หลายคนคงรู้จัก เอ้ก บุษกร หงษ์มานพ ในฐานะนักแสดงสาวสวย ซึ่งโด่งดังมาจากรายการ Strawberry Cheesecake จนปัจจุบันเธอแต่งงานกับ กัปตัน ภูธเนศ และมีลูกชายที่น่ารักอย่าง “น้องดิน” เราลองมาคุยกับเอ้กว่าในวันที่ได้เป็นคุณแม่แล้วชีวิตของเธอมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปบ้าง
ทำไมถึงอยากมีลูก
มันก็เป็นการคุยกันว่าพอถึงจุดๆ ชีวิตเราความสุขจะอยู่ที่ตรงไหน ซึ่งเราไม่ได้อยากจะให้มีคนมาดูแลเราตอนแก่ แต่แค่อยากให้มีคนที่เราได้ห่วงใยเขา ได้ให้กำลังใจ ดูการเติบโต ดูความสำเร็จของเขา
มีลูกปีไก่เพราะเป็นปีมงคล
พอเราวางแผนที่จะมีลูกก็ตั้งใจเลยจะกันว่าเราจะมีปีไหนให้มันดี ซึ่งก็มีชินแสดูว่าปีนี้ดีนะเป็นปีไก่ แล้วช่วงนั้นเป็นช่วงที่เรายังไม่ได้แต่งงานเลย เรียกได้ว่าทุกอย่างมันกระชั้นชิดมาก พอแต่งงานเสร็จก็คือปั๊มลูก ซึ่งเราพยายามมีลูกมาดเป็นเวลา 3 เดือน แล้วก็สำเร็จในเดือนที่ 3 พอดี
ไลฟ์สไตล์เปลี่ยนไปเยอะไหม
การมีลูกทำให้ทุกอย่างในชีวิตไม่เหมือนเดิมอีกเลย แค่จะไปทานข้าวจะพี่กัปตันสองคนแทบจะไม่มี เคยมีครั้งหนึ่งไปทานปิ้งย่าง ก็ต้องให้อาม่าไปด้วยแล้วคอยเข็นน้องดินอยู่หน้าร้าน แล้วพอน้องร้องเราก็ออกไปดู อย่างโรงหนังนี่คือไม่ได้เข้าเลย แต่เราสบายใจและเป็นสิ่งที่เราเลือกแล้ว
ซึ่งมันมีหลายจุดที่เรารู้สึกว่าอยากได้พี่เลี้ยง แต่เราก็จะไม่เอาเลยกลายเป็นสิ่งที่เราแลกแล้วคิดว่าจะได้กลับมาในช่วงชีวิตนี้
เป็นคนซุ่มซ่ามมาก
เอ้กเป็นคนซุ่มซ่ามมาก เพราะปกติเป็นคนไวชอบชนนู่นนี่ ทำให้รู้สึกว่าต้องมีสติในทุกย่างก้าว คือต้องทำอะไรช้าลง ต้องคิดว่าเราไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวแล้วนะ เพราะไม่มีใครดูแลเขาได้ดีเท่าเรา มันเป็นความรับผิดชอบของเรา
คุณพ่อทำแทนได้ทุกอย่าง
พี่กัปตันจะไม่ได้มีเวลาอ่านหนังสือเลี้ยง แต่เอ้กก็จะเล่าให้เขาฟังเหมือนเราตกลงร่วมกัน เขาก็จะรู้สึกว่ามีส่วนร่วมในทุกเรื่องเลย เช่น “ลูกเราร้องให้เยอะนะ เราจะทำทุกอย่างก่อนเขาร้องจะดีไหม” ทุกวันนี้พี่กัปตันสามารถทำได้หมด อย่างเดียวที่ทำไม่ได้ก็คือเอาลูกเข้าเต้า(หัวเราะ)
คุณพ่อกัปตันแพ้ท้องแทน
มันแปลกมากเลยไม่คิดว่าผู้ชายจะแพ้ท้องได้ แต่มันเป็นจริงๆ เขาอยากกินพวกของที่เขาไม่ค่อยได้ทานอย่างพวกผลไม้ตากแห้ง ของเปรี้ยวๆหวานๆ แล้วพอมาทานแล้วก็รู้สึกว่า มันใช่เลย(หัวเราะ)อย่างเวลาไปถ่ายละครทางกองก็จะฝานมะนาวบางๆ มาให้พี่กัปตัน เพราะรู้ว่าพี่กัปตันแพ้ท้อง
หนังสือที่อยากแนะนำให้ทุกคนอ่าน
โชคดีที่เจอหนังสือดีๆ ที่อ่านแล้วเข้าใจชื่อว่า “What to Expect the First Year” กับ “Commando Dad” เป็นหนังสือที่ดีมาก ในหนังสือเขียนเป็นข้อๆ เช่น ลูกร้องต้องทำอย่างไรตามสเต็ปหนึ่ง สอง สาม สี่ ให้สำหรับให้ผู้ชายอ่าน เปรียบลูกเป็นเหมือนกองทัพที่ต้องรับมือ แล้วทำอย่างไรให้รอดจากปีแรกได้(หัวเราะ) ทำให้เราได้อ่านทุกอย่างมาก่อนแล้ว เวลาเจอจริงๆ ก็ไม่ตกใจ
อยากกลับไปรับงานแสดงในวงการบันเทิงไหม
อยากนะ แต่คิดว่ายังอยากให้เวลากับน้อง แต่ทุกเวลานี้มีเวลาเยอะมากตอนลูกหลับ(หัวเราะ) สามารถดูละครได้ทุกเรื่อง แล้วพอยิ่งดูก็ยิ่งอยากเล่น แต่เอ้กก็ต้องพยายามตัดใจ เพราะหน้าที่แม่สิ่งสำคัญก็คือลูก คิดว่าอาจต้องยอมสละช่วงชีวิตของเราไปก่อน อาจจะ 5 ปี หรือ 10 เราก็ยังไม่รู้ แต่คิดว่าจะทำสิ่งนี้ให้สำเร็จ
มองว่าการมีพี่น้องคือเรื่องพิเศษ
ถ้าเป็นไปได้อยากจะมีอีกสักคนเนอะ ให้เป็นของขวัญกับเขา เพราะเอ้กมีพี่น้อง 5 คน และมีความสุขกับการมีพี่น้องมาก พี่น้องจะเข้าใจเราเพราะเจอกันในทุกช่วงชีวิตตั้งแต่เด็กจนโต เลยรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งพิเศษ
จัดการภาวะ Baby Blue หลังคลอดอย่างไร
ตอนนั้นได้แต่ปล่อยไป แต่เราต้องเตือนคนรอบข้างว่าเนี่ยจะมีอย่างนี้นะ ต้องช่วยและต้องเขาใจเรานะ เราก็จะผ่านมันมาได้ หรือถ้าไม่อยากเลี้ยงลูก ก็หาคนอื่นมาช่วยเราแทน แต่เราก็อย่าไปฝืน เพราะเอ้กรู้สึกว่าเลือกทางเดินที่เดินแล้วเราสะดวกก็จะมีความสุข เมื่อเรามีความสุขลูกก็จะมีความสุข
คำแนะนำถึงคุณพ่อคุณแม่คนอื่นๆ
อยากให้ทุกคนมีความสุข เพราะเราก็ทำทุกอย่างด้วยตัวเอง จนเรียนได้ว่าเข้าใจหัวใจมนุษย์แม่ว่ามันเหนื่อยมาก ซึ่งถึงหนทางมันขรุขระแต่วิวรอบข้างมันสวย อย่ามัวแต่ก้มหน้าแล้วคิดว่าเมื่อไหร่ลูกจะโตๆ แต่อยากให้คิดว่ามีความสุขกับสิ่งเล็กๆ ของลูกดู เช่น ลูกเราเสียงน่ารักจังอะไรแบบนี้
เรียกได้ว่าเป็นคุณแม่สาวสวยที่แฮปปี้กับการเลี้ยงลูกคนหนึ่ง ซึ่งการคุยกับคุณเอ้กทำให้เราได้เรียนรู้ว่าการมีลูกเหมือนพัฒนาการที่เติบโตของผู้หญิงคนหนึ่ง ที่มาพร้อมกับความสุขและการเรียนรู้ค่ะ 😀
