fbpx

6 ข้อแนะนำในการดู YouTube กับลูกอย่างไรให้ปลอดภัยจากคลิปที่ไม่เหมาะสมกับเด็ก

Writer : Mneeose
: 13 มกราคม 2563

การดูแอปพลิเคชัน YouTube ของเด็กยุคเจนอัลฟ่า ถือเป็นเรื่องปกติมากค่ะ เพราะพวกเขาต่างโตมาพร้อมกับเทคโนโลยีที่แสนทันสมัย แถมถ้าเราไม่ให้ดูจะยิ่งอาละวาดกันยกใหญ่ คุณพ่อคุณแม่จึงต้องตัดปัญหานี้ โดยการให้เด็กๆ ได้ดูสิ่งต่างๆ ที่อยู่ใน YouTube แต่ก็อย่าลืมว่าในแอปมีทั้งสิ่งที่มีประโยชน์ เหมาะสมกับเด็ก และไม่เหมาะสมกับเด็กด้วยเช่นกัน

Parents One จึงขอเสนอ 6 ข้อแนะนำในการดู YouTube กับลูกอย่างไรให้ปลอดภัยจากคลิปที่ไม่เหมาะสมกับเด็ก ถ้าทำตามนี้ รับรอง!! ปลอดภัยแน่นอนค่ะ

1. ไม่ปล่อยให้ลูกดูคลิปคนเดียว

คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรให้ลูกดูสื่อออน์ไลน์คนเดียว หรือดูในสถานที่ลับตาคน เพราะลูกอาจเปิดคลิปที่ไม่เหมาะสมสำหรับเด็กดูก็เป็นได้ เมื่อห้ามลูกไม่ให้ดู YouTube ไม่ได้ เราก็ควรนั่งดู  คลิปอยู่ข้างๆ เจ้าตัวเล็กด้วย คอยให้คำแนะนำ และตอบคำถามต่างๆ แก่เขา ให้เขาเกิดความรู้สึกไว้ใจว่าพ่อแม่นั้นเป็นก็เป็นเพื่อนที่สามารถเข้าใจเขาว่าชอบดูอะไร ไม่ชอบดูอะไร สนุกและหัวเราะไปกับคลิปต่างๆ ด้วยพร้อมกัน

แต่อย่าให้ลูกดูคลิปจนเพลินนะคะ เราต้องกำหนดเวลาดูให้ชัดเจน เพื่อให้ลูกรู้ว่าเวลาใดควรดูคลิป และเวลาใดควรเลิกดูนั่นเอง ถือเป็นการจัดตารางเวลาการเล่นและการเรียนให้สมดุลก็ได้เช่นกัน

 

2. เปิดโหมดความปลอดภัยบน Youtube

การเปิดโหมดความปลอดภัยเป็นวิธีที่ง่าย และเหมาะกับเจ้าตัวเล็กที่ชอบเล่นซน แอบเปิด YouTube ของคุณพ่อคุณแม่ แล้วเข้าไปดูคลิปต่างๆ เราไปดูกันเลยค่ะว่าต้องทำอย่างไรบ้าง

เพียงเท่านี้ YouTube ก็จะคัดคลิปต่างๆ ที่ไม่เหมาะสมออกไปให้เราแล้วค่ะ ง่ายๆ เลยใช่มั้ยล่ะ คุณพ่อคุณแม่อย่าลืมไปลองทำตามกันนะคะ

 

3. ‘YouTube Kids’ แอปดีๆ สำหรับเด็ก

YouTube Kids เป็นแอปยอดฮิตที่สร้างมาสำหรับเด็กๆ โดยเฉพาะ เพราะสามารถบล็อกเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมสำหรับเด็กได้ คุณพ่อคุณแม่หลายท่านจึงต้องโหลด YouTube Kids มาไว้ติดเครื่องประจำนั่นเอง โดยเนื้อหาส่วนมากจะเป็นการ์ตูน และคลิปน่ารักๆ ต่างๆ ที่เหมาะสำหรับการเรียนรู้ของกเด็กๆ แน่นอน

นอกจากนี้แอป YouTube Kids ยังสามารถจำกัดเวลาในการดูได้อีกด้วย เมื่อหมดเวลาที่คุณพ่อคุณแม่กำหนดไว้ แอปก็จะขึ้นแจ้งเตือนให้เด็กๆ รู้ตัว และเริ่มระงับการเล่นคลิปต่างๆ ทันที ความพิเศษอีกอย่าง คือ การที่สามารถแบ่งโปรไฟล์ได้ตามช่วงอายุของเด็กแต่ละคนได้อีกด้วย เช่น คุณพ่อคุณแม่มีลูก 3 คน ก็สามารถเพิ่มโปรไฟล์ของลูกทุกคนได้ตามช่วงอายุ ทำให้เราแบ่งเนื้อหาคลิปตามอายุได้สบายๆ เลยค่ะ

 

4. ‘บันทึกออฟไลน์’ เก็บคลิปไว้ในเครื่องแบบง่ายๆ

ดาวน์โหลดคลิปจาก YouTube แบบออฟไลน์มาเก็บไว้ในเครื่องได้แบบง่ายๆ เพื่อให้ลูกได้ดูในสิ่งต่างๆ ที่คุณพ่อคุณแม่เป็นคนเลือกโดยการกดไปที่ ‘บันทึกออฟไลน์’ ในแอป YouTube เพื่อเป็นการโหลดคลิปต่างๆ มาเก็บไว้ในเครื่อง นอกจากนี้ยังสามารถเล่นคลิปได้โดยไม่ต้องเปิดอินเทอร์เน็ตได้อีกด้วย

 

5. บอกวิธีรับมือเมื่อมีคลิปที่ไม่เหมาะสมขึ้นมาให้ลูกดู

พูดคุยกันแบบเปิดใจกับลูก เมื่อมีคลิปที่ไม่เหมาะสมขึ้นมา โดยการค่อยๆ บอกกับลูกให้เข้าใจว่ามันยังไม่ถึงเวลาที่ลูกต้องดู และไม่มีความจำเป็นอะไรที่ลูกต้องดูคลิปพวกนี้ ค่อยๆ พูดกับลูกให้เข้าใจ รวมทั้งเปิดโอกาสให้ลูกได้ถาม เมื่อมีข้อสงสัย

กฎเหล็ก คือ ห้ามพูดว่า ‘ห้ามดู’ เด็ดขาด เพราะเด็กในวัยนี้เป็นวัยอยากรู้อยากลอง เหมือนที่เขาบอกกันว่า ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ นั่นเอง

 

6. บอกลูกถึงข้อดี และข้อเสียของการดู YouTube ให้ลูกเข้าใจ

เหรียญย่อมมี 2 ด้านเสมอ เมื่อมีข้อดีก็ย่อมมีข้อเสียบ้างเป็นธรรมดา

ข้อแนะนำข้อสุดท้ายที่ควรบอกลูกก่อนให้เขาเล่นแอปต่างๆ นั่นคือ การบอกถึงข้อดี และข้อเสียของการดู YouTube ให้ลูกเข้าใจ เช่น

ข้อดีของ YouTube – คลิปที่ลูกดูนอกจากความสนุก และบันเทิง ยังสอดแทรกเคล็ดลับต่างๆ ที่มีประโยชน์ให้ลูกดูและซึมซับอย่างไม่รู้ตัวด้วย

ข้อเสียของ YouTube – การดูคลิปนานๆ ไม่จำกัดเวลา จะทำให้เราเปลืองเวลาชีวิตมากๆ เลย และยังทำให้สายตาของลูกเสื่อมเร็วอีกด้วยนะ

เพราะฉะนั้น แอป YouTube จึงกำหนดช่วงอายุของเด็กให้มากกว่า 13 ปี ถึงจะเริ่มเล่นหรือดูคลิปต่างๆ ในแอปได้ ถือเป็นการป้องกันก่อนแก้ที่ดีอีกวิธีหนึ่ง การดู YouTube สำหรับเด็ก จึงไม่ใช่เรื่องผิด หรือร้ายแรงอะไรมาก หากคุณพ่อคุณแม่สามารถกำหนดเวลาและจัดเวลาในชีวิตของลูกได้อย่างสมดุล และลูกเข้าใจ ไม่งอแง รวมทั้งไม่ทำให้เจ้าตัวเล็กติดโทรศัพท์มือถือจนไม่สนใจสิ่งรอบข้างเกินไปนั่นเองค่ะ

สนับสนุนโดย : กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์

Writer Profile : Mneeose

💙💙💙

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save