เมื่อวันที่ 25 มีนาคม นายกรัฐมนตรีได้ประกาศข้อกำหนดในสถานการ์ฉุกเฉินว่าหากเลี่ยงได้ไม่ควรให้คนสูงอายุ เด็กเล็กอายุไม่ถึง 5 ขวบรวมไปถึงคนที่มีโรคประจำตัวออกจากบ้านหากไม่จำเป็นเพราะในช่วงวัยดังกล่าวมีความสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้ติด COVID-19 ได้ง่ายกว่าช่วงอายุอื่นซึ่งกลุ่มที่อยู่ในความเสี่ยงจะประกอบไปด้วย
- เด็กเล็กที่มีอายุต่ำกว่า 5 ปี
- ผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 70 ปี
- กลุ่มคนมีโรคประจำตัว อาทิ โรคระบบทางเดินหายใจ, โรคเบาหวาน, โรคหัวใจ, ความดัน, ภูมิแพ้
ในสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าวจึงขอความร่วมมือให้ออกจากบ้านเท่าที่จำเป็นเช่นออกไปซื้อของ, พบแพทย์, มีธุระเร่งด่วนและจำเป็นจริงๆ ในการออกจากตัวบ้านแต่หากในกรณีมีงานที่จะต้องเข้าร่วมอย่าง งานศพ, งานแต่ง, งานไหว้บรรพบุรุษ ก็ต้องป้องกันตัวให้ดี หลีกเลี่ยงการอยู่อย่างแออัดและสัมผัสกันโดยตรง
ใรส่วนกฏเพิ่มเติมที่ควรรู้เกี่ยวกับประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน
- ไม่ควรเข้าพื้นที่เสี่ยงติดเชื้อ
- ปิดสถานที่เสี่ยงในการติดโรคต่างๆ เช่นสนามมวย, ความเด็กเล่น, สถานบันเทิง
- ปิดช่องทางการเดินทางเข้าออกประเทศ ยกเว้นคณะทูตหรือกลุ่มคนที่ต้องทำงานเกี่ยวกับการขนส่งสินค้า, ต้องมีใบรับรองแพทย์รับรองว่าร่างกายสมบูรณ์
- ห้ามทำการกักตุนสินค้าเกินจำเป็น
- ไม่ก่อการชุมนุม
- ไม่ปล่อยข่าวเท็จหรือนำเสนอข่าวไม่เป็นจริง
- รพ.เวชภัณฑ์ต้องเตรียมความพร้อมและประชาชนช่วยกันตรวจสอบการกักตัวในกรณีมีคนเข้าข่าย
- ผู้สูงอายุ, เด็กเล็ก, คนมีโรคประจำตัว ออกจากบ้านเท่าที่จำเป็นเช่นพบแพทย์
- เข้มงวดการออกวีซ่า
- ตามเส้นคมนาคมจะมีการตรวจอย่างเคร่งครัดในการสกัดกั้นผู้ป่วย
- การเดินทางไปต่างจังหวัดไปได้เท่าที่จำเป็นและจะมีการคัดกรองตามมาตรการราชการ
- งานต่างๆ เช่นไหว้บรรพบุรุษ, งานศพ, งานแต่งยังสามารถจัดได้แต่ต้องมีการป้องกันการติดโรคอย่างเคร่งครัด
อ้างอิงจาก https://news.thaipbs.or.th/content/290228, https://www.matichon.co.th/politics/news_2088617