เข้าใครออกใคร ไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว และไม่มีสัญญาณใดๆ ที่จะมาบอกได้เลยว่าระหว่างพ่อแม่หรือลูกใครจะไปก่อนกัน

เพราะฉะนั้น การเตรียมตัวรับความผิดหวัง และความสูญเสียจึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน การทำทุกวันให้มีความสุข และรักอย่างเต็มที่ในครอบครัว พูดจาดีต่อกัน งดการทะเลาะ อย่าวางมาดใส่กัน แค่นี้ก็เพียงพอแล้วค่ะ

 

6. ไม่มีใครรู้ว่า…เมื่อตายแล้วไปไหนต่อ?

เมื่อความตายมาเยือน เด็กๆ มักจะถามคำถามที่คุณพ่อคุณแม่ไม่สามารถให้คำตอบได้ เหมือนที่คริสโตเฟอร์ เจ้าเด็กน้อยได้ถามกับคุณปู่ของเขาว่า “ปู่คิดว่าถ้าตายแล้วจะไปไหนครับ” “ปู่คิดว่าจะไปที่ที่ฝนตกเป็นช็อกโกแลตน่ะ”

ที่คุณปู่ตอบหลานไปแบบนั้น ก็เพราะว่า เด็กทุกคนจะได้เรียนรู้เรื่องความตายก่อนอายุ 12 ขวบแน่ๆ นั่นแปลว่าความคิดเชิงนามธรรมของพวกเขายังพัฒนาได้ไม่เต็มที่ ดังนั้น เวลาพูดคุยกับเด็กๆ เรื่องความตาย จึงควรพูดถึงสิ่งที่เป็นรูปธรรมให้ชัดๆ ไปเลย มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า และจับต้องได้ หรือใช้วิธีเปรียบเปรย ซึ่งเป็นวิธีที่คุณปู่คุยกับหลานตลอดทั้งเล่มนั่นเอง

อีกเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน ก็คือ คุณพ่อคุณแม่ไม่จำเป็นต้องรู้ทุกเรื่องที่ลูกถามก็ได้ เพราะบางครั้งเราก็ไม่รู้จริงๆ ว่าคำตอบคืออะไร แต่เราสามารถย้อนถามลูกได้ว่าพวกเขาคิดอย่างไร? และสามารถช่วยกันหาคำตอบที่เหมาะสมที่ทำให้ทั้งคุณและลูกรู้สึกสบายใจได้ เหมือน “ฝนตกเป็นช็อกโกแลต” นั่นเองค่ะ

 

7. ความตายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน

“หลานเอ๊ย ปู่เข้าใจนะ สิ่งที่พิเศษเกี่ยวกับความตายอาจจะเป็นการที่ไม่เคยมีใครรู้จริงๆ ว่ามันเป็นยังไง ก็เลยทำให้แต่ละคนมีแนวคิดเกี่ยวกับความตายแตกต่างกันไงล่ะ”

การตีความถึงนิยามของความหมายเรื่องความตายของคุณปู่อาจจะไม่เหมือนกับความคิดของหลาน แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะไม่เคยมีใครรู้ว่ามันคืออะไร จนกว่าจะได้เจอด้วยตัวเอง และแน่นอนว่าทุกคนย่อมมีสิทธิ์ในความคิดที่แตกต่างกันแน่นอน

 

8. หลังจากที่เราตาย อาจไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยก็ได้

ถึงแม้ว่าคุณอาจจะยังคงคิดถึงเรื่องราวต่างๆ ที่อยู่บนโลก แต่ว่าเมื่อความตายมาถึง ทุกอย่างอาจจะยังเหมือนเดิมและไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลยก็ได้เช่นกัน

เพราะฉะนั้น ความตายจึงไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว แต่เป็นเพียงความนิ่ง เงียบ สงบ และกลายเป็นสิ่งที่สวยงามในหัวใจ ซึ่งบุคคลนั้นจะไม่มีวันเลือนรางหรือหายไปจากความทรงจำของพวกเราอย่างแน่นอน

 

9. จงยอมรับความสูญเสีย และความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นให้ได้

อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ไม่มีใครที่สามารถบังคับ หรือทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปได้ดั่งใจ แต่อยากให้ถือว่าทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้คือบทเรียนชั้นดี เพราะมันช่วยสอนให้เราไม่ประมาท และเห็นคุณค่าของการมีชีวิต

เพราะฉะนั้น ความตายไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว แต่กลับเป็นสิ่งที่สวยงาม จงยอมรับกับความสูญเสีย และความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นให้ได้เท่านี้ก็เพียงพอแล้วกับการเยียวยาจิตใจที่เกิดจากการสูญเสียคนสำคัญในชีวิต

การพูดเรื่องความตายเป็นเรื่องยาก เพราะผู้ใหญ่อย่างเราอาจจะคิดว่าเราควรปกป้องเด็กๆ จากความเศร้าโศกครั้งใหญ่อย่างความตาย แต่สุดท้าย ถ้าหากคุณพ่อคุณแม่กล้าที่จะเปิดใจพูดคุยถึงประเด็นนี้ ก็จะค้นพบได้ว่าเด็กๆ เขาเก่งเรื่องการปรับตัว ถ้าพวกเขาได้รับการให้ข้อมูลที่ดีมาก่อน แน่นอนว่าจะต้องเยียวยาจิตใจของตัวเองได้เร็วแน่นอนค่ะ

และที่สำคัญ คือ เรื่องความตายเป็นเรื่องที่อ่อนไหวมากในชีวิตของเด็กคนหนึ่ง เรื่องที่ควรระวัง! จึงมีเพียงการไม่ให้เด็กเห็นภาพที่น่ากลัวมากเกินไปหรือภาพเลือดก็ไม่ควรเช่นกัน เพราะอาจจะเกิดเป็นภาพจำฝังเข้าไปให้หัวได้ การปล่อยให้เขาไม่เห็นทั้งหมดแล้วหลงเหลือแต่เพียงบางส่วนให้เป็นจินตนาการบ้างเป็นเรื่องที่ดี

ดังนั้น ผู้ปกครองจึงต้องสร้างความเชื่อใจและมั่นใจของสายสัมพันธ์ จากนั้นจึงค่อยๆ อธิบายให้ลูกฟังทีละอย่างเหมือนข้างต้นที่กล่าวมานั่นเองค่ะ

Writer Profile : Mneeose

💙💙💙

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



26 สิงหาคม 2563
7 สิ่งที่เด็กวัย 2 ขวบทำเก่ง
ช่วงวัยของเด็ก
Update
ไลฟ์สไตล์ ไลฟ์สไตล์
เคยกลับบ้านมาแล้วกรี๊ดลั่นบ้านเพราะเจ้าตัวแสบไปวิ่งเล่นเลอะเทอะกันไหมคะ ? หรือแต่งตัวลูกอย่างดีไปทานข้าวนอกบ้าน แต่คุณลูกก็ทำซอสหกใส่ ไอติมหล่นไปเป็นก้อน เละทั้งตัว วันนี้ ParentsOne มีเสื้อเด็กที่เจ๋งมากๆ จาก GQ : the good day lab™ มาลองรีวิวให้ได้ชมกันค่ะ 🛒 ช้อปเลยที่ -> https://gqsize.link/bZT7Sx แกะกล่อง GQ : the good day lab™ เสื้อเด็ก ฟีเจอร์เพียบ คุณภาพ GQ ขึ้นชื่อว่า GQ ก็มั่นใจได้เรื่องคุณภาพค่ะ ผ้านุ่ม เบาบาง เหมาะกับอากาศเมืองไทย ใส่วิ่งสบายๆ ที่แปลกตาคือเป็นเสื้อที่ไม่มีป้ายแท็กค่ะ ทั้งด้านหลังคอเสื้อ หรือข้างใน ไม่ต้องห่วงว่าจะเคืองหรือคันเลย กระดุมแข็งแรงเอามากๆ ใช้แรงผู้ใหญ่ดึงแรงๆ ก็ไม่มีปัญหาเลย ไฮไลท์สำคัญที่คุณแม่แทบกรี๊ด คือเป็นไม่เปื้อนค่าาาา เทน้ำ เทนมใส่เสื้อ ไม่เปียกเลย สะบัดสองที หายปกติ ซึ่งถ้าใครเคยเห็นโฆษณา GQ ที่เสื้อเชิ้ตขาวไปทำงานคุณพ่อ โดนกาแฟหกใส่ แต่ผ้าไม่เปื้อนเลย เทคโนโลยีผ้าสะท้อนน้ำ ตอนนี้มาอยู่ในเสื้อเด็กแล้ววววว ทีมงานทดสอบเทน้ำสีผสมอาหาร นม หรือแม้แต่ซอสมะเขือเทศลงบนเสื้อ ก็ไม่เปื้อนค่ะ ไม่น่าเชื่อมากๆ ข้อดีที่สุดของผ้าแบบนี้ คือทำให้ชีวิตคุณแม่สบายขึ้นมาก พาลูกไปเที่ยว วิ่งเล่นสนามหญ้า พาไปทานก๋วยเตี๋ยว หรือให้ทานอะไร ก็ไม่ต้องกลัวเสื้อสวยๆ เลอะ แถมประหยัดเวลาซักผ้าด้วย ไม่ต้องมาคอยแช่ผ้าให้คราบมันออกแบบสมัยก่อน สำหรับเสื้อเด็ก the good day lab™…
8 ธันวาคม 2566

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save