Parents One

10 วิธี ทำอย่างไรให้เป็นแม่ที่หงุดหงิดน้อยลงและมีความสุขกับการเป็นแม่มากขึ้น

เคยรู้สึกไหมว่าการเลี้ยงลูกนี่มันเหนื่อยมากเลยนะ เห็นอยู่บ้านเลี้ยงลูกสบายๆ ที่จริงแล้วเราไม่ได้ดูว่างหรือสบายขนาดนั้น ตั้งแต่เช้ายันเย็น กว่าจะได้กินข้าวมื้อแรกก็ฟ้ามืด และรู้ตัวเลยว่าพอไม่ได้พักผ่อนนานๆ เข้าก็จะรู้สึกเหนื่อย พอเหนื่อยก็จะรู้สึกหงุดหงิดง่าย เวลาลูกทำอะไรผิดนิดหน่อยก็เอาอารมณ์หงุดหงิดไปลงที่ลูกให้ตัวเองรู้สึกผิดขึ้นไปอีก เป็นแม่ไม่ใช่เรื่องง่าย มันมีความเครียดอยู่ในนั้นเยอะ วันนี้เรามาดูกันดีกว่าว่ามีวิธีอะไรบ้างที่จะทำให้เราเป็นแม่ที่เหนื่อยน้อยลงและมีความสุขมากขึ้นในการเลี้ยงลูกกันค่ะ

1. หาเวลาพัก

เคยไหมคะที่หงุดหงิดเพราะนอนน้อย หาเวลานอนเลยค่ะ ถ้าฝากลูกกับใครไม่ได้ก็นอนไปพร้อมกับลูกเลย ทิ้งงานบ้านไว้ก่อน เพราะร่างกายของเราต้องการการพักผ่อนเช่นกัน สามีบ่นว่าทำไมบ้านยังรกก็ไม่เป็นไรค่ะ เราเอาร่างกายของเราไว้ก่อน นอนพักบ้าง จะได้ไม่หงุดหงิดใส่ลูกง่ายขึ้นนะคะ

 

2. หาต้นเหตุของอารมณ์หงุดหงิด

ก่อนจะหงุดหงิดน้อยลงและมีความสุขมากขึ้นในการเลี้ยงลูก เราคงต้องมาหาสาเหตุแห่งความหงุดหงิดทั้งมวลกันก่อนว่าเกิดจากอะไร เมื่อไหร่ที่เรารู้ว่าทำไมเราถึงหงุดหงิด เราก็จะสามารถแก้ความหงุดหงิดได้ตรงจุดมากขึ้นค่ะ

 

3. หยุดความคาดหวังว่าใครจะมาช่วยเลี้ยงลูก

ขึ้นชื่อว่าคาดหวังแล้ว มันมักจะตามมาด้วยความทุกข์และความผิดหวังค่ะ การคาดหวังให้คนอื่นมาทำอะไรเพื่อเราเป็นสิ่งที่คอนโทลไม่ได้ ขนาดตัวเราเองบางทียังคอนโทลตัวเองไม่ได้เลย ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนดีที่สุด หยุดคาดหวังแล้วตัวเราจะมีความสุขมากขึ้นได้เองค่ะ

 

4. ทำอะไรเพื่อตัวเองบ้าง

ทำอะไรเพื่อตัวเองในที่นี้อาจจะไม่ต้องถึงขนาดฝากลูกแล้วตัวเองไปเที่ยวไกลๆ สักอาทิตย์อะไรขนาดนั้น แต่อาจจะเป็นสิ่งเล็กน้อยที่เรารู้สึกว่าได้ทำให้เพื่อตัวเอง เช่น อาจจะฝากลูกไว้กับพ่อสักชั่วโมง (ให้รู้บ้างว่าเลี้ยงลูกมันเหนื่อยนะ 555) แล้วตัวเองไปทำผม ออกไปซุปเปอร์ซื้อของ หรืออะไรก็ได้ที่ตัวเองอยากจะทำเพื่อเป็นการพักผ่อน แค่นี้ก็ช่วยเติมพลังให้คนเป็นแม่ได้แล้วค่ะ

 

5. คิดไว้เสมอว่า แม่ที่เพอร์เฟคในโลกนี้นั้นไม่มีอยู่จริง

การที่เราพยายามที่จะเป็นแม่ที่สมบูรณ์แบบไปหมดทุกอย่าง จะเป็นการสร้างความเครียดและความกดดันให้ตัวเองเปล่าๆ ลองมาคิดในอีกแง่มุมนึงกันดีกว่าว่า เราเองก็เพิ่งจะเป็นแม่พร้อมกับลูกที่เพิ่งจะเกิดมาบนโลกนี้ไม่นานเอง สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น ทั้งเราและลูกก็ต่างเรียนรู้ไปพร้อมกัน ไม่มีอะไรที่ดีที่สุดหรือสมบูรณ์ที่สุดในโลกนี้หรอก

 

6. เข้าใจในธรรมชาติของลูก

ฟังดูอาจจะเป็นเรื่องที่ทำยากเวลาอารมณ์หงุดหงิดกำลังประทุ แต่อยากให้ลองมองลูกในแบบที่เขาเป็น ในวัยและธรรมชาติของเขา จะช่วยให้เราเข้าใจเขา และหงุดหงิดใส่เขาน้อยลงด้วยนะคะ

 

7. เข้าใจในธรรมชาติของสามีเช่นกัน

อันนี้อาจจะยากกว่าการเข้าใจลูกด้วยซ้ำ แต่อยากให้ลองมองผ่านเรื่องเล็กน้อยไปบ้าง โฟกัสแต่เรื่องดีๆ ของกันและกัน และเข้าใจในความเป็นตัวเขาที่เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ไม่ว่าจะแต่งงานหรือมีลูกกันแล้วก็ตาม ลองดูนะคะแล้วเชื่อเถอะค่ะว่าเมื่อไหร่ที่เราทำได้ เราจะรักสามีคนนี้ขึ้นอีกเยอะเลยค่ะ

 

8. ขอบคุณหลายสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิต

บางครั้งเราก็ปล่อยชีวิตให้ผ่านเลยไปโดยลืมมองเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่เราควรจะขอบคุณในแต่ละวัน การหยุดมองในรายละเอียดของชีวิตและขอบคุณสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้น ช่วยให้เราเห็นคุณค่า เห็นความโชคดีของชีวิตที่เรามีอยู่มากขึ้นค่ะ

 

9. ใช้ชีวิตอย่างค่อยเป็นค่อยไป

ลองตั้งเป้าหมายในแต่ละวันอย่างละนิดละหน่อย พยายามอย่าตั้งอะไรที่เยอะหรือมากมายจนเกินไปจนถ้าทำไม่ได้แล้วจะรู้สึกหงุดหงิดใจตัวเอง ลองเรียงลำดับความสำคัญก่อนหลังดู อาจจะตั้งเป้าว่าวันนี้เราจะทำสัก 3 อย่างให้เสร็จ แล้วที่เหลือก็ทำให้เสร็จในวันต่อไป จะช่วยลดความเครียดลงได้นะคะ

 

10. พาลูกไปเที่ยวกัน

การพาลูกเที่ยวจะช่วยเยียวยาใจของคนเป็นแม่ได้ดีงามที่สุดค่ะ ถ้าไม่มีใครพาไปเที่ยว กระเตงลูกไปกันเองเลยค่ะ ถึงการพาลูกเที่ยวจะเหนื่อยและหนักสำหรับคนเป็นแม่ แต่มันก็เป็นการออกเดินทางที่เป็นความเหนื่อยที่มีความสุข แถมได้ความทรงจำดีๆ กลับบ้านมาอีกตั้งเยอะ จริงไหมคะ