fbpx

"ถึงจะแพ้ในเกม แต่เป็นผู้ชนะในชีวิตจริง" สอนลูกสไตล์นักกีฬา ปลูกฝังพลัง และการไม่ยอมแพ้ให้ลูกน้อย

Writer : Mneeose
: 13 กรกฏาคม 2565

ในช่วงนี้หากไม่พูดถึงกีฬาชนิดนี้ก็คงไม่ได้ เพราะสร้างปรากฏการณ์ในเมืองไทยมามากมายเหลือเกิน ใช่แล้วค่ะคุณพ่อคุณแม่เรากำลังพูดถึง กีฬาฟุตบอล ที่บางครอบครัวกรี๊สส และเป็น FC ให้ทีมที่พวกเขารักเสมอมา

แต่วงการกีฬาไม่ใช่จะมีแต่ทีมฟุตบอลเท่านั้นที่ทำให้คนไทยอย่างเราคลั่งไคล้ เพราะยังมีกีฬาอีกมากมาย เช่น วอลเลย์บอล แบดมินตัน ปิงปอง หรือนักกีฬาว่ายน้ำ ที่พอเขามีแข่งขันทีไร ช่องไหน คุณสามีก็จะกลับบ้านแต่หัววัน แล้วเรียกลูกๆ และภรรยาสุดที่รักมานั่งลุ้นเชียร์หน้าทีวีไปด้วยกัน เป็นโมเมนต์ที่น่ารัก ประทับใจ และน่าจดจำมากๆ ถือว่าเป็นสีสันของครอบครัวก็ว่าได้ เพราะถ้าคุณพ่อดูคนเดียวมันก็เหงานี่เนอะ

เพราะกีฬาไม่ใช่แค่การแข่งขัน และช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรงเท่านั้น แต่กีฬายังสามารถ “สอนวิชาประสบการณ์การใช้ชีวิต” ในทุกวันนี้ได้ด้วยนะ

และที่สำคัญแม่สงสัยว่า คนที่เป็นนักกีฬาเขาเติบโตมาแบบไหนกันนะ อะไรที่ทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จ และไม่ยอมแพ้ง่ายๆ แม้จะมีอุปสรรคเข้ามาเป็นบททดสอบมากมาย จนกลายเป็นนักกีฬาระดับโลก เรามาไขความลับการเลี้ยงลูกสไตล์นักกีฬา “ถึงจะแพ้ในเกม แต่เป็นผู้ชนะในชีวิตจริง” ลุยเลยย!!

1. ไม่สำคัญว่าจะแพ้หรือชนะ แต่คือการรู้จักการจัดแบ่งเวลาทำในสิ่งที่ชอบ

เราทุกคนสามารถชอบหลายๆ สิ่ง ทำหลายๆ อย่างได้แบบไม่มีข้อจำกัด แต่การทำทุกสิ่งที่ชอบให้ประสบความสำเร็จอาจเป็นเรื่องยาก เพราะทุกสิ่งล้วนต้องการความใส่ใจ การโฟกัส การดูแล และการทุ่มเท

ฉะนั้น ในวงการกีฬาก็เช่นกัน ถ้าอยากทำในสิ่งที่ชอบให้ได้หลายๆ อย่าง ลูกก็ต้องเป็นคนที่รู้จักแบ่งเวลาเป็น เรียงความสำคัญได้ และรู้ว่าควรทำสิ่งไหนก่อน-หลัง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สำเร็จตามที่ใจต้องการ แล้วลูกจะเกิดความภาคภูมิใจในตัวตนของตัวเอง สร้าง Self-Love ขึ้นมาให้ตัวเอง และสามารถแบ่งปันให้ผู้อื่นได้อย่างไม่จำกัด

 

2. ไม่ได้แข่งกับใคร แต่แข่งกับตัวเอง

ไม่ว่าจะแข่งกีฬากับใครก็ตาม ก่อนที่จะอยากได้ชัยชนะของคนอื่น เราต้องลุกขึ้นมาแข่งกับใจของตัวเองให้ได้เสียก่อน นั่นถึงจะเป็นจุดเริ่มต้นที่งดงาม

เช่น การเอาชนะตัวเองโดยการตื่นเช้าขึ้นมาฝึกซ้อม การเลี่ยงทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ออกกำลังกายเป็นประจำให้ติดเป็นนิสัย เป็นต้น แล้วชีวิตลูกจะมีแต่ความสำเร็จ แถมความภาคภูมิใจแบบไม่มีวันหยุด

  

3. ไม่ต้องเก่งที่สุด แต่จงตั้งใจให้ดีที่สุด 

ลูกเราไม่จำเป็นต้องเป็นเด็กที่เล่นกีฬาเก่งที่สุดในชั้นเรียน
ไม่จำเป็นต้องติด Top 10 ของนักกีฬาโรงเรียน
ไม่ต้องเข้าร่วมการแข่งขันทุกแมทซ์ที่โรงเรียนตั้งขึ้น

แต่ขอเพียงลูกจงมีความ “ตั้งใจ” ทำสิ่งที่ลูกโฟกัสให้ดีที่สุดก็เพียงพอแล้ว ไม่ต้องเอาเหรียญรางวัลต่างๆ นานามาฝากพ่อกับแม่ก็ได้ เพราะไม่ว่าอย่างไร พ่อกับแม่ก็ภูมิใจ และรักในตัวตนของลูกเสมอ แค่รู้ว่า ลูกอยากเอาเหรียญรางวัลมาให้พ่อกับแม่ก็ดีใจมากๆ แล้วล่ะ

 

4. กีฬา คือ ใบเบิกเส้นทางประสบการณ์ในชีวิต

หลายๆ ครั้งกีฬาก็จะหยิบยื่นความหวังดีมาในรูปแบบการให้ประสบการณ์ชีวิต การมีเป้าหมายในชีวิต การรู้ว่าต้องทำสิ่งใดต่อไปในชีวิต ถือว่า วงการกีฬา คือ ใบเบิกเส้นทางให้ลูกค้นหาประสบการณ์ชีวิตที่โลดโผนขึ้นนั่นเอง

หลายครั้งที่กีฬาทำให้ลูกของเราได้ไปเจอกับคนเก่งๆ มีทัศนคติที่ดี เติบโตและมีความมั่งคงในชีวิต ทำให้พวกเขามีไอดอลที่พวกเขาอยากจะทำตามความฝันให้เป็นจริง ถือเป็นประสบการณ์ชีวิตที่เข้ามาเติมสีสันให้ครอบครัวสนุกขึ้น

ขอบอกเลยว่า กีฬา มีประโยชน์มากกว่าที่คุณคิดแน่นอนค่าาา

 

5. “ทีมเวิร์ก” คือตัวแปรสำคัญสู่ความสำเร็จ

“ชนะคนเดียวก็ไม่น่าภูมิใจเท่าชนะกับเพื่อนร่วมทีม”

หลายๆ ครั้งที่กีฬาก็สอนสิ่งต่างๆ ที่ในชีวิตปกติของเราไม่สามารถสอนได้ กีฬาบางชนิดจึงไม่สามารถเล่นคนเดียวได้ ต้องอาศัยเพื่อนร่วมทีม และความเข้าใจไว้ใจซึ่งกันและกัน จนกลายเป็น “ทีมเวิร์ก” ตัวแปรสำคัญที่จะขับเคลื่อนให้ไปสู่ความสำเร็จ

 

6. โลกภายนอกกว้างกว่าที่เราคิด

“ชีวิตลูกเป็นของลูก ไม่ใช่ชีวิตลูกเป็นของพ่อแม่อย่างเรา”

การปล่อยให้พวกเขาได้เดินทางทำตามความฝันให้สำเร็จ จึงถือเป็นหน้าที่ที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ในสมัยนี้ต้องเรียนรู้ และยอมรับกับการเปลี่ยนแปลงให้ได้ แม้ว่ามันยากสักแค่ไหน แต่เราก็ไม่สามารถอยู่กับลูกทั้งชีวิตได้อยู่ดี

และโลกภายนอกก็กว้างกว่าที่เราคิด การปล่อยให้ลูกได้ใช้ชีวิตในแบบที่เขาชอบ ในแบบที่เขาต้องการ แค่นี้ก็คงทำให้พ่อแม่อย่างเรามีความสุขที่เห็นลูกกล้าออกไปใช้ชีวิตในแบบของตัวเองแล้ว

 

7. ทุกอย่างสามารถเป็นไปได้ เพียงแค่เชื่อมั่น

“ความเชื่อมั่น” มีพลังมหาศาลมากกว่าที่เราคิด เพราะสามารถทำให้เรื่องยากกลายเป็นเรื่องง่าย พลิกเกมให้ทุกอย่างอยู่เหนือความคาดหมาย และเป็นไปได้แบบไม่รู้ตัว แล้วมันทำงานอย่างไร?

พลังแห่งความเชื่อมั่นจากจิตใจจะส่งต่อความเชื่อมั่นเหล่านั้นไปที่ระบบสมอง ส่วนสั่งการที่ทรงพลังมากที่สุดในร่างกาย ซึ่งจะทำหน้าที่ประมวลผลเพื่อหาความสำเร็จที่สามารถเป็นไปได้ แล้วเลือกมา 1 วิธี จากนั้นจึงสั่งการให้ร่างกายทำตามที่สมองคิด พร้อมทั้งทำให้เกิดผลลัพธ์แบบที่สมองคิดและสั่งการมา เราเรียกวิธีการคิดแบบนี้ว่า พลังแห่งความเชื่อมั่น และกฎของแรงดึงดูด ที่สามารถเนรมิตทุกสิ่งที่ต้องการได้อย่างมีเหตุผล

 

8. พรสวรรค์เริ่มต้นจากพรแสวง และการฝึกซ้อม
 

หน้าตาของพรสวรรค์เป็นอย่างไร? ไม่มีใครเคยเห็น เก่งแล้วทำอะไรต่อไป ถ้าไม่รู้จักการแสวงเพื่อต่อยอด

ซึ่งตรงข้ามกับพรแสวง ที่เราสามารถจับต้องมันได้เลยนะ แสวงมาเพื่อครอบครอง แสวงมาเพื่อความอยากได้ จนทำให้ต้องฝึกซ้อมแล้วฝึกซ้อมอีก ถ้ายังไม่ได้มาครอบครอง ก็ต้องฝึกซ้อมแล้วฝึกซ้อมอีก ทำไปเรื่อยๆ จนได้ทุกสิ่งที่อยากได้อย่างไม่ย่อท้อ และไม่ยอมแพ้

พรแสวงจึงเป็นสิ่งที่น่าค้นหากว่าพรสวรรค์นั่นเอง

 

9. ไม่มีสิ่งใดได้มาง่ายๆ ทุกอย่างล้วนมีราคาที่ต้องเสียไป

ถ้าอยากเก่งวิชาคณิต ก็ต้องฝึกทำโจทย์เลข
ถ้าอยากพูดภาษาอังกฤษได้ ก็ต้องกล้าเข้าไปทำความรู้จัก ฝึกใช้ศัพท์บ่อยๆ หัดพูดเยอะ

วงการกีฬาก็เช่นกัน ถ้าอยากเก่งกีฬาชนิดไหนก็ต้องพุ่งตัวไปฝึกซ้อม ซ้อมแล้วซ้อมอีก จากที่ซ้อมเป็นวัน ก็กลายมาเป็นเดือน จนกลายเป็นปี ซึ่งแน่นอนว่ามันมีเวลาที่เสียไปในการฝึกซ้อมมากมาย แบบนับแล้วท้อ

ช่วงแรกลูกอาจคิดว่า ทำไมเราต้องเอาเวลาเล่นกับเพื่อนมาแลกกับเวลาฝึกซ้อมด้วย แต่เมื่อพวกเขาโตขึ้นและมีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจนขึ้นในตัวเอง พวกเขาจะรู้เองว่าควรทำสิ่งใด หรือเลือกที่จะไม่ทำสิ่งใด เพราะทุกสิ่งล้วนมีราคาที่ต้องเสียไป

 

10. กล้าทำ ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย

คุณพ่อคุณแม่เคยได้ยินคำว่า แค่ลุกขึ้นมาซ้อมก็ชนะแล้วบ้างไหมคะ คล้ายๆ กันเลยค่ะ แค่เรารู้จักสอนลูกให้เป็นคนกล้าคิด กล้าทำ แค่นี้ก็มีชัยชนะไปกว่าครึ่งแล้วค่ะ เพราะยังดีกว่าลูกไม่ได้ลองทำอะไรเลย ไม่รู้ว่าตัวเองชอบหรือไม่ชอบอะไร ไม่รู้เป้าหมายในชีวิตตัวเอง จริงไหมล่ะคะ?

 

11. ลดโรค ฝึกสมาธิ ควบคุมอารมณ์ให้ดียิ่งขึ้น และไม่ยอมแพ้ง่ายๆ

การฝึกควบคุมอารมณ์เป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ ของเด็กในยุคสมัยนี้ เพราะว่าพวกเขามีเครื่องล่อตาล่อใจล่อสมาธิเต็มไปหมด จะหันไปทางไหนก็เจอแต่หุ่นยนต์ เทคโนโลยี ความก้าวหน้าที่พ่อกับแม่เริ่มจะตามไม่ทันและ

ปัจจัยพวกนี้ทำให้โลกหมุนเร็วเกินกว่าที่เราจะตามทัน และทำให้ลูกของเราเป็นเด็กสมาธิสั้น ทำอะไรนานๆ ไม่ได้ ขี้ลืมเหมือนคนแก่ รอไม่เป็น ชอบอะไรก็ได้ที่เร็วๆ นั่งหน้าจอคอมนานๆ มีปัญหาเรื่องโรคภัย และที่สำคัญคือกลายเป็นเด็กที่ไม่สู้ ยอมแพ้อะไรง่ายๆ ไปโดยปริยาย

แล้วสิ่งที่เรียกคืนความเป็นธรรมชาติในตัวของเด็กให้กลับมาเหมือนเดิมอีกครั้ง คือ อะไรล่ะ แม่บอกได้เลยค่ะว่าคือความใส่ใจ การให้เวลากับลูกอย่างเพียงพอ การเล่น และการเลี้ยงดูของคุณพ่อคุณแม่ในปัจจุบัน สไตล์การเลี้ยงลูกแต่ละบ้านย่อมไม่เหมือนกัน และแน่นอนว่าวงการกีฬาสามารถช่วยเรื่องนี้แก่ครอบครัวคุณได้ แต่ควรถามความสมัครใจของเด็กๆ ก่อนนะคะ ว่าเขาอยากเล่นกีฬาชนิดนี้รึเปล่า?

หมดยุคการยัดเยียดความฝันของพ่อแม่ให้ลูกๆ แล้วนะคะคุณพ่อคุณแม่

 

12. อย่ากลัว จนกว่าจะได้ลองทำ
 

เด็กบางคนไม่กล้าลองทำอะไรใหม่ๆ เพราะความกลัวที่มันมากกว่าความกล้า อาจจะกลัวการล้มเหลว กลัวได้ไม่ดี ชอบอยู่ใน Comfort Zone เพราะฉะนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรปลูกฝังลูกๆ ให้กล้าลองทำสิ่งใหม่ๆ ตามที่ตัวเองปรารถนานะคะ อย่ากลัวจนกว่าจะได้ลองทำอะไรเจ๋งๆ นั่นเอง ไม่แน่นะ สิ่งที่ลูกกลัวตอนแรก เขาอาจจะชอบในตอนหลังก็ได้

Writer Profile : Mneeose

💙💙💙

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



Update
ไลฟ์สไตล์ ไลฟ์สไตล์
เคยกลับบ้านมาแล้วกรี๊ดลั่นบ้านเพราะเจ้าตัวแสบไปวิ่งเล่นเลอะเทอะกันไหมคะ ? หรือแต่งตัวลูกอย่างดีไปทานข้าวนอกบ้าน แต่คุณลูกก็ทำซอสหกใส่ ไอติมหล่นไปเป็นก้อน เละทั้งตัว วันนี้ ParentsOne มีเสื้อเด็กที่เจ๋งมากๆ จาก GQ : the good day lab™ มาลองรีวิวให้ได้ชมกันค่ะ 🛒 ช้อปเลยที่ -> https://gqsize.link/bZT7Sx แกะกล่อง GQ : the good day lab™ เสื้อเด็ก ฟีเจอร์เพียบ คุณภาพ GQ ขึ้นชื่อว่า GQ ก็มั่นใจได้เรื่องคุณภาพค่ะ ผ้านุ่ม เบาบาง เหมาะกับอากาศเมืองไทย ใส่วิ่งสบายๆ ที่แปลกตาคือเป็นเสื้อที่ไม่มีป้ายแท็กค่ะ ทั้งด้านหลังคอเสื้อ หรือข้างใน ไม่ต้องห่วงว่าจะเคืองหรือคันเลย กระดุมแข็งแรงเอามากๆ ใช้แรงผู้ใหญ่ดึงแรงๆ ก็ไม่มีปัญหาเลย ไฮไลท์สำคัญที่คุณแม่แทบกรี๊ด คือเป็นไม่เปื้อนค่าาาา เทน้ำ เทนมใส่เสื้อ ไม่เปียกเลย สะบัดสองที หายปกติ ซึ่งถ้าใครเคยเห็นโฆษณา GQ ที่เสื้อเชิ้ตขาวไปทำงานคุณพ่อ โดนกาแฟหกใส่ แต่ผ้าไม่เปื้อนเลย เทคโนโลยีผ้าสะท้อนน้ำ ตอนนี้มาอยู่ในเสื้อเด็กแล้ววววว ทีมงานทดสอบเทน้ำสีผสมอาหาร นม หรือแม้แต่ซอสมะเขือเทศลงบนเสื้อ ก็ไม่เปื้อนค่ะ ไม่น่าเชื่อมากๆ ข้อดีที่สุดของผ้าแบบนี้ คือทำให้ชีวิตคุณแม่สบายขึ้นมาก พาลูกไปเที่ยว วิ่งเล่นสนามหญ้า พาไปทานก๋วยเตี๋ยว หรือให้ทานอะไร ก็ไม่ต้องกลัวเสื้อสวยๆ เลอะ แถมประหยัดเวลาซักผ้าด้วย ไม่ต้องมาคอยแช่ผ้าให้คราบมันออกแบบสมัยก่อน สำหรับเสื้อเด็ก the good day lab™…
8 ธันวาคม 2566

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save