fbpx

NEWS : เผยข้อมูล ไฟเซอร์ฝาแดงสำหรับเด็กเล็ก เตรียมพร้อมก่อนวัคซีนถึงไทย 7 ต.ค. นี้

Writer : Phitchakon
: 6 ตุลาคม 2565

วัคซีนโควิด-19 สำหรับเด็กอายุ 6 เดือน ไม่เกิน 5 ปี มีกำหนดถึงประเทศไทยในวันที่ 7 ตุลาคมนี้ และจะเริ่มให้บริการฉีดครั้งแรกวันที่ 12 ตุลาคม ณ โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า แน่นอนว่าคุณพ่อคุณแม่หลายท่านยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับวัคซีนชนิดนี้อยู่ ซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจึงมีการออกมาให้ข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจของทุกๆ ท่าน

ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับวัคซีน 

พญ.ปิยนิตย์ ธรรมาภรณ์พิลาศ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านวัคซีนและการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค และนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรคกล่าวว่า วัคซีนไฟเซอร์ฝาแดงเข้ม ขวดแดงเข้มใช้สำหรับเด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไป และไม่ถึง 5 ปี จะเริ่มฉีดในประเทศไทยช่วงเดือนตุลาคมเป็นต้นไป 1 ขวด ฉีดได้ 10 โดสหรือ 10 คน โดสละ 0.2 มิลลิลิตร ถือเป็นปริมาณที่น้อย ฉีดจำนวน 3 เข็มด้วยกัน เข็ม 1 และ 2 ห่างกัน 3-8 สัปดาห์ (แนะนำที่ 4 สัปดาห์) และเข็ม 3 แนะนำเว้นระยะจากเข็ม 2 เป็นเวลา 8 สัปดาห์ขึ้นไป

ทางแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าควรฉีด 3 เข็ม เพราะจากการศึกษาระดับภูมิคุ้มกันเชื้อโอมิครอนพบว่า หลังฉีดครบ 3 เข็ม อย่างน้อย 7 วัน พบประสิทธิผลลดการติดเชื้อได้ประมาณ 75-80% ในขณะที่ฉีดแค่ 2 เข็ม ภูมิคุ้มกันจะไม่สูงมากนัก

ผลข้างเคียงของวัคซีน 

พญ.ปิยนิตย์ กล่าวถึงผลข้างเคียงของวัคซีนไว้ว่า มีผลข้างเคียงที่ไม่รุนแรง ส่วนใหญ่แล้วผลข้างเคียงที่พบสำหรับเข็ม 1-2 จะเป็นผลข้างเคียงทั่วไปของวัคซีน เช่น มีไข้ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ส่วนเข็มที่ 3 ไม่พบผลข้างเคียงรุนแรงแต่มีบางรายมีผื่นขึ้น หรือตัวบวมจากอาการแพ้ แต่ไม่มีรายงานอาการช็อกหรือเสียชีวิต

กลุ่มเด็กที่ควรฉีดวัคซีน 

แพทย์แนะนำเด็กทุกคนควรฉีดวัคซีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเด็กที่มีโรคประจำตัว ซึ่งถือเป็นกลุ่มเสี่ยงอาการรุนแรง ได้แก่

  • เด็กอายุน้อยกว่า 1 ปี
  • เด็กคลอดก่อนกำหนด
  • เด็กที่เป็นโรคอ้วน
  • โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง
  • โรคหัวใจและหลอดเลือด
  • โรคไตวายเรื้อรัง
  • โรคมะเร็งและภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ
  • โรคเบาหวาน
  • กลุ่มโรคพันธุกรรมต่างๆ กลุ่มอาการดาวน์ มีภาวะบกพร่องทางประสาท

ข้อควรระวัง 

หากเป็นเด็กที่มีปัญหากล้ามเนื้อหัวใจและเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบสัมพันธ์กับการฉีดวัคซีน mRNA แนะนำให้เลื่อนการฉีดวัคซีนไปก่อน

ข้อสงสัยอื่นๆ ที่น่าสนใจ 

  • จำเป็นจะต้องอัปเกรดวัคซีนตามอายุหรือไม่

เด็กที่มีอายุอยู่ในช่วงคาบเกี่ยว 4-5 ปี เช่น ฉีดวัคซีนฝาสีแดงเข้มในช่วงอายุ 4 ปี 9 เดือน และมีกำหนดฉีดเข็มที่ 2 ในช่วง 5 ปีพอดี ให้ฉีดวัคซีนฝาสีส้มได้เลย และวัคซีนโควิดสามารถฉีดร่วมกับวัคซีนพื้นฐานอื่นๆ ได้

  • หากฉีดเข็มที่ 1 แล้วติดโควิด ต้องทำอย่างไร

หากติดโควิดให้เว้นไปก่อน 3 เดือนค่อยฉีดเข็มถัดไปจนครบโดส

ทั้งนี้ การรับวัคซีนขึ้นอยู่กับดุลยพินิจและความสมัครใจของผู้ปกครอง ควรหาข้อมูลรวมทั้งปรึกษาแพทย์เพื่อประกอบการตัดสินใจอีกครั้งค่ะ หากไม่ได้ทำการฉีดวัคซีน เด็กๆ ก็ยังสามารถไปโรงเรียนได้ตามปกติ ไม่ได้ติดเงื่อนไขใดใด แต่ควรดูแลรักษาสุขภาพร่างกาย รักษาความสะอาดอยู่เสมอ เพื่อห่างไกลโรคร้ายนะคะ

อ้างอิงจาก

Writer Profile : Phitchakon

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save