fbpx

ฉีดยาไม่น่ากลัว วิธีสอนให้ลูกไม่กลัวการฉีดยา

: 3 มีนาคม 2564

แน่นอนว่าการฉีดวัคซีนเป็นนั้นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะทารกและเด็กเล็กควรได้รับวัคซีนที่ปกป้องเขาจากโรคต่างๆ แต่ถึงอย่างนั้น การฉีดยาก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเจ้าตัวน้อยเลยแม้แต่นิดเดียว

ถึงแม้ว่าฉีดยานั้นอาจจะเจ็บ แต่อย่างน้อยคุณพ่อคุณแม่ก็สามารถช่วยให้ประสบการณ์การฉีดยาของเจ้าตัวน้อยนั้นไม่แย่จนเกินไปได้ วันนี้เราเลยอยากแนะนำวิธีที่ช่วยให้ลูกน้อยไม่กลัวการฉีดยา แฮปปี้ทั้งคุณลูก คุณพ่อคุณแม่ และคุณหมอเลยค่ะ เราไปดูกันเลยดีกว่า!

คุณหมอฉีดยา ไม่น่ากลัว

เราอาจจะเคยได้ยินประโยคขู่เด็กว่า “ถ้าดื้อจะให้คุณหมอฉีดยานะ” ซึ่งเป็นประโยคที่ไม่ควรพูดกับเด็กค่ะ เพราะจะทำให้เด็กมีภาพจำไม่ดีเกี่ยวกับโรงพยาบาลและคุณหมอ ทำให้กลัวการฉีดยาไปเลย ซึ่งความกลัวที่จะเจ็บนั้นยิ่งใหญ่กว่าความเจ็บที่ได้รับจริงๆ เสียอีก และยิ่งทำให้ความรู้สึกแย่ๆ ทวีคูณไปด้วยค่ะ

พยายามสร้างภาพจำที่ดีเกี่ยวกับโรงพยาบาล คุณหมอ และการฉีดยาให้มากๆ เพื่อที่เจ้าตัวน้อยจะไม่รู้สึกกังวล และนำไปสู่การฉีดยาอันราบรื่นค่ะ อย่ากลัวที่จะบอกความจริงให้เขารู้ว่าการฉีดยานั้นเจ็บนิดหน่อย เหมือนมดกัดหรือถูกหยิก แต่ความเจ็บนี้ไม่นานเดี๋ยวก็หายไป

 

ของหวานจะช่วยเยียวยา

ของหวานมากเกินไปก็ไม่ดี แต่สักหน่อยก็ช่วยให้หายเจ็บได้ ทารกที่ได้รับประทานน้ำตาลซูโครสหรือกลูโคส มักจะร้องไห้น้อยกว่าตอนฉีดยาเมื่อเทียบกับทารกที่ไม่ได้ดื่มน้ำหวาน เพราะน้ำตาลสามารถช่วยบรรเทาความรู้สึกเจ็บ หรืออย่างน้อยก็ช่วยทำให้เจ้าตัวน้อยรู้สึกสบายใจได้บ้าง

สามารถปรึกษาขอน้ำหวาน (น้ำผสมน้ำตาลซูโครสหรือกลูโคลส) จากแพทย์ให้เจ้าตัวน้อยดื่มก่อนฉีดยาสัก 1 – 2 นาทีได้ น้ำตาลในปริมาณน้อยสามารถช่วยลดอาการเจ็บปวดจากการฉีดยาได้สำหรับเด็กเล็กอายุ 2 ปีขึ้นไป สามารถให้ลูกอมได้ค่ะ

หรือถ้าเป็นไปได้ คุณแม่ก็สามารถให้นมลูกระหว่างฉีดยาเพื่อเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจไปในตัว และความหวานในนมแม่ก็ช่วยบรรเทาอาการเจ็บของลูกน้อยได้ด้วยค่ะ

 

เบี่ยงเบนความสนใจ

ถึงเวลาใช้ความวอกแวกง่ายของเจ้าตัวน้อยให้เป็นประโยชน์! ระหว่างที่เจ้าหนูกำลังฉีดยา คุณพ่อคุณแม่สามารถนำตุ๊กตาตัวโปรดมาช่วยปลอบใจ หรือหนังสือนิทานเล่มใหม่มาเล่าให้เจ้าหนูฟังได้เลยค่ะ พยายามดึงความสนใจของเขาจนกว่าคุณหมอจะฉีดยาเสร็จ กว่าจะรู้ตัวว่าโดนฉีดยา ก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว

 

เป่าเพี้ยงไล่ความเจ็บ!

สำหรับลูกน้อยที่เริ่มโตแล้วสักหน่อย นอกจากเบี่ยงเบนความสนใจแล้ว คุณพ่อคุณแม่สามารถสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พร้อมกับเจ้าหนู แล้วเป่าความเจ็บออกไป วิธีนี้จะช่วยให้เขาเรียนรู้ที่จะรับมือกับความเจ็บจากการฉีดยาได้ และไม่มองว่าการฉีดยาเป็นเรื่องน่ากลัวค่ะ

 

ฮึบเข้าไว้

สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่อาจจะกลัวเข็มเอง สิ่งที่ควรทำคืออย่าแสดงออกให้เจ้าตัวน้อยเห็นว่ากลัวค่ะ เพราะความกลัวของพ่อแม่สามารถส่งต่อไปยังตัวลูกได้ ต่อให้กลัวแค่ไหน ให้เก็บอาการไว้ ทำใจให้เย็นและพยายามปั้นยิ้มให้เจ้าตัวน้อยรู้สึกอุ่นใจว่าสามารถพึ่งพาคุณพ่อคุณแม่ได้ในเวลานี้ค่ะ

 

ข้อมูลจาก cdc.gov

Writer Profile : phanthirapuyou

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save