fbpx

NEWS: ยูนิเซฟ เผยวิธีป้องกันตัวเองและบุตรหลานให้ปลอดภัยจาก "COVID-19"

Writer : Mneeose
: 6 มีนาคม 2563

องค์การยูนิเซฟ ได้ออกมาเผยวิธีการป้องกันตัวเองให้ปลอดภัยจาก “ไวรัสโคโรน่า หรือ COVID-19” และวิธีป้องกันหากลูก หรือสมาชิกในครอบครัวแสดงอาการขึ้น และตอบข้อสงสัยปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับการการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เพื่อต้องการให้ความรู้ที่ถูกต้อง เพื่อให้เด็ก สตรีมีครรภ์และครอบครัวได้เตรียมรับมือกับวิกฤตการณ์ในครั้งนี้ เราไปอ่านกันเลยค่ะ

เนื่องจากโควิด-19 เป็นไวรัสชนิดใหม่ที่ยังมีข้อมูลไม่มากพอถึงผลกระทบของเชื้อไวรัสชนิดนี้ที่มีต่อเด็กหรือสตรีมีครรภ์ เพราะว่ามีความเป็นไปได้ที่คนทุกช่วงวัยสามารถติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ได้ แต่จนถึงปัจจุบันนี้ก็มีรายงานการติดเชื้อโควิด-19ในเด็กเพียงไม่กี่ราย

ซึ่งหากคุณพ่อคุณแม่พบว่าลูกมีอาการของโรคโควิด-19 ควรพาไปพบแพทย์อย่างเร่งด่วน เพื่อตรวจหาสาเหตุของโรคที่แท้จริง เพราะโควิด-19 มีอาการคล้ายกับไข้หวัดใหญ่ธรรมดา เช่น มีอาการไอเบื้องต้น และหลีกเลี่ยงการไปยังสถานที่สาธารณะ (ที่ทำงาน โรงเรียน ขนส่งสาธารณะ) เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น

หากคุณหรือลูกมีไข้ ไอ หรือหายใจลำบาก ควรไปพบแพทย์ตั้งแต่เนิ่น ๆ คุณควรแจ้งผู้ให้บริการด้านสุขภาพทราบล่วงหน้าหากคุณได้เดินทางไปยังพื้นที่ที่มีรายงานการพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 หรือมีการติดต่อใกล้ชิดกับผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่เหล่านั้นและมีอาการทางระบบทางเดินหายใจ

กรณีที่ลูกของคุณไม่ได้มีอาการใด ๆ เช่น มีไข้หรือไอ และหากไม่มีการประกาศ คำเตือน หรือคำแนะนำด้านสาธารณสุขที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นทางการ ที่ส่งผลกระทบต่อโรงเรียน เด็กควรไปเรียนหนังสือตามปกติ

เราควรสอนเด็กให้ปฏิบัติตามหลักสุขอนามัยในการดูแลความสะอาดของมือและด้านทางเดินหายใจ ไม่ว่าจะเป็นที่โรงเรียนหรือสถานที่อื่น ๆ เช่นการล้างมือบ่อย ๆ โดยเฉพาะก่อนรับประทานอาหาร หลังสั่งน้ำมูก ไอ หรือจาม และเมื่อใช้ห้องน้ำ ไอหรือจามลงบนข้อพับแขนด้านในหรือบนกระดาษทิชชูแล้วทิ้งลงในถังขยะที่มีฝาปิด ตลอดจนไม่สัมผัสตา ปาก หรือจมูกของตนหากยังไม่ได้ล้างมืออย่างถูกวิธี

หากไม่มีสบู่และน้ำ ใช้เจลล้างมือที่มีปริมาณแอลกอฮอล์อย่างน้อย 70%  ล้างมือด้วยน้ำและสบู่ทุกครั้งที่เห็นว่ามือสกปรกอย่างชัดเจน

หลายคนคงสงสัยว่า การให้นมลูกขณะที่แม่ติดเชื้อไวรัสโคโรน่า ปลอดภัยหรือไม่?

ทางยูนิเซฟได้ออกมาบอกว่า การที่น้ำนมแม่ไม่ได้เป็นส่วนสำคัญในการแพร่เชื้อไวรัสทางเดินหายใจชนิดอื่น ๆ  แม่จึงสามารถให้นมลูกต่อไปได้โดยปฏิบัติตามข้อควรระวังที่จำเป็นทั้งหมด

สำหรับแม่ที่มีอาการ แต่แข็งแรงพอที่จะให้นมลูกได้ แม่จะต้องสวมหน้ากากเมื่ออยู่ใกล้ลูก (รวมถึงระหว่างให้นมลูก) ล้างมือก่อนและหลังสัมผัสกับลูก (และขณะให้นมลูก) รวมทั้งทำความสะอาด/ฆ่าเชื้อพื้นผิวที่ปนเปื้อน โดยปฏิบัติเช่นเดียวกับกรณีผู้ที่ป่วยหรือสงสัยว่าติดเชื้อโควิด-19 มีการติดต่อสัมผัสกับผู้อื่นรวมถึงเด็ก

หากแม่ป่วยเกินกว่าจะให้นมได้ ควรปั๊มนมและให้ลูกดื่มผ่านถ้วยและ/หรือช้อนที่สะอาด โดยปฏิบัติตามวิธีป้องกันการติดเชื้อแบบเดียวกันค่ะ

อ้างอิงจาก : UNICEF

Writer Profile : Mneeose

💙💙💙

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save