fbpx

HIGHLIGHT UPDATE: ข่าวรอบวันประจำวันที่ 30 มีนาคม 2563

Writer : Mneeose
: 30 มีนาคม 2563

“เทสโก้ โลตัส” ให้ผู้สูงอายุและบุคลากร ทางการแพทย์ช้อปก่อนช่วง 8-9 โมงเช้า

เทสโก้ โลตัส ไฮเปอร์มาร์เก็ต ทุกสาขาทั่วประเทศ เปิดช่วงเวลาพิเศษ (Priority Hour) ตั้งแต่เวลา 8.00 – 9.00 น. วันจันทร์ถึงวันศุกร์ สำหรับผู้สูงอายุ บุคลากรทางการแพทย์ ผู้พิการ และสตรีมีครรภ์ เพื่อเว้นระยะห่างที่ปลอดภัยและอำนวยความสะดวกให้กับกลุ่มลูกค้าพิเศษได้ซื้อสินค้าก่อน

นอกจากนั้น ยังเปิดช่องทางชำระเงินพิเศษ (Priority Lane) สำหรับลูกค้ากลุ่มพิเศษตลอดทั้งวันอีกด้วย ตั้งแต่ 30 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป

อ้างอิงจาก : https://bit.ly/2JrZ98C

 

วิกฤตโควิด-19 ทำเศรษฐกิจไทยเลวร้ายสุด นับแต่วิกฤตต้มยำกุ้ง 2540

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดเศรษฐกิจไทยปีนี้ จะหดตัว 5.3% ในปี 2563 จากเดิมที่คาดว่าขยายตัว 2.8% ก่อนจะกลับมาขยายตัวที่ 3% ในปี 2564 นับเป็นอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เลวร้ายที่สุดนับแต่วิกฤตเศรษฐกิจของไทยและเอเชียเมื่อปี 2540-2541

เนื่องจาก สถานการณ์โรคระบาดไวรัส โควิด-19 กระทบไปทั่วโลกรวมถึงไทยในทุกๆ ด้าน โดยเฉพาะภาคการส่งออกและการท่องเที่ยว

โดยคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะหดตัวราว60% ในปีนี้ และเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าทั่วโลกจะชะลอตัวแรง หรืออาจถึงขั้นหดตัวในหลายประเทศ คาดว่าตัวเลขการส่งออกของไทยปีนี้จะหดตัว 8.8% จากเดิมคาดว่าขยายตัว 0.2%

สิ่งที่จะต้องจับตาคือ วิกฤตนี้จะสิ้นสุดลงเมื่อใด หากว่าสามารถจบภายในปีนี้ได้ เศรษฐกิจไทยในปีหน้าก็อาจจะเป็นเติบโตในแดนบวกได้ แต่หากว่าระยะเวลาเนิ่นนานไปถึงสองปี อาจจะทำให้ภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ ไม่สามารถรับมือกับแรงกดดันทางเศรษฐกิจทำให้อัตราการเติบโตติดลบต่อไปอีก

อ้างอิงจาก : https://www.bbc.com/thai/thailand-52035524

 

จมูกไม่ได้กลิ่น อาจเป็นโควิด-19 แบบไม่แสดงอาการ

คณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโสต ศอ นาสิกวิทยาของสหราชอาณาจักรออกมาเตือนว่า คนที่จมูกสูญเสียความสามารถในการรับกลิ่นอย่างฉับพลัน ทั้งที่ไม่ได้มีน้ำมูกไหล เป็นภูมิแพ้ หรือไซนัสอักเสบอยู่แล้วนั้น น่าสงสัยว่าอาจติดเชื้อไวรัสโรคโควิด- 19 แบบไม่แสดงอาการ ซึ่งคนเหล่านี้จะเป็นพาหะแอบแฝงที่นำเชื้อโรคไปแพร่กระจายต่อได้

กรณีผู้ติดเชื้อที่จู่ ๆ จมูกไม่ได้กลิ่นและไม่สามารถรับรสอาหารได้อย่างฉับพลัน แต่กลับไม่แสดงอาการอื่น ๆ ของโรคโควิด-19 ออกมา โดยไม่เป็นไข้ ไม่มีอาการไอหรือหายใจลำบาก

อ้างอิงจาก : https://www.bbc.com/thai/features-52001970

 

คนลงทะเบียน ‘เราไม่ทิ้งกัน’ พุ่ง18.7ล้านคน คาด 4 เม.ย.แจ้งชื่อคนได้สิทธิ์

นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.)​ โฆษกกระทรวงการคลัง ได้ออกมา​เปิดเผยยอดคนลงทะเบียนผ่าน​ www.เราไม่ทิ้งกัน.com​ เพื่อขอรับเงินเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 จากรัฐบาล​ว่า ​มียอดลงทะเบียนถึง 18.7 ล้านคนแล้ว

ทั้งนี้​ กระทรวงการคลังจะเริ่มตรวจสอบสิทธิ์ของผู้ลงทะเบียนให้แล้วและจะทยอยประกาศในวันเสาร์ที่​ 4 เม.ย.นี้​ สำหรับการลงทะเบียนนั้น​ เรายังเปิดไปจนกว่าจะแน่ใจว่าไม่มีคนลงทะเบียนอีก​

สำหรับคุณสมบัติของคนที่จะได้รับเงินเยียวยา จากมาตรการดังกล่าว มีดังนี้

  • สัญชาติไทย อายุ 18 ปี ขึ้นไป
  • ไม่มีสถานะนักเรียนหรือนักศึกษา ณ วันลงทะเบียน
  • ไม่เป็นข้าราชการ
  • ไม่เป็นอาชีพเกษตรกรรม
  • ต้องเป็นผู้มีงานทำ
  • ต้องเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบโควิด-19​
  • ต้องไม่เป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 ซึ่งไม่ได้รับการดูแลหรือเยียวยาจากระบบประกันสังคม

ทั้งนี้ผู้มีสิทธิ์จะได้รับเงินเยียวยาจากรัฐบาลเป็นเงิน​เดือนละ​ 5 พันบาทระยะเวลา​ 3 เดือน​ ผ่านบัญชีธนาคาร หรือพร้อมเพย์ที่ผูกกับบัตรประชาชน

อ้างอิงจาก : https://bit.ly/39vysdu

 

หมอแนะ ใส่แมส คู่ Face Shield ช่วยป้องกันไวรัสโควิด-19

นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Yong Poovorawan แนะนำการใช้ face shield ในการป้องกันการระบาดของไวรัสโควิด-19 ว่า

โควิด-19 กับการควบคุมการระบาด กับหน้ากากคลุมหน้า face shield เราได้บทเรียนจากจีน ในการควบคุมการระบาดได้เป็นอย่างดี ตั้งแต่รณรงค์ให้ทุกคนใส่หน้ากากอนามัย เก็บตัวอยู่ในบ้าน ตัดขาดจากสังคม ไม่มีการรวมกลุ่มคนเป็นกลุ่มก้อน

สำหรับ หน้ากากคลุมหน้า face shield เราจะให้บุคลากรทางการแพทย์ และจะต้องใส่ทั้งหน้ากากอนามัย โดยเฉพาะ N95 แว่นตา goggle เพื่อป้องกันการติดโรคให้สมบูรณ์ ในคนปกติ ที่มีข่าวออกมาให้ใส่หน้ากากคลุมหน้า face shield แทนการใส่หน้ากากอนามัย จึงไม่เป็นอันสมควร เพราะยังมีช่องเข้าสู่จมูกและปาก และหน้าตา

แต่ถ้าใครจะใส่หน้ากากอนามัย และคลุมด้วยหน้ากากคลุมหน้า face shield ในคนปกติก็ไม่ว่ากัน หน้ากากคลุมหน้าที่ใช้พลาสติกบางใส ๆ อ่อนไปอ่อนมาจะยิ่งลดความปลอดภัยลงอีก แต่ต้องไม่ลืมว่าจะต้องใส่หน้ากากอนามัยด้วย

อ้างอิงจาก : https://bit.ly/2wQFGM3

Writer Profile : Mneeose

💙💙💙

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save