fbpx

ลูกเป็น LGBTQ+ ไม่ใช่เรื่องผิด 5 ความเข้าใจที่คนเป็นพ่อแม่ต้องปรับแนวคิดเมื่อลูกเป็น LGBTQ+

Writer : OttChan
: 21 มิถุนายน 2565

ในวันที่โลกหมุนเปลี่ยนไปไม่กำหนดว่าใครเป็นใครและมีความสามารถแค่ไหนด้วยเพศแล้ว กับความรักและตัวตนเองก็เช่นกันที่ถูกเปลี่ยนไปให้มีความหลากหลาย และเปิดกว้างทางการยอมรับมากขึ้น

คุณพ่อคุณแม่เองก็รู้สึกใช่ไหมคะ ว่าทุกวันนี้ ชีวิตของเราก้าวไปข้างหน้าโดยตามมันแทบไม่ทัน และเรื่องที่สามารถพบเจอได้มากที่สุดอันดับต้นๆ คงไม่พ้น การเปิดตัวว่าเราเป็นเพศที่หลากหลายหรือ LGBTQ+ ไม่ว่าจะเป็น เกย์, เลสเบี้ยน, ไบเซ็กชวล, ทรานเจนเดอร์หรือกลุ่มที่ยังไม่นิยามตนเองว่าต้องการเป็นเพศไหนที่ชัดเจน ขอแค่ภูมิใจในสื่งที่เป็นอยู่ นับว่าเป็นสิ่งที่สวยงามมากๆ เลยค่ะ

แต่บางครั้งการทำความเข้าใจในเรื่องนี้สำหรับพ่อแม่แล้ว อาจจะยังรู้สึกเร็วไปหรือปรับความคิดไม่ทันว่าหากลูกของเราเป็น LGBTQ+ ขึ้นมาแล้ว เราต้องปรับตัวอย่างไร จะทำอย่างไรที่จะสามารถปกป้องลูกของเราได้จากการถูกดูแคลนหรือคำร้ายๆ ของผู้อื่น และในบางครั้งก็อาจเป็นเราเองที่ไม่สามารถยั้งคำพูด หรือความคิดออกไปได้เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงไปของลูก จนทำให้เกิดการทำร้ายจิตใจ และปิดกั้นความรู้สึกต่อกันในที่สุด และนั่นก็อาจกลายเป็นจุดที่ทำให้ระยะห่างของเราและลูก ไกลออกจากกันมากยิ่งขึ้นค่ะ

ซึ่งเรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นเลย หากเรามีความเข้าใจเกี่ยวกับสิ่งที่ลูกเลือกจะเป็น และเราต้องทำความเข้าใจในเรื่องไหนบ้างนั้น มาดูตามกันไปทีละข้อกันเลยค่ะ ว่าเรามีความเข้าใจครบแล้วทุกข้อหรือไม่

ความเข้าใจที่ 1 

ไม่ว่าลูกจะอยากเป็นเพศไหน ลูกมีคุณค่าในตนเองเสมอ

การที่ลูกของเราไม่ได้เป็นเพศตรงกับในใบแรกเกิดตามการระบทางการแพทย์ ไม่ได้แปลว่าคุณค่าในตัวตนเขาน้อยกว่า หรือแย่กว่าใคร เด็กทุกคนมีค่ากับเราตั้งแต่วันที่เราตั้งใจให้เขาเกิดขึ้นมาบนโลก มีค่าตั้งแต่ในวันที่เราอยากตั้งชื่อ หรือเตรียมเสื้อผ้า และเปลนอนให้เขาได้ใช้ตอนลืมตาออกมาดูโลกภายนอก เพราะงั้นแล้ว ไม่ว่าลูกของเราจะอยากเป็นเพศไหน หรือมีวิถีการใช้ชีวิตในเส้นทางนี้อย่างไร ลูกนั้นมีค่าเสมอ

แม้คนอื่นอาจทำให้เรารู้สึกไขว่เขวหรือพยายามสอบถามว่ารู้สึกอย่างไร ก็ต้องมั่นใจที่จะตอบกลับไปอยู่เสมอว่า ไม่ม่วาลูกของเราจะเป็นอย่างไร ลูกก็คือสิ่งที่มีค่าที่สุดสำหรับคนเป็นพ่อเป็นแม่ ไม่มีอะไรมาเปลี่ยนแปลงเรื่องนั้นได้

 

ความเข้าใจที่ 2

ไม่จำเป็นต้องพยายามบอกว่าเพราะลูกเป็นเพศนี้จึงเป็นคนพิเศษ เพราะเหตุผลที่ลูกพิเศษ เพราะเขาคือลูกของเรา

พอลูกเราเป็นเพศที่หลากหลายกว่าใคร คงมีบ้างที่อยากจะให้กำลังใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแต่งตัว, รสนิยมความชอบ, ความสามารถ ทำให้อะไรที่เขาทำก็ดูพิเศษไปหมด แต่นั่นอาจก่อความรู้สึกอึดอัดให้ลูกได้เพราะการปฏิบัติที่แตกต่างจากคนทั่วไป หรือมองว่าเพราะเขาเป็น LGBT ถึงได้พิเศษ เราควรปรับความเข้าใจให้ตรงกับความรู้สึกของคนเป็นพ่อแม่ทุกคนควรรู้สึก นั่นคือเพราะเขาเป็นลูกของเรา เขาจึงพิเศษกับเรามากกว่าใครๆ

ไม่ต้องจำกัดด้วยเพศว่าเพราะเป็นเพศนี้จึงพิเศษ แต่ให้ใช้ความรู้สึกว่าเขาคือลูกของเรา เขาจึงพิเศษเสมอไม่ว่าจะเป็นอย่างไร

 

ความเข้าใจที่ 3

การเปรียบเทียบ ไม่ใช่สิ่งที่ช่วยผลักดันให้ลูกกลับมาเป็นดั่งใจเรา แต่เป็นการผลักลูกให้ออกไปไกลกว่าเดิม

บางครั้งเราเองก็คิดว่าชอบตัวตนที่เราเห็นแต่แรกของลูกที่ตรงกับเพศกำหนดมากกว่า คนทำให้เราเผลอไปบ้างที่จะเปรียบเทียบตัวตนของลูกทั้งกับในอดีต และ คนอื่นๆ ที่เป็นเพศตรงกับวิถีที่เราอยากให้ลูกเป็น โดยที่สิ่งนี้ นับว่าเป็นเรื่องที่สะเทือนความรู้สึก และส่งผลให้ลูกรู้สึกว่าเราไม่ใช่เซฟโซนของเขา เพราะไม่ว่าเขาจะเป็นอย่างไร ก็ไม่เคยเป็นที่พอใจของพ่อแม่เขาเสียที

ดังนั้นการเปรียบเทียบ  โดยเฉพาะคำเทียบที่บอกว่า แต่ก่อนดีกว่านี้, คนนั้นเขาเก่งกว่า, ทำไมถึงทำไม่ได้แบบตอนนั้น ทุกคำที่เป็นคำเทียบเชิงลบ จึงไม่ใช่เรื่องที่ควรพูดหรือส่งผลดีกับตัวลูกอย่างที่เราคิด ต้องปรับความเข้าใจเสียใหม่ว่า ไม่มีใครชอบหรอกนะ กับการที่เราเป็นแบบนี้แต่กลับถูกเทียบอยู่เสมอว่าเป็นแบบนี้ หรือแบบนี้จะดียิ่งกว่า หากเราทำความเข้าใจได้ในส่วนนี้ ก้จะช่วยให้เรามีช่วงเวลาที่จะคิดถึงแต่เรื่องดีๆ ที่ลูกเราเป็น หรือทำได้ และสุดท้ายก็จะไม่มีปัญหาความรู้สึกต่อกัน

 

ความเข้าใจที่ 4

ไม่ต้องรอให้สังคมยอมรับลูกของเราที่เป็น LGBT เรานี่แหละคือคนแรกที่จะลุกขึ้นมายอมรับตัวตนของลูก

สิ่งที่พ่อแม่กลัวมากที่สุดเกี่ยวกับเรื่องการเป็นเพศที่หลากหลายของลูกคือการไม่ถูกยอมรับ หรือถูกลดทอนโอกาสต่างๆ ในสังคมลงไป จึงเลือกที่จะแก้ไขด้วยวิธีการที่ง่ายที่สุดโดยการจัดการคนของตนเอง แทนที่จะเปลี่ยนไปตั้งคำถามกับสังคมว่าเพราะอะไรถึงต้องไม่ยอมรับในความหลอกหลายตรงนี้ ซึ่งตรงนี้ถือว่าเป็นความเข้าใจที่ผิด

เพราะความจริงแล้ว สิ่งที่ควรเปลี่ยนคือสังคมต่างหาก ที่ต้องปรับไปตามเวลา รวมไปถึงทัศนคติที่มีต่อทุกคนในสังคมเอง ก็ต้องเปิดกว้างให้ได้มากที่สุดเพื่อมอบโอกาสให้ผู้คนได้อย่างทั่วถึง

ลูกของเราไม่ได้มีความผิด หรือแปลกแต่อย่างใดที่เลือกจะเปิดเผยสิ่งที่เป็น และเราเองก็ต้องไม่มองว่าสิ่งที่ลูกเป็นคือเรื่องแปลกเช่นกัน

การยอมรับ และคอยอยู่เคียงข้างในทุกวันที่ลูกต้องการ จะช่วยให้เรากับลูกได้ใช้เวลาร่วมกัน และเข้าใจกันและกันมากขึ้น เมื่อถึงตอนนั้น ไม่ว่าสังคมจะว่าอย่างไร มันก็ไม่สามารถทำร้ายความรู้สึก และตัวตนของลูกเราได้อย่างแน่นอน

 

ความเข้าใจที่ 5

เมื่อลูกพร้อมจะเปิดใจพูดคุย เราก็ต้องเปิดหูเพื่อรับฟัง

พ่อแม่หลายคน อาจรู้สึกหรือรับรู้ได้อยู่แล้วว่าลูกของเรา มีตัวตนที่เขาอยากจะเป็น และอาจจะยังไม่กล้าหรือไม่มั่นใจ ซึ่งในเวลาที่เรารู้หรือสัมผัสได้แล้ว เราก็อยากจะให้เขารีบเผยตัวตนเร็วๆ ใช่ไหมคะ ซึ่งในความจริงแล้ว ถ้าเราเข้าใจธรรมชาติในการเติบโตของลูก เราจะรู้ว่า เขาเองก็กำลังค้นหาตัวตนที่ใช่ที่สุดสำหรับเขา จึงไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่เขาจะยังไม่เคยบอก หรือพยายามแสดงตัวตนออกมาให้เราเห็น สิ่งที่พ่อแม่อย่างเราควรทำนั้น ควรเรียงลำดับดังนี้

  • ไม่ซักไซ้หรือพยายามจี้เอาคำตอบให้ได้
  • ให้ลูกได้ใช้เวลาค้นหาตัวตนเท่าที่ต้องการ
  • เมื่อตอนที่ลูกพร้อมจะบอก ให้ตั้ใจฟังในสิ่งที่ลูกบอก

 

จากทุกข้อที่ได้บอกมานั้น อาจเป็นเพียงแค่การแนะนำเบื้องต้นที่คนเป็นพ่อแม่แบบเราต้องทำการปรับความคิด และเปิดใจให้มากขึ้น แต่สิ่งสำคัญที่เป็นจุดเริ่มต้นของทุกความเข้าใจคือ ไม่ว่าลูกของเราจะเลือกไปในทางไหน ถ้ามันคือความสุขของเขา พ่อแม่แบบเรา จะร่วมยินดีกับ และค่อยอยู่เคียงข้างเขาเสมอ

ที่มา thestandard , thaihealth

Writer Profile : OttChan

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



Update
ไลฟ์สไตล์ ไลฟ์สไตล์
เคยกลับบ้านมาแล้วกรี๊ดลั่นบ้านเพราะเจ้าตัวแสบไปวิ่งเล่นเลอะเทอะกันไหมคะ ? หรือแต่งตัวลูกอย่างดีไปทานข้าวนอกบ้าน แต่คุณลูกก็ทำซอสหกใส่ ไอติมหล่นไปเป็นก้อน เละทั้งตัว วันนี้ ParentsOne มีเสื้อเด็กที่เจ๋งมากๆ จาก GQ : the good day lab™ มาลองรีวิวให้ได้ชมกันค่ะ 🛒 ช้อปเลยที่ -> https://gqsize.link/bZT7Sx แกะกล่อง GQ : the good day lab™ เสื้อเด็ก ฟีเจอร์เพียบ คุณภาพ GQ ขึ้นชื่อว่า GQ ก็มั่นใจได้เรื่องคุณภาพค่ะ ผ้านุ่ม เบาบาง เหมาะกับอากาศเมืองไทย ใส่วิ่งสบายๆ ที่แปลกตาคือเป็นเสื้อที่ไม่มีป้ายแท็กค่ะ ทั้งด้านหลังคอเสื้อ หรือข้างใน ไม่ต้องห่วงว่าจะเคืองหรือคันเลย กระดุมแข็งแรงเอามากๆ ใช้แรงผู้ใหญ่ดึงแรงๆ ก็ไม่มีปัญหาเลย ไฮไลท์สำคัญที่คุณแม่แทบกรี๊ด คือเป็นไม่เปื้อนค่าาาา เทน้ำ เทนมใส่เสื้อ ไม่เปียกเลย สะบัดสองที หายปกติ ซึ่งถ้าใครเคยเห็นโฆษณา GQ ที่เสื้อเชิ้ตขาวไปทำงานคุณพ่อ โดนกาแฟหกใส่ แต่ผ้าไม่เปื้อนเลย เทคโนโลยีผ้าสะท้อนน้ำ ตอนนี้มาอยู่ในเสื้อเด็กแล้ววววว ทีมงานทดสอบเทน้ำสีผสมอาหาร นม หรือแม้แต่ซอสมะเขือเทศลงบนเสื้อ ก็ไม่เปื้อนค่ะ ไม่น่าเชื่อมากๆ ข้อดีที่สุดของผ้าแบบนี้ คือทำให้ชีวิตคุณแม่สบายขึ้นมาก พาลูกไปเที่ยว วิ่งเล่นสนามหญ้า พาไปทานก๋วยเตี๋ยว หรือให้ทานอะไร ก็ไม่ต้องกลัวเสื้อสวยๆ เลอะ แถมประหยัดเวลาซักผ้าด้วย ไม่ต้องมาคอยแช่ผ้าให้คราบมันออกแบบสมัยก่อน สำหรับเสื้อเด็ก the good day lab™…
8 ธันวาคม 2566

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save