fbpx

NEWS: โรงเรียนจีนทดลองใช้เทคโนโลยี Face Recognition เฝ้าดูพฤติกรรมนักเรียนราวสมุดพก

Writer : Lalimay
: 13 กรกฏาคม 2561

เทคโนโลยี Face Recognition หรือ เทคโนโลยีจดจำใบหน้านี้ มีการใช้อย่างแพร่หลายในการทำงานๆ ส่วนต่างๆ ของประเทศจีน เช่น การตรวจจับใบหน้าคนร้ายตามสถานีรถไฟ ซึ่งใช้งานได้ดีทีเดียว ล่าสุดเทคโนโลยีนี้ได้ถูกนำมาใช้ในโรงเรียน เพื่อให้จัดเก็บข้อมูลของนักเรียนได้แม่นยำยิ่งขึ้น

ในงาน China Beijing International High-tech Expo ครั้งที่ 21 ณ กรุงปักกิ่ง ได้มีการจัดสาธิตระบบห้องเรียนอัจฉริยะให้กับผู้ร่วมงานได้รับชม แสดงให้เห็นการทดลองใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้า หรือ Face Recognition กับห้องเรียนของโรงเรียนแห่งหนึ่งในหางโจว

โดยนักเรียนทุกคนในห้อง จะถูกตรวจจับใบหน้าทุกๆ 30 วินาที เพื่อนำข้อมูลที่ได้ไปวิเคราะห์ถึงอารมณ์ของเด็กนักเรียนด้วย ทั้งอารมณ์โกรธ, มีความสุข, สับสน หรือ ไม่พอใจ อีกทั้งยังตรวจสอบพฤติกรรมได้ อย่างเช่น การอ่าน, การเขียน, การยกมือ และ การนอนหลับบนโต๊ะ

นอกจากการเฝ้าสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนแล้ว เทคโนโลยีนี้ยังสามารถใช้แทนบัตรประจำตัว การบันทึกเข้าเรียน สามารซื้ออาหารในโรงอาหารได้โดยไม่ต้องใช้บัตร รวมไปถึงการเข้าใช้งานห้องสมุด อย่างไรก็ตาม ยังมีความกังวลด้านความเป็นส่วนตัวสำหรับการนำเทคโนโลยี Face Recognition มาใช้ในโรงเรียน แต่ทางโรงเรียนให้ความมั่นใจว่า จะไม่มีการบันทึกภาพในห้องเรียน ส่วนข้อมูลต่างๆ จะจัดเก็บไว้ใน Local Server ไม่เก็บไว้ในระบบ Cloud

ซึ่งเทคโนโลยีจดจำใบหน้านี้ค่อนข้างมีประโยชน์อย่างมาก โดยเฉพาะในโรงเรียนประถม หลังจากที่มีการใช้ความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นในโรงเรียน การมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีอย่างเทคโนโลยีนี้ก็น่าจะได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะในปักกิ่ง โรงเรียนประถมทั้งหมดได้มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดเพื่อรักษาความปลอดภัย และบางแห่งก็เชื่อมการแสดงภาพวงจรปิดไปยังสถานีตำรวจท้องถิ่นอีกดวย

อ้างอิงจาก

Writer Profile : Lalimay

  • Blog :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save