fbpx

ผจญภัยโลกใต้สมุทรไปกับ “The Little Mermaid” ความรัก การเติบโต เลือกทางที่ฝัน และทำตามเสียงหัวใจ

Writer : Phitchakon
: 25 พฤษภาคม 2566

Live Action เรื่องล่าสุดจาก Disney ที่หลายๆคนรอคอยไม่ว่าจะเป็นคุณพ่อคุณแม่ที่เคยรับชมการ์ตูนในวัยหวานหรือแม้แต่คุณน้องคุณหนูที่หลงรักโลกใต้ท้องทะเลก็ตาม

ใช่แล้วล่ะค่ะ เรากำลังพูดถึง “The Little Mermaid” หรือเงือกน้อยผจญภัยที่หยิบยกกลับมาทำใหม่ในเวอร์ชันคนแสดงในปีนี้ โดยมีนักร้องสาวฮัลลี เบลลีย์รับบทนางเงือกน้อยแอเรียลพร้อมเป็นตัวแทนส่งเสียงบอกกับเด็กหญิงชายทั่วโลกว่าใครก็เป็นเจ้าหญิงได้” 

หยิบกลับมาทำใหม่ ตีความใหม่ในรูปแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนแบบนี้ ใครๆ ก็ต้องตื่นเต้นอยู่แล้ว ซึ่งเรื่องราวจะเป็นอย่างไร มีจุดเด่นจุดด้อย ข้อดีข้อเสียอย่างไร เหมาะสำหรับเด็กๆ หรือไม่ ลองไปดูกันเลย!

เรื่องราวของนางเงือกน้อยแสนซนแอเรียลธิดาคนสุดท้องของราชาไตรตันเจ้าแห่งโลกใต้สมุทรเธอมีความหลงใหลในโลกมนุษย์และใฝ่ฝันว่าอยากจะเดินเหินอย่างผู้คนบนดินแม้พ่อจะพยายามกีดกันเธอเท่าไรก็ตาม

วันหนึ่งเธอบังเอิญได้พบกับเจ้าชายอีริคและตกหลุมรักเขาเข้าอย่างจัง เธอจึงได้ทำข้อตกลงกับแม่มดทะเลเออซูลาร์เพื่อแลกเสียงอันไพเราะกับขาอย่างมนุษย์โดยมีข้อแม้ว่าเธอจะต้องได้รับจุมพิตจากเจ้าชายไม่เช่นนั้นเธอจะกลับมาเป็นเงือกและกลายเป็นทาสของเออซูลาร์ตลอดไปการออกเดินทางทำตามเสียงเรียกร้องของหัวใจเพื่อใช้ชีวิตอย่างที่ฝันจึงได้เริ่มต้นขึ้น

เติมเต็มหัวใจที่ยังเปี่ยมไปด้วยความทรงจำของวัยเยาว์ ส่งต่อความกล้าหาญให้หนูน้อยเชื่อมั่นในตัวเอง และสิ่งที่ฝัน จูงมือลูกรักไปดู “The Little Mermaid” ได้แล้ววันนี้ ในโรงภาพยนตร์!

ชมตัวอย่าง :

การ์ตูนเรื่องนี้เหมาะกับเด็กอายุ 8 ขวบขึ้นไป

แม้จะมีเค้าโครงเรื่องหลักๆ มาจากการ์ตูนเงือกน้อยแอเรียลแบบต้นฉบับทั้งหมด แต่พอมาอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงก็ทวีคูณความจริงจังให้มากยิ่งขึ้นไปกว่าเดิม นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มเติมพื้นเพตัวละคร เสริมเนื้อเรื่องเพิ่มประเด็นให้มีความซับซ้อนยิ่งกว่าเดิม จึงบอกได้ว่าเป็นเวอร์ชันที่ไม่ค่อยเหมาะกับเด็กเล็กๆ เท่าไร

ถึงอย่างนั้นเด็กๆก็ยังสามารถสนุกสนานกับกลิ่นอายของเทพนิยายชวนฝันเพลิดเพลินกับภาพบรรยากาศโลกใต้ท้องทะเลที่สวยงามสุดแสนจะแฟนตาซี รับประกันว่ากระตุ้นจินตนาการเรียกความตื่นตาตื่นใจจากเจ้าตัวน้อยแน่นอน

เรื่องที่ต้องระวัง

มีความรุนแรงและฉากน่ากลัว

  • อย่างที่บอกไปว่า Live Action เวอร์ชันนี้ มีความดาร์ก ความสมจริงเพิ่มเข้ามา เรื่องความรุนแรงต่างๆ ฉากต่อสู้ ฉากปะทะ หรือหน้าตาของเหล่าสัตว์ร้ายใต้ทะเล อาจทำให้เด็กๆ ไม่สบายใจ หรือตื่นกลัวได้ แถมยังมีจังหวะตกใจ (Jump Scare) ที่ต้องระวังอีกด้วย

มีแสงสีแสบตา

  • ด้วยฉากที่เป็นโลกใต้ท้องทะเลสลับกับการเล่าเรื่องบนบกมีการเปลี่ยนแปลงของแสงสีหรือกระพริบไปมาอยู่บ่อยครั้งสำหรับเด็กๆที่ไม่ถูกกับแสงสีวิบวับอาจมีอาการปวดหัวได้หากมีโอกาสได้รับชมในจอโทรทัศน์จากสตรีมมิ่งออนไลน์ต่างๆควรรับชมในระยะห่างที่พอดี

มีการใช้คำหยาบคาย

  • ตัวละครอาจมีคำพูดบางคำที่ไม่เหมาะสมด่าทอสบถบ้างเล็กน้อยเด็กๆควรได้รับคำแนะนำจากผู้ปกครอง

จุดดีของเรื่อง

เข้าใจความแตกต่างหลากหลาย อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข

  • จุดเด่นที่สำคัญของ The Little Mermaid ในเวอร์ชันนี้ คือการนำเสนอความแตกต่าง ไม่ว่าจะเชื้อชาติ สีผิว ภาษา ความคิดก็ตาม ทำให้ลูกได้เรียนรู้ถึงความหลากหลายของสรรพสิ่งบนโลก และเรียนรู้ที่จะเคารพผู้อื่น ไม่ด่วนตัดสินตีความใครไปก่อน แต่ให้เกียรติคนทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข

เสริมเพิ่มเติมความเข้าใจในครอบครัว

  • อีกเรื่องหนึ่งที่โดดเด่นไม่แพ้กันคือเรื่องราวของความสัมพันธ์ในครอบครัวที่สะท้อนผ่านแอเรียลกับราชาไตรตัน หรือแม้แต่ราชินีกับเจ้าชายอีริคก็ตาม เพราะผู้ใหญ่ทั้งสองมีความรัก ความหวังดีให้กับลูกผู้เป็นดั่งแก้วตาดวงใจ จนบางครั้งก็ทำให้เผลอทำร้ายความรู้สึก กีดกันออกจากสิ่งที่รักสิ่งที่ฝัน จนทำให้มีปากเสียงทะเลาะเบาะแว้ง หรือนำไปสู่ภัยอันตรายที่ไม่คาดฝัน ถือเป็นสิ่งที่พ่อแม่อย่างเราๆ จะได้นำมาขบคิดพิจารณากับตัวเอง ว่าแทนที่จะห้ามปรามอย่างเด็ดขาด ใช้ถ้อยคำรุนแรง เราควรปล่อยให้เขาเติบโตอยู่ในสายตา คอยรับฟังให้คำแนะนำสนับสนุน และเป็นดั่งเบาะนุ่มๆ รองรับให้เขาไม่เจ็บมากจนเกินไป ในวันที่ล้มแทนหรือเปล่า
  • ในทางกลับกันลูกๆ เองก็จะได้เรียนรู้ว่า บางครั้งที่พ่อแม่แสดงออกเช่นนั้นเป็นไปด้วยความรัก ความเป็นห่วง ไม่อยากจะให้ลำบาก ภาพยนตร์เลือกนำเสนอทั้งสองมุมมอง กลายเป็นสายโยงใยเชื่อมความสัมพันธ์เพิ่มเติมให้เกิดความเข้าใจในที่สุด

กล้าหาญ เฉลียวฉลาด 

  • เงือกน้อยแอเรียลและเจ้าชายอีริคในเวอร์ชันนี้เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเด็กๆ ในด้านความกล้าหาญเชื่อมั่นในตนเอง และพร้อมจะเผชิญหน้ากับทุกอุปสรรคเพื่อสิ่งที่ฝันเป็นแรงบันดาลใจที่ผลักดันให้เด็กๆ มุ่งมั่นตั้งใจทำในสิ่งที่ตนรักเช่นเดียวกัน ที่สำคัญคือคุณพ่อคุณแม่ต้องคอยอยู่ข้างๆ เป็นผู้สนับสนุนที่ดี รับฟังอย่างเข้าใจ และพาเขาไปสู่ความสำเร็จ

อ้างอิงข้อมูลจาก :  commonsensemedia

Writer Profile : Phitchakon

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



16 พฤศจิกายน 2563
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save