fbpx

7 หนังสือที่ไม่เหมาะสำหรับเด็กเล็ก

Writer : OttChan
: 15 กันยายน 2563

การเลือกหนังสือให้ลูกอ่านนอกจากจะมีภาพและสีสันที่น่าสนใจแล้ว กับเนื้อหาในเล่มเองก็นับว่าเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญค่ะ ไม่ว่าจะเป็นความสนุกของเนื้อเรื่อง ข้อคิดสอนใจรึแม้แต่การปลูกฝังความคิดที่ดีให้เขาเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ แต่ทว่าในบางครั้งหนังสือหลายเล่มก็อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้ว่าเหมาะกับเด็กเล็กด้วยความสวยงามของหน้าปกรวมไปถึงเรื่องย่อที่ไม่ได้อธิบายไว้อย่างละเอียดว่ามีความสะเทือนใจเกิดขึ้นในเรื่อง วันนี้เราจึงจะมาแนะนำหนังสือที่ ไม่เหมาะจะให้เด็กเล็กอ่านกันค่ะว่ามีเรื่องไหนบ้าง ไปดูกันเลย

อยากให้เรื่องนี้ไม่มีโชคร้าย

เป็นหนังสือนวนิยายแนวสืบสวน, ผจญภัยที่ถูกนำไปทำบทภาพยนตร์หรือละครทีวีซีรี่ส์ให้ได้เห็นบ้าง นับได้ว่าเป็นหนังสือที่ได้ความสนุกและความเพลิดเพลินอย่างมากแต่ก็ยังไม่เหมาะที่จะให้เด็กเล็กๆ ได้อ่านเพราะมีเนื้อหาบางส่วนนั้นแฝงไปด้วยความรุนแรงและการกระทำหลายๆ อย่างที่อาจส่งผลให้เด็กเลียนแบบหรือละเล่นตามจนอาจก่อให้เกิดอันตรายและการสูญเสียได้

เช่นนั้นแล้ว เรื่องนี้ควรรอให้ลูกของเราโตจนรู้เรื่องเสียก่อนแล้วค่อยให้อ่านค่ะ

นิทานกริมม์

เมื่อขึ้นชื่อว่านิทาน คุณพ่อคุณแม่ก็คงมีความไว้วางใจไม่มากก็น้อยกับเรื่องราวที่ถูกเขียนในเล่มแต่สำหรับนิทานที่ถูกเขียนด้วยพี่น้องตระกูลกริมม์แล้ว จะแตกต่างออกไปมากจากที่คิดไว้เพราะนิทานกริมม์จะเต็มไปด้วยเรื่องราวอัศจรรย์ที่แสนน่ากลัว ไม่ว่าจะเป็นการไล่ล่าที่มีการเสียเลือดเสียเนื้อ การตัดชิ้นส่วนร่างกายและเอามาพูดกันเป็นเรื่องปกติภายในรูปเล่มอาจก่อให้เกิดการลอกเลียนแบบและส่งผลต่อความคิดหรือภาพจำในวัยเด็กได้ เช่นนั้นแล้วสำหรับหนังสือเล่มนี้ยังเร็วเกินไปที่เด็กเล็กจะได้อ่าน

 

Little ZiZi

หนังสือที่ว่าด้วยการเล่าชีวิตของเด็กชายที่มีเจ้าช้างน้อยที่ขนาดเล็กกว่าคนอื่นจึงทำให้ถูกรังแก แม้สุดท้ายตอนจบของเรื่องเด็กชายจะได้รับการเลือกหรือยอมรับจากเด็กหญิงที่เขาชอบแต่ในตัวเรื่องนั้นกลับแฝงเนื้อหาที่ไม่ควรให้เด็กไว้อ่านอยู่หลายประเด็นไม่ว่าจะเป็นการล้อเลียน สร้างปมด้อยในความรู้สึกของเด็ก ทั้งยังมีเรื่องของการพูดถึงรูปลักษณ์ต่างๆ ที่ไม่สมควรจะเอ่ยหรือกล่าวถึงอีกด้วย เช่นการเทียบว่าขนาดแค่นี้อย่าว่าแต่สร้างเด็ก 10 คนเลย ฉี่ยังไม่ได้

ซึ่งการกล่าวเช่นนี้ทำให้เด็กที่มาอ่านเกิดการสูญเสียความมั่นใจได้

 

Little Monkey’s BIG peeing Circus

เป็นเรื่องราวของลิงเด็กชายและลิงเด็กหญิงที่พูดคุยกันถึงการมีอวัยวะเพศที่แตกต่างกันเลยทำให้แข่งกันฉี่แล้วลิงผู้ชายจึงชนะ เด็กชายลิงจึงพยายามช่วยตามหาอวัยวะเพศชายให้เด็กหญิงลิงมีแบบตนซึ่งในตอนท้ายจึงค่อยมาเฉลยในตอนหลังว่าจะมีอวัยวะเพศแบบใดก็สามารถฉี่ได้ระยะไกลเช่นกัน คล้ายการสอนถึงความเท่าเทียมทางเพศ

ในส่วนของจุดประสงค์ที่สอนนั้นดูเป็นเรื่องที่ดีแต่มันก็ยังคงทำความเข้าใจได้ยากเกินไปสำหรับเด็กเล็กๆ และอาจลามไปถึงการเลียนแบบของการเปิดเผยอวัยวะเพศของตนให้ผู้อื่นดูได้ ดังนั้นจึงอาจต้องรอให้ลูกโตจนเป็นวัยรุ่นเสียก่อนจึงให้อ่านได้

 

Struwwelpeter 

เป็นนิทานภาพประกอบของเยอรมันที่มีเนื้อหาสอนใจรุนแรงพร้อมทั้งภาพเองก็มีความน่ากลัวเกินกว่าเด็กวัยเล็กๆ จะทำความเข้าใจได้ว่าเนื้อหาจริงที่ต้องการสื่อถึงเรื่องอะไร อาทิ การพูดถึงเด็กน้อยที่ไม่ยอมทานอาหาร จุดจบคือผอมแห้งเหี่ยวจนเสียชีวิต, จุดไม้ขีดไฟเล่นจนไฟลุกท่วมตัวและเสียชีวิต อ่านแล้วดูน่ากลัวอยู่ใช่ไหมคะ ทุกอย่างในเนื้อหานิทานของหนังสือเล่มนี้ ล้วนเป็นการสอนใจที่ใช้ความรุนแรงและการสูญเสียเข้ามาเกี่ยวข้องมากมาย ดังนั้นแล้วหากจะใช้หนังสือเล่มนี้สอนให้ลูกหลานอยู่ในระเบียบก็อาจจะโหดร้ายเกินไปได้คงต้องรอให้ลูกของเราโตกว่านี้จึงสามารถอ่านได้

 

ไดอารี่ของเด็กไม่เอาถ่าน 

เป็นชุดหนังสือหลายเล่มที่มีรูปปกสวย, น่าสะสมและภาพประกอบที่ดูเรียบง่ายน่ารักซึ่งเรื่องราวนั้นก็เหมือนการบันทึกความทรงจำของตัวละครหลักในเรื่องเกี่ยวกับชีวิตในวัยเรียน แต่ทว่าเนื้อหาที่ได้ทำการบันทึกนั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างเหมาะสำหรับเด็กโตมากกว่าไม่ว่าจะเป็นการใช้ถ้อยคำ, เนื้อหาที่เหมาะกับเด็กที่อายุ 10 ปีขึ้นได้แล้ว ดังนั้นอาจจะเกิดความไม่เข้าใจและสื่อความหมายผิดไปได้หลายๆ ครั้ง ดังนั้นการรอให้เด็กน้อยของเราเริ่มเข้าสู่วัยรุ่นแล้วค่อยเลือกสรรให้อ่านจึงน่าจะเป็นประโยชน์และเสริมสร้างจินตนาการได้มากกว่า

 

My beautiful mommy

เด็กๆ ทุกคนย่อมเห็นว่าคุณแม่ของตนเองสวยที่สุดและไม่ได้ต้องการให้เปลี่ยนแปลงอะไร ซึ่งตัวหนังสือนี้สามารถเป็นสื่อการสอนเกี่ยวกับการศัลยกรรมได้เป็นอย่างดี ช่วยให้ลูกๆ รับมือได้เมื่อคุณพ่อหรือคุณแม่ต้องการที่จะศัลยกรรมแต่ทว่า ข้อคิดที่จะได้รับจากเรื่องนี้มันอาจทำให้สิ่งที่เด็กๆ รับรู้บิดเบี้ยวได้เช่น ทำเท่าไหร่ก็ยังสวยไม่พอ ต้องทำเข้าไปอีก, ไม่พอใจกับรูปร่างที่มีจนหมกมุ่นเกินไปกับการเปลี่ยนแปลงตนเอง

ดังนั้น หนังสือเล่มนี้จึงเหมาะที่จะให้ลองได้อ่านหรือทำความเข้าใจตอนที่โตอีกสักหน่อยหรืออยู่ในวัยที่ต้องการเสริมสวยแล้วน่าจะเป็นประโยชน์และเข้าใจเนื้อหาได้ดีกว่าวัยเด็กค่ะ

สนับสนุนโดย : กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์

ที่มา : dek-d, tha.thefunkonme, trueid.netalbertpotjes

 

Writer Profile : OttChan

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



ลูกชอบพูดแทรก จะแก้อย่างไร
ชีวิตครอบครัว
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save