fbpx

NEWS: ไทยมีวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ครอบคลุมไวรัส 4 สายพันธุ์แล้ว

Writer : Lalimay
: 4 เมษายน 2561

โรคไข้หวัดใหญ่เกิดจากติดเชื้อไวรัสโดยมากมักพบอัตราการติดเชื้อสูงสุดในกลุ่มเด็กอาจเกิดอาการป่วยรุนแรง มีโรคแทรกซ้อนจนถึงต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล หรืออาจเสียชีวิตหากไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่

ประชาชนควรฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ปีละครั้ง เพื่อช่วยลดการติดเชื้อลดความรุนแรงของโรคและยังสามารถป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ได้โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ เด็ก และหญิงมีครรภ์

ในปัจจุบันวัคคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่มี 2 ชนิด คือ ชนิดครอบคลุม 3 สายพันธุ์ และชนิดครอบคลุม 4 สายพันธุ์ ซึ่งในปี 2561 ประเทศไทยมีวัคซีนชนิดครอบคลุม 4 สายพันธุ์ป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่แล้วและแนะนำให้ประชาชนไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ชนิดนี้

เพราะสามารถครอบคลุมเชื้อไข้หวัดใหญ่ได้มากกว่า มีประสิทธิภาพดีกว่า และล่าสุดมีการศึกษาวิจัยด้านประสิทธิภาพในเด็กเล็ก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการลดลงของจำนวนผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ลดการใช้ยาปฏิชีวนะ ลดความถี่ในการมาพบแพทย์ และลดการรักษาตัวในห้องฉุกเฉินได้

รศ.(พิเศษ) นายแพทย์ทวี โชติพิทยสุนนท์ อาจารย์พิเศษ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี, นายกสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย แนะนำให้ฉีดวัดซีนในกลุ่มเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นหญิงตั้งครรภ์ เด็ก ผู้สูงอายุ ซึ่งโรคไข้หวัดใหญ่สามารถติดเชื้อไวรัสได้ทั้งปีแต่สูงสุดจะอยู่ในช่วงหน้าฝนตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงตุลาคม และในหน้าหนาวด้วย

โดยแนะนำให้ฉีดก่อนถึงฤดูกาลระบาด เพื่อให้ภูมิคุ้มกันพร้อมสำหรับป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ให้ฉีดครั้งละ 1 เข็ม ในเด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไปและฉีด 2 เข็มห่างกัน 1 สัปดาห์ สำหรับเด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไปถึง 9 ปีที่ไม่เคยได้รับวัคซีนมาก่อน

หากใครที่เคยฉีดสายพันธุ์เดิมมาก่อน แนะนำให้ฉีดอีกครั้งที่สถานพยาบาล เพื่อให้ได้รับวัคซีนที่มีสายพันธุ์ตรงกับที่องค์การอนามัยโลกได้แนะนำล่าสุดเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพ และได้รับประโยชน์จากการป้องกันไข้หวัดใหญ่ด้วยวัคซีนอย่างเต็มที่

อ้างอิงจาก

naewna.com/lady/330941

Writer Profile : Lalimay

  • Blog :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save