fbpx

NEWS: แพทย์ชี้ผู้ป่วยกลุ่มเด็ก เสี่ยงเป็นโรคเรื้อรังจาก COVID-19 แม้หายจากโรคแล้ว

: 20 สิงหาคม 2564

รศ.นพ.นรินทร์ วรวุฒิ ผู้ก่อตั้งหน่วยอายุรศาสตร์ มะเร็งวิทยา คณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาลจุฒาลงกรณ์ ได้กล่าวถึงมุมมองที่ตนมีต่อสถายนการณ์ผู้ป่วยโควิดเด็ก

เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก ผู้ป่วยกลุ่มเด็กถือเป็นพาหะสำคัญที่นำเชื้อสู้คนที่บ้าน ด้วยส่วนมากแล้วผู้ป่วยเด็กไม่มีอาการ และด้วยปริมาณวัคซีนที่ไม่เพียงพอ ทำให้เด็กเกือบทั้งหมดในประเทศไทยยังไม่ได้ฉีดวัคซีน และเด็กแรกคลอดที่ยังไม่สามารถใส่หน้ากากอนามัยได้ เนื่องจากยังหายใจเองไม่เป็น

นอกจากนี้แล้ว รศ.นพ.นรินทร์ ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่าหลังจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาพลัส (Delta Plus) ทำให้มีผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้น มีผู้ป่วยที่เป็นเด็กสูงที่สุดในเดือนสิงหาคม

จากการวิจัยในประเทศอังกฤษ จากกลุ่มตัวอย่างเด็กแรกเกิดจนอายุ 17 ปีที่ติดเชื้อโควิด 1,734 คน พบว่ากลุ่มตัวอย่างเมื่อติดเชื้อจะไม่แสดงอาการ แต่มีอาการที่พบบ่อย เช่น:

  • ปวดหัว 62%
  • อ่อนเพลีย ไม่มีแรง 55%
  • อาการไข้หรือไอที่พบได้น้อยมาก

โดยเฉพาะเด็กเล็กนั้นมีอาการน้อยกว่าเด็กโต ด้วยตัวรับไวรัสในร่างกายมีน้อยกว่า กลุ่มเด็กอายุ 12-17 ปี มีอาการประมาณ 7 วัน และเด็กเล็กอายุ 5-11 ปี มีอาการเฉลี่ยประมาณ 5 วัน แต่เมื่อตรวจเชื้อไปเรื่อย ๆ เด็กบางคนอาจมีอาการนานถึง 28 วัน

สิ่งที่น่าเป็นห่วงจากการวิจัยคือ ผู้ป่วยโควิดเด็ก เมื่ออาการหายแล้ว อาจมีโรคเรื้อรังอย่างโรคปอด หายใจลำบาก สมองหรือเส้นประสาทเสื่อมพ่วงตามมาด้วย ซึ่งอาการเหล่านี้ยังพบเจอในเด็กไม่เยอะ แต่ไม่ควรประมาท ควรระวังอาการเหล่านี้ในระยะยาวแม้หายจากโรคแล้ว

รพ.นพ.นรินทร์ได้แนะนำให้ผู้ปกครองคอยสังเกตอาการของลูก ว่ามีอาการซึม ไม่ดื่มนม ไม่กินอาหาร มีไข้ ร้องงอแง ดิ้นหรือคลานบ่อย ๆ แต่ซึมเซา หรือมีอาการท้องเสีย ควรรีบตรวจโควิดเด็กด้วย แอนติเจน เทสต์ คิท พร้อมย้ำว่าการป้องกันการติดเชื้อในเด็ก ควรมีการฉีดวัคซีนที่ทั่วถึง

อ้างอิงจาก https://www.dailynews.co.th/articles/172594/

Writer Profile : phanthirapuyou

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save