fbpx

NEWS: แพทย์แนะ ตรวจหาโรคก่อนแต่งงาน ป้องกันโรคที่ถ่ายทอดสู่ลูกได้

Writer : Lalimay
: 21 กุมภาพันธ์ 2561

สิ่งที่ควรเตรียมพร้อมก่อนแต่งงาน นอกจากจะเป็นเรื่องของงานแต่งแล้ว สุขภาพของทั้งคู่ก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องตรวจให้ดีก่อนที่จะแต่งงานค่ะ ถึงแม้ว่าจะมีการตรวจสุขภาพประจำปีเป็นปกติแล้วก็ตาม แต่การตรวจสุขภาพก่อนแต่งงานถือเป็นการเตรียมช่วงเวลาให้พร้อมเป็นคุณพ่อคุณแม่มือใหม่อย่างมีคุณภาพ ดังนั้นเพื่อที่จะให้ลูกของเราคลอดออกมาอย่างมีสุขภาพแข็งแรง การตรวจร่างกายเพื่อเตรียมพร้อมที่จะมีลูก ก็จะช่วยป้องกันไม่ให้โรคที่อาจแฝงอยู่ในร่างกายเราถ่ายทอดไปสู่ลูกได้

แพทย์หญิงรุ่งทิวา กมลเดชเดชา สูติ-นรีแพทย์ เวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ ศูนย์สุขภาพสตรี โรงพยาบาลกรุงเทพ ให้ข้อมูลว่า การตรวจสุขภาพก่อนแต่งงาน นอกจะเป็นการเตรียมความพร้อมของร่างกายก่อนมีลูกแล้ว ยังเป็นการเตรียมช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับคู่ที่อยากจะมีลูกอีกด้วย ซึ่งการตรวจร่างกายนี้ก็จะเป็นการสร้างความมั่นใจให้ทั้งสองฝ่ายที่กังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงจากโรคต่างๆ ที่ถ่ายทอดไปสู่ลูกที่จะคลอดออกมาได้ หากพบความผิดปกติ จะได้ตรวจเพิ่มเติมเพื่อหาแนวทางแก้ไขต่อไป

ซึ่งวิธีการตรวจร่างกายเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนแต่งงานมีดังนี้

  1. การเข้าพบแพทย์ เพื่อซักประวัติ ตรวจร่างกาย รวมถึงขอคำปรึกษาและคำแนะนำโดยแพทย์เฉพาะทาง
  2. หากอยากมีบุตรทันที ฝ่ายหญิงต้องมีการเตรียมความพร้อม โดยการรับประทานโฟลิคแอซิดวิตามิน ในการวางแผนก่อนตั้งครรภ์อย่างน้อย 3 เดือน
  3. แต่หากยังไม่อยากตั้งครรภ์ แพทย์จะให้คำแนะนำและวิธีคุมกำเนิด
  4. ผู้หญิงบางคนอาจมีซีสต์ หรือเนื้องอก หากตรวจพบปัญหาก่อนตั้งครรภ์ จะได้ไม่เป็นอันตรายทั้งแม่และลูกในขณะตั้งครรภ์
  5. การตรวจเลือดเพื่อหาความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด การเจาะเลือด การตรวจหากรุ๊ปเลือดหมู่โลหิต เอ บี โอ และหมู่โลหิตอาร์เอช การตรวจเลือดเพื่อหาพาหะธาลัสซีเมียที่พบได้บ่อยในคนไทย สามารถถ่ายทอดสู่ทารกในครรภ์

การตรวจสุขภาพก่อนแต่งงานนั้น ต้องตรวจทั้งชายและหญิง โดยในผู้ชายจะตรวจเลือกเพื่อหาความผิดปกติของโรคต่างๆ ที่เป็นพาหะหรือโรคติดเชื้อไปยังฝ่ายหญิง และส่งผลกระทบต่อการตั้งครรภ์ เช่น การตรวจหาเชื้อซิฟิลิส ไวรัสตับอักเสบบี เป็นต้น

นอกจากนี้ยังมีบางโรคที่ไม่ควรตั้งครรภ์ เช่น โรคหัวใจบางชนิด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาแนวทางแก้ไข หรือหากเป็นโรคแพ้ภูมิตัวเอง (SLE) ก็ควรให้โรคสงบก่อน เพราะหากตั้งครรภ์ทั้งๆ ที่ยังมีอาการ ก็จะอันตรายทั้งแม่และลูกได้

อ้างอิงจาก

Writer Profile : Lalimay

  • Blog :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save