fbpx

แอปพลิเคชัน & เกมที่ลูกเล่น เหมาะกับวัยของลูกไหมนะ ?

Writer : Jicko
: 21 มิถุนายน 2565

ด้วยเทคโนโลยีที่เข้ามามีส่วนกับชีวิตประจำวันมากขึ้น ทำให้การใช้ชีวิตต่างๆ ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่อย่างเราๆ ก็เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะการใช้เวลากับหน้าจอ ซึ่งสำหรับเด็กแล้วคงเป็นการควบคุมได้ยาก หากพ่อแม่อย่างเราๆ ไม่ได้ระมัดระวัง โดยเฉพาะเรื่องแอปฯ ต่างๆ ที่เด็กสามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะแอปฯ TikTok Facebook IG หรือเกมต่างๆ เรียกได้ว่าบางทีมีเนื้อหาค่อนข้างดูผู้ใหญ่ ทำให้แม่ๆ อย่างเราอาจจะต้องคัดกรองกันสักหน่อย ก่อนถึงมือของเด็กๆ จะเป็นการดีนะคะ

วันนี้ Parents One จึงได้รวบรวม แอปฯ ที่เด็กๆ มักจะใช้ มาดูกันว่าจริงๆ แล้วมันเหมาะสมกับลูกของเรามากน้อยแค่ไหน อายุเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสมที่จะเล่นแอปฯ นั้นๆ ได้ จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย!

แอปพลิเคชันยอดนิยมในกลุ่มเด็กไทย

  • YouTube 24.07%
  • LINE 13.61%
  • TikTok 11.42%
  • Messenger 8.34%
  • Facebook 8.26%
  • Roblox 5.38%
  • Instagram 4.17%
  • Chrome 2.85%

1. TikTok

ไม่ว่าจะวัยไหน เชื่อเลยว่าหากหลงเข้าไปเล่นไปใช้แล้ว หาทางกลับออกมาได้ยากมากๆ แต่หากคุณพ่อคุณแม่คนไหนยังไม่ทราบเรามาทำความรู้จักกันค่ะ

แอปฯ อย่าง TikTok นี้ ส่วนใหญ่เป็น Content แนวคลิปวีดีโอสั้นที่มาแรงและเป็นกระแส นอกจากได้ดูเรื่องราวของคนอื่นๆ แล้ว เราเองก็สามารถถ่ายและแชร์วีดีโอนี้ได้ในเวลา 3 นาที อีกด้วย ซึ่งบางเนื้อหาก็อาจจะดูเกินจริง หากเด็กๆ ได้ดูก็เสี่ยงต่อการเข้าใจผิดเพราะด้วยวัยแล้ว บางทีเขาก็ไม่สามารถแยกแยะสิ่งที่เกินจริงกับการตัดต่อของคลิปได้ ทำให้เด็กบางคนถึงขั้นทำตาม อย่างเช่น Challenge ต่างๆ ซึ่งบางอย่างอันตรายมากๆ สำหรับเด็กเลยล่ะค่ะ

อายุผู้ใช้งาน : 13 ปีขึ้นไป
วิธีแก้ปัญหา : ตั้งค่า Family Safety Mode เพื่อคัดกรองคอนเทนท์ที่เหมาะสม

2.Roblox (โรบล็อกซ์)

เป็นอีกหนึ่งเกมที่บอกเลยว่า เป็นเกมยอดฮิตสำหรับเด็กๆ โดยเฉพาะเด็กช่วงอายุ 6-12 ปี ยิ่งช่วงเปิดเทอมมาเพื่อนๆ ในห้องเล่นกันหมด แน่นอนว่าลูกๆ ของเราก็ต้องอยากเล่นบ้าง เพราะเดี๋ยวจะคุยกับเพื่อนๆ ในห้องไม่รู้เรื่อง!

Roblox เป็นเกมออนไลน์หนึ่ง ที่เด็กๆ สามารถเข้าไปเล่นทำกิจกรรมร่วมกับผู้เล่นคนอื่นๆ ได้ ด้วยสีสันของภาพที่สวยงาม แถมเด็กๆ ยังได้ใช้จินตนาการในการสร้างตัวละครต่างๆ ได้อย่างอิสระ ทำให้เกมนี้เป็นที่ชื่นชอบของเด็กๆ เลยล่ะค่ะ

ถึงแม้จะทำให้เด็กๆ ได้มีความคิดสร้างสรรค์ และฝึกให้เขาได้จำลองสถานการณ์ในชีวิตแบบมีเป้าหมาย แถมยังสามารถสร้างตัวตนให้เขาได้ แต่มันก็มีข้อเสียที่คุณแม่ๆ ควรระมัดระวังในการเล่นเกมนี้อาจจะไม่ใช่เกมค่ะ แต่เป็นตัวนของเด็กๆ เอง เพราะในเกมนั้นต้องใช้สายตา ใช้นิ้วมือ มีการพูดคุย และมีการแพ้ ทั้งหมดนี้อาจจะเกิดผลเสียตามมาได้ หากเล่นอย่างไม่ระมัดระวังนั่นเองค่ะ

อายุผู้ใช้งาน : 7 ปีขึ้นไป
วิธีแก้ปัญหา : ตั้งค่าการควบคุมโดยปิดกั้นภาษาที่ไม่เหมาะสม หรือปิดช่องแชท เพื่อหลีกเลี่ยงการสนทนาที่เป็นอันตรายกับลูก และให้ลูกเล่นใน Spaces ของครอบครัว และไม่ให้ลูกติดต่อกับคนแปลกหน้า

3.Facebook

เฟซบุ๊ก เป็นอีกหนึ่งแอปฯ ที่เชื่อเลยว่าพ่อแม่อย่างเราก็คงจะรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะเรียกได้ว่าเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะทำให้คนที่อยู่ห่างไกล หรือคนที่ไม่ได้เจอกันนาน ได้กลับมาพูดคุยด้วยกันอีกครั้งแบบง่ายแสนง่าย ซึ่งหากเป็นพ่อแม่อย่างเราๆ แล้ว ก็เป็นเรื่องดีที่จะได้ใช้แอปฯ นี้เป็นช่องทางในการรับข่าวสาร และติดต่อต่างๆ

แต่สำหรับเด็กๆ แล้วอาจจะเป็นภัยอันตราย หากเขายังอายุยังน้อยและมีวุฒิภาวะไม่พอที่จะคัดกรองข่าวสารต่างๆ ตามโซเชียล หรือคัดกรองคนต่างๆ ที่จะเข้ามาเป็นเพื่อนบนโลกโซเชียลแบบผู้ใหญ่อย่างเราๆ ได้นั่นเองค่ะ

ซึ่งพ่อแม่อาจจะบังคับไม่ให้ลูกเล่นเลย หรือควบคุมการตั้งค่าให้เขา อย่างเช่น การตั้งโพสต์แบบไม่สาธารณะ การไม่เปิดเผยข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่ โรงเรียน หรือการเช็กอินสถานที่ต่างๆ เพราะสิ่งเหล่านี้อาจจะทำให้คนแปลกหน้ารู้ถึงข้อมูลนี้มากเกินไป และเสี่ยงต่อการติดตามอย่างง่ายดายนั่นเองค่ะ

อายุผู้ใช้งาน : 13 ปีขึ้นไป
วิธีแก้ปัญหา : ให้ลูกใช้ Messengers Kids แทนในเด็กอายุต่ำกว่า 13 ปี

4. YouTube

บ้านไหนลูกไม่ติด YouTube บ้าง แม่ปรบมือเลยค่ะ เพราะแอปฯ เรียกได้ว่าเป็นแอปฯ หลอกล่อเด็กให้หยุดงอแงอีกแอปฯ หนึ่ง ซึ่งจริงๆ แล้วก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยนะคะ ที่เราจะใช้หนทางนี้ในการแก้ไขปัญหาเด็กๆ ที่แสนดื้อ เพราะมันคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เด็กๆ ติด YouTube ยังไงล่ะ

เรียกได้ว่าบางบ้านก็ทำสารพัดวิธีที่จะไม่ให้ลูกติดแอปฯ นี้ ดุก็แล้ว จำกัดเวลาก็งอแงใส่ แบบนี้ไม่เป็นผลดีต่อเด็กอย่างแน่ๆ ยิ่งเด็กเล็กที่พ่อแม่ไม่มีเวลาก็ยิ่งแล้วใหญ่ ปล่อยให้ลูกดู YouTube แบบนี้บอกเลยว่า แก้ยากที่จะไม่ให้เขาติดนะคะ

และที่สำคัญเลย YouTube นี่แหละที่เป็นสิ่งที่เด็กๆ ได้เปิดโลก ที่นอกจากการ์ตูนแสนน่ารักแล้ว มันก็ยังมีเนื้อหา Content ของผู้ใหญ่ ที่ไม่เหมาะสมอีกด้วย

อายุผู้ใช้งาน : 18 ปีขึ้นไป
วิธีแก้ปัญหา : ให้ลูกใช้ YouTube Kids เพื่อครอบคุมเนื้อหาที่เหมาะสมกับลูก

5. PUBG MOBILE

คุณแม่ๆ หลายคนคงจะเคยได้ยินชื่อเกมนี้ ยิ่งถ้าคุณสามีเล่นก็อาจจะคุ้นเคย เพราะเป็นอีกหนึ่งเกมที่โด่งดังเกมหนึ่งในหมู่เด็กๆ อีกด้วย

เกมนี้เป็นเกมเป็นเกมที่เราต้องเอาตัวรอดให้ได้ จนเป็นคนหรือทีมสุดท้ายก็จะเป็นผู้ชนะ ซึ่งอาจจะไม่ใช่คนที่ยิงได้เยอะสุด แต่เป็นคนที่หลบได้จนจบเกมต่างหาก

ซึ่งในอินเดียได้มีการสั่งห้ามเด็กไม่ให้เล่นเกมนี้ และได้มีตำรวจบางเมืองได้จับกุมนักศึกษามหาวิทยาลัยถึง 10 คน ซึ่งคณะกรรมการสิทธิเด็กแห่งชาติของประเทศอินเดียได้แนะนำให้ จำกัด การเล่นเกมสำหรับลักษณะที่รุนแรง หลังพบเด็กวัยรุ่นเสียชีวิตเพราะเล่นเกม PUBG Mobile

เพราะฉะนั้นแล้วคุณพ่อคุณแม่เองควรเลือกเกมที่เหมาะสมกับเด็กในแต่ละช่วงวัย หรือเลือกเกมที่เล่นไปพร้อมๆ กับลูกได้ ควรดูเรตติ้งความเหมาะไว้เสมอ ซึ่งในแอปฯ ก่อนที่เราจะโหลด คุณพ่อคุณแม่สามารถอ่านคำอธิบายรายละเอียดของแอปฯ นั้นๆ ก่อนได้เช่นกันค่ะ

อายุผู้ใช้งาน : 18 ปีขึ้นไป
วิธีแก้ปัญหา : ดูช่วงอายุของลูกว่าเหมาะสมกับเกมนี้หรือไม่ พยายามคัดกรองเนื้อหาและดูเรตติ้งอายุเพื่อความปลอดภัยของลูกนั่นเองค่ะ

6. Garena RoV

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเกมที่เคยทำรายได้มากที่สุดในโลก และปัจจุบันก็ยังเป็นเกมที่คนเล่นเรื่อยมาอย่างต่อเนื่อง จนมีการจัด Esports ด้วย

โดยรูปแบบการเล่นนั้นคือผู้เล่นจะต้องเลือกฮีโร่มา 1 ตัว และไปทำการต่อสู้แบบ 5 ต่อ 5 กับฝั่งตรงข้าม มีการโจมตีกันซึ่งแต่ละทีมก็จะมีวิธีการเอาชนะที่แตกต่างกันแล้วแต่กลยุทธ์กันออกไป

ซึ่งในการเล่นเด็กๆ ก็ยังสามารถซื้อไอเทมหรือสกิลต่างๆ ได้

อายุผู้ใช้งาน : 12 ปีขึ้นไป
วิธีแก้ปัญหา : ดูความเหมาะสมของช่วงอายุว่าเหมาะสมกับเกมหรือไม่ อีกทั้งต้องตั้งค่าทั้งเรื่องการตัดเงินจากแอปฯ การเงินต่างๆ เพราะมิเช่นนั้นจะเหมือนในข่าวได้เลยนะคะ

อ้างอิงจาก : SPOTLIGHT

Writer Profile : Jicko

  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



เกมล่าสมบัติ ตามหาสมบัติในบ้านกันเถอะ!
เด็กวัยเข้าโรงเรียน
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save