fbpx

NEWS: โรงพยาบาลเด็กเริ่มโครงการ “เด็กแรกเกิดต้องรอด” จัดซื้ออุปกรณ์สำหรับทารกที่แม่ติดเชื้อ

Writer : Lalimay
: 16 กรกฏาคม 2564

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยขณะนี้ส่งผลกระทบต่อประชาชนทุกคนในประเทศ และ “เด็กแรกเกิด” คือกลุ่มที่ได้รับผลกระทบนี้ไม่ใช่น้อยเช่นกัน เพราะมีกลุ่มแม่อุ้มท้องที่ติดเชื้อและเจ็บท้องคลอด แต่เพื่อไม่ให้เด็กทารกแรกเกิดที่คลอดออกมานั้น ได้รับเชื้อโควิด-19 จำเป็น ต้องมีการดูแลมารดา และทารกอย่างถูกต้อง

สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินีหรือโรงพยาบาลเด็ก ซึ่งเป็นหนึ่งในด่านหน้าที่รับดูแลเด็กแรกเกิดที่ป่วยได้ริเริ่มโครงการ “เด็กแรกเกิดต้องรอด” เพื่อเตรียมสถานที่และอุปกรณ์สำหรับรองรับการดูแลทารกแรกเกิดที่มีอาการป่วยด้วยโรคโควิด-19 หรือคลอดจากมารดาที่ติดเชื้อ ด้วยการขยายเตียง ICU และ semi- ICU เพิ่มขึ้นอย่างเร่งด่วน โดยเปิดให้ประชาชนสามารถร่วมสบทบทุนได้

นายแพทย์เสรี ตู้จินดา ประธานมูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก กล่าวว่า ปัจจุบันสถิติมารดาคลอดประมาณ 400–500 รายต่อเดือน พบจำนวนมารดาที่เป็นโรคโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จาก 10 รายในเดือนพฤษภาคม เป็น 29 รายในเดือนมิถุนายน และในเพียงแค่ 11 วันแรกของเดือนกรกฎาคมนี้ พบมารดาที่ติดเชื้อแล้วถึง 16 ราย รวมพบเป็น 55 ราย

ซึ่งคุณแม่ที่เป็นโรคโควิด-19 ต้องได้รับการดูแลในห้องหรือเต็นท์ความดันลบ ทั้งก่อนคลอด ขณะคลอดและหลังคลอด รวมทั้งห้องผ่าตัดความดันลบหากจำเป็นต้องผ่าคลอด ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยจากการแพร่กระจายเชื้อสู่ทารกและบุคลากรผู้ดูแล รวมไปถึงหากพบว่าทารกติดเชื้อโควิด-19 หลังคลอด และจำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจก็ต้องอยู่ในห้องความดันลบเช่นกัน

โดยจากการระบาดเมื่อปลายปีที่แล้ว ทางโรงพยาบาลก็ได้มีการเตรียมห้องความดันลบสำหรับผู้ป่วยทารกแรกเกิดจำนวน 2 ห้อง แต่จากสถานการณ์ขณะนี้ พบว่าเตียงในห้องความดันลบที่มีอยู่ไม่พอต่อการรองรับผู้ป่วย  ในบางช่วงมีทารกต้องใช้ห้องในเวลาเดียวกันมากกว่าที่จะรองรับได้  รวมทั้งทารกที่ติดเชื้อโควิด-19 จะใช้เวลาอยู่ใน รพ.เป็นเวลานาน 10-14 วัน ทำให้ไม่สามารถรับผู้ป่วยเพิ่มได้อีก ซึ่งจะเป็นปัญหามากในอนาคตอันใกล้ 

อีกทั้ง จากจำนวนทารกแรกเกิดที่ป่วยมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว  ทางโรงพยาบาลจึงจำเป็นต้องขยายเตียง ICU และ semi- ICU เพิ่มขึ้นอย่างเร่งด่วนเพื่อสามารถให้การดูแลทารกป่วยด้วยโควิด-19 ได้ จำนวน 6-8 ราย ในเวลาเดียวกัน

ดังนั้นสำหรับผู้ที่สนใจ สามารถร่วมบริจาคเพื่อจัดซื้ออุปกรณ์ สำหรับเด็กทารกแรกเกิดที่แม่ติดเชื้อจากโควิด-19 ได้ที่ชื่อบัญชี สมทบทุนมูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก ธนาคารไทยพาณิชย์ เลขที่บัญชี 051-2-09873-5 โดยระบุ “เด็กแรกเกิดต้องรอด” (ใบเสร็จรับเงินสามารถลดหย่อนภาษีได้ 1 เท่า) โดยส่งหลักฐานการโอนเงิน พร้อมชื่อ-สกุล เบอร์โทร เพื่อรับใบเสร็จรับเงิน ที่ LINE OA: @thaichf24 หรืออีเมล thaichf24@gmail.com สอบรายละเอียดเพิ่มเติม โทร.02-354-8321 หรือ 090-663-1479

อ้างอิงจาก

https://www.sanook.com/women/178761/

 

Writer Profile : Lalimay

  • Blog :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save