Parents One

โรคไอกรน อันตรายถึงชีวิตคุณพ่อคุณแม่ต้องหมั่นสังเกต

บางครั้งแต่ละอาการของลูกน้อยที่เรามองว่าอาจเป็นเรื่องปกติหรือไม่ได้น่ากลัวอะไรมากอย่างนอนแล้วหายใจแรง หรือมีเสียงกรนออกมาบ้างเวลานอน สำหรับผู้ใหญ่นั้นอาจดูเป็นเรื่องปกติแต่สำหรับเด็กเล็กแล้ว นี่คืออากาารที่อาจส่งผลถึงการเสียชีวิตได้เลยค่ะ และเพรราะอะไรการนอนกรนของเด็กถึงอันตรายได้ขนาดนี้ เราไปดูด้วยกันเลย

โรคไอกรนคืออะไร

โดยปกติแล้วอาการไอกรนนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ทุกวัยซึ่งอาการนี้ เกิดจากการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ซึ่งมีแบคทีเรียที่ชื่อว่า Bordetella Pertussis เข้าสู่ปอด โดยสามารถติดได้จากการจาม, ไอ หรือหายใจรดกันจนทำให้เชื้อสามารถติดลามกันได้ซึ่งโรคนี้สามารถพบเจอได้มากสุดในเด็กที่อายุต่ำกว่า 6 ขวบ และอาจอันตรายยิ่งกว่าหากเกิดขึ้นในเด็กที่อายุต่ำกว่า 3 ขวบเพราะอาการแทรกซ้อนหลังเป็นโรคนี้แล้วจะทำให้ร่างกายของทารกหรือเด็กเล็กต้านกับความรุนแรงของโรคไม่ไหวจนเสียชีวิตในที่สุด

ในค่าเฉลี่ยแล้วจำนวนผู้คนในแสนคนจะมีการเสียชีวิตจากอาการไอกรน 76 คนต่อปี และส่วนมากมักเป็นเด็กที่อายุไม่ถึง 3 ขวบ

อาการของการไอกรนในเด็กเล็ก

อาการไอกรนนั้นแทบจะไม่ต่างอะไรเลยกับอาการเป็นหวัดจึงทำให้แยกได้ยากมากๆ ว่านี่คืออาการของการไอกรนหรือหวัดทั่วไป โดยอาการจำแนกได้ดังนี้

และยิ่งในกรณีที่เป็นเด็กเล็กอายุตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 3 ขวบอาจมีภาวะแทรกซ้อนตามมาได้อาทิ อาการ

วิธีรักษาโรคไอกรน

หากลูกน้อยถูกคุณหมอวินิจฉัยแล้วว่าเป็นโรคไอกรนแล้วแน่ๆ การรักษานั้นจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการที่เกิดขึ้นว่าไแขั้นไหนเพราะการรักษานั้นต้องรักษาตามอาการที่เกิดขึ้นกับเด็กแต่ละคน ซึ่งแต่ละอาการนั้นจะสามารถรักษาได้ตามนี้

วิธีป้องกันโรคไอกรน

การป้องกันก่อนที่ลูกเราจะมีอาการหรือติดโรคไอกรน คือการฉีดวัคซีนให้ตั้งแต่ช่วงยังเล็ดซึ่งการฉีดวัคซีนั้นจะมีด้วยกันทั้ง หมด 5 เข็ม สามารถฉีดได้ตามตารางอายุดังนี้

ซึ่งตัววัคซีนสามารถฉีดกระตุ้นได้ทุกๆ 10 ปี ในเวลาเดียวกันแม้แต่คุณพ่อคุณแม่หรือบุคคลในบ้านหากมีโอกาสก็อยากให้ฉีดเช่นกันเพราะบางครั้งแม้เด็กๆ ในบ้านจะไม่ได้เป็นแต่ผู้ใหญ่ก็อาจเป็นตัวนำเชื้อมาสู่พวกเขาได้ อย่างไรสุขภาพที่ดีคือสิ่งที่ทุกคนต้องมี เพราะฉะนั้น หากมีโอกาส อย่าลืมไปฉีดป้องกัน กันไว้ด้วยนะคะ

ที่มา : thaichildcare , pobpad , sikarinrama